ตอนที่75 ยากที่จะอยู่รอด
“โอเคค่ะ พี่มนต์”
จารวีตอบรับอย่างเป็นสุข พลางก้าวขึ้นไปนั่งบนรถของมนต์ตรี ตัวรถเคลื่อนที่ออกนอกตัวเมืองอย่างช้าๆ
“วี ทำไม่ช่วงนี้ถึงผอมลงเยอะจัง” สายตาห่วงใยของมนต์ตรีจับจ้องไปยังใบหน้าของจารวี
จารวีนวดคลึงใบหน้าไปมาพลางยิ้ม “หรอคะ คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยเจริญอาหารมั้งคะ”
มนต์ตรีมองจารวีอย่างรู้สึกผิด “วี เป็นเพราะพี่ไม่ดีเอง พี่ไม่ควรให้วีดูรูปภาพพวกนั้นเลย”
รูปเหล่านั้นที่มนต์ตรีหมายถึงก็คือรูปของเฉลิมชัย นัยน์ตาของจารวีพลันแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลด ตอนนี้ รูปภาพเหล่านั้นทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน
ถ้าหากเธอรู้เร็วกว่านี้ว่าเฉลิมชัยเป็นคนน่ารังเกียจขนาดไหน เธอจะไม่มีทางสนใจเขาอย่างเด็ดขาด
ไอ้คนสารเลว คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องเลวทรามพรรค์นั้นกับคุณแม่
เนิ่นนาน จารวีมองเห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยของมนต์ตรี เธอจึงยักไหล่พลางเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่มนต์ วีลืมมันไปหมดแล้ว”
“วี พี่ขอโทษจริงๆนะ พี่เคยรับปากว่าพี่จะดูแลวีทั้งชีวิตให้ดี แต่ตอนนี้พี่กลับปล่อยให้วีได้เจอกับความเจ็บปวดเพียงลำพัง”
คำพูดของมนต์ตรี เปรียบเสมือนมีมือหนาเอื้อมมากอบกุมหัวใจของจารวีให้มั่นคง
ทำให้เธอรู้สึกทั้งอบอุ่นและปลอดภัย
เขาก็คือพี่มนต์... คือพี่มนต์ของเธอ
ตัวรถขับเคลื่อนออกนอกตัวเมือง ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามายังฟาร์มแห่งหนึ่งอย่างช้าๆ กระท่อมหลังเล็กๆที่ใช้วัสดุจากไม้ก่อสร้าง ค่อยๆปรากฏแก่สายตา
ชานเมืองนี้มีความคล้ายคลึงกับมัลดีฟส์ เพียงแต่ว่าที่นี่อยู่ติดกับป่า ให้ความรู้สึกเหมือนกับกระท่อมกลางป่า
เมื่อมนต์ตรีจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาจูงมือจารวีเดินไปยังกระท่อมหลังเล็ก
ใต้ฝ่าเท้าคือต้นหญ้าอ่อนนุ่ม ก้อนเมฆขาวสะอาดลอยอยู่บนท้องฟ้าสีคราม มีกระท่อมคล้ายๆซุ้มเล็กๆอยู่หนึ่งหลัง ด้านในมีโซฟาตัวยาว สามารถนอนชื่นชมทัศนียภาพรอบด้านทั้งสี่ทิศ อีกทั้งห้องใหญ่ที่อยู่ติดกันก็เป็นห้องที่ทำจากไม้
กระท่อมเหล่านี้ ถัดไปอีกระยะนึงก็มีอีกหลังที่คล้ายกัน ถ้ามองไกลๆจะดูเหมือนเม็ดไข่มุกที่ร่วงกระจายเป็นหย่อมๆอยู่บนทุ่งหญ้า “วี! ขึ้นมาสิ!”
มนต์ตรีถอดรองเท้าออก พลางก้าวขึ้นบันไดไม้ จารวีทำตาม เธอถอดรองเท้าและก้าวตามหลังเขาไป
เขาและเธอเดินทะลุห้องไปยังซุ้มห้องโถง
โซฟาตัวใหญ่นั่งสบายมาก ต้นไม้สีเขียวมรกตผลิดอกออกผลมากมายหลากหลายสี ผีเสื้อน้อยใหญ่บินร่อนลงมาเกาะอยู่บนโซฟาอย่างต่อเนื่อง
โต๊ะไม้สำหรับวางชุดน้ำชา มีดอกลาเวนเดอร์สีม่วงหนึ่งดอกวางอยู่ เหล่าผีเสื้อที่กล้าหาญบินเข้าไปดอมดมกลิ่นเกษรของดอกลาเวนเดอร์
จารวีนั่งอยู่บนโซฟา มนต์ตรีถือน้ำลูกท้อสายน้ำผึ้งเดินออกมากจากห้อง
ทั้งยังมีเม็ดเกาลัดที่คั่วจนเหลืองอร่ามอีกจาน
ดูเหมือนว่าของพวกนี้เป็นสิ่งที่เขาเตรียมการล่วงหน้าไว้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นสถานที่ที่มีระดับเช่นนี้ คงไม่มีทางมีเกาลัดคั่วแบบนี้เป็นแน่
“พี่มนต์ พี่ยังจำได้หรอว่าวีชอบดื่มน้ำลูกท้อสายน้ำผึ้ง” ตัวจารวีเองยังลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเธอเคยติดน้ำลูกท้อสายน้ำผึ้งนี้มาก
“ฮ่าๆๆ จำได้สิ ทำไมพี่จะจำไม่ได้ล่ะ ตอนนั้นนะ วีอยากดื่มน้ำลูกท้อก็เลยชอบแอบมาอยู่บ้านพี่ตลอด วียังจำได้ไหม ที่วีเข้าไปซ่อนตัวในผ้าห่มของพี่เพื่อหลบคุณพ่อของวีน่ะ”
มนต์ตรีย้อนนึกถึงจารวีในวัยเด็กที่แสนซน พลันดวงตาของเขาก็สะท้อนความปีติสุขออกมา
การได้ใช้ชีวิตกับจารวี เป็นช่วงเวลาที่งดงาม ราวกับไขมุกล้ำค่าที่ค่อยๆถูกเขาเก็บสะสมไว้ในหัวสมอง
สิบปีมานี้ เขาก็ยึดเอาความทรงจำเหล่านั้น มาช่วยเยียวยาความเสียใจในตอนที่หาจารวีไม่เจอ
เมื่อคิดถึงเรื่องราวเมื่อตอนนั้น แก้มใสของจารวีขึ้นสีแดงระเรื่อ รอยยิ้มอ่อนหวานมีลักยิ้มสองข้างปรากฏออกมา ขนตาเป็นแพรหนาโค้งงอน ด้านล่างของจมูกเรียวเล็กคือริมฝีปากหยักนุ่มหยุ่นสีแดงชุ่มชื้น
มนต์ตรีค่อยๆก้าวเข้าไปหาจารวีอย่างไม่อาจจะหักห้ามใจ
ผู้หญิงคนนี้ คือคนที่เขาเฝ้าตามหามาตลอดสิบปี เธอ..คนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ คนที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอดูสดใสกว่าในความทรงจำมากนัก
“วี พี่ไม่เข้าใจเลย ตอนนั้นพี่โทรศัพท์หาคุณลุงของวีตลอด แต่ท่านกลับเอาแต่พูดว่าวีเสียแล้ว พี่ก็เลยคิดว่าวีจากพี่ไปแล้วจริงๆ ตอนนั้นพี่ไปที่บ้านเก่าของวี แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย วีบอกพี่ได้ไหม ว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ขอบตาของจารวีร้อนผ่าว “ตอนนั้นวียังเด็ก วีก็จำไม่ค่อยได้ แต่มันประมาณว่าคุณพ่อทำผิดอะไรสักอย่าง บ้านของวีล้มละลาย พอหลังจากคุณแม่เสีย วีก็ถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า อยู่ที่นั่นหนึ่งหรือสองปีวีเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ หลังจากนั้นพี่ยุพินก็ไปรับวีออกมา ตอนนั้นวีถึงได้รู้ว่าบริษัทยาหวนจำกัดตกเป็นของคุณลุงแล้ว จริงๆแล้ววีอยากรู้มากว่าคุณพ่อไปอยู่ที่ไหน”
ดวงตาของมนต์ตรีพลันเปลี่ยนเป็นความระทมทุกข์ “ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เขาไปแล้ว วีจะพบเจอกับเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสขนาดนี้”
มนต์ตรีจ้องมองจารวีอย่างอ่อนโยน เขายื่นมือไปกอบกุมมือเล็กที่แสนนุ่มนวลของเธอไว้
“วี ในเมื่อตอนนี้วีไม่เหลือใครแล้ว ก็ให้พี่ได้ดูแลวีเถอะนะ วีตัวคนเดียว ไม่มีที่พึ่งพิงแบบนี้ พี่ไม่สบายใจเลย”
พี่มนต์..พี่รู้ไหมว่าจริงๆแล้ว วีอยากไปอยู่กับพี่มาก
จารวีอยากดึงมือของเธอกลับมา แต่เธอก็ทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยมือจากเขา เธอชอบเวลาที่พี่มนต์กุมมือเธอไว้ มันทั้งรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ...
จารวีรู้สึกถึงลมหายใจของมนต์ตรีที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กลิ่นน้ำหอมเบาบางจากเสื้อของเขาก็เริ่มฉุนขึ้นมา
เธอรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรง ราวกับจะทะลุออกจากอก
นี่คือความรักใช่หรือเปล่านะ..
ความรู้สึกที่แสดงออกผ่านสายตา ลมหายใจอุ่นร้อน รวมทั้งการกระทำใกล้ชิดสนิมสนม พลันทำให้ใบหน้าเล็กของเธอร้อนผ่าว
“วี ให้พี่ดูแลวีนะ”
จารวีรีบจ้ำอ้าวเดินออกจากฟาร์ม เธอหายใจเข้าพลางยกสองแขนขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ จากนั้นก็เรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปยังเมืองS
เธอใช้เวลาในตอนเช้าอยู่กับมนต์ตรี ทำให้พลาดการหางานไปครึ่งวัน
หลังจากจารวีทานอาหารฟาสต์ฟู้ดง่ายๆเสร็จ เธอจึงตัดสินใจที่จะไปเสี่ยงโชคที่ศูนย์รับสมัครงานดูสักตั้ง
เมื่อก่อนเธอแทบไม่ได้ออกจากรั้วมหาวิทยาลัย เลยไม่รู้ว่าการแข่งขันด้านนอกสูงขนาดนี้ คนตกงานมีมากมาย โถงชั้นสามของศูนย์รับสมัครงานแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนล้นหลาม ทั้งยังมีกลุ่มคนที่ยืนต่อแถวเพื่อรอรับแบบฟอร์ม แล้วคนที่แม้แต่ป.ตรีก็ยังเรียนไม่จบแบบเธอ จะหางานสักงานที่ตรงใจ คงเป็นได้แค่ความฝันลมๆแล้งๆ
เวลาผ่านไปสักพัก กว่าจะถึงคิวของจารวี เธอรับแบบฟอร์มมา พร้อมกรอกข้อมูลคร่าวๆของตัวเองลงไป
เธออ่านรายละเอียดของประกาศรับสมัครงานอีกครั้ง ก็ยังไม่พบงานที่เหมาะสมกับตัวเอง
บริษัทที่ให้เงินเดือนสูง ก็ต้องการคนที่มีประสบการณ์การทำงาน ส่วนบริษัทที่ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ก็ได้เงินเดือนต่ำ และทั้งหมดแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่จารวีเรียนมาเลยด้วยซ้ำ
เธออยากทำงานประเภทที่เกี่ยวกับผู้ช่วยนักออกแบบ หรือเป็นพนักงานบริษัทก็ได้ แต่งานเหล่านี้รับวุฒิการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป เธอก็ยังเรียนไม่จบอีก ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก ดูๆแล้วเธอคงต้องไปเป็นคนขับรถส่งอาหารแล้วล่ะ
จารวีใช้เวลาอยู่ที่ศูนย์รับสมัครงานสามชั่วโมงเต็มๆ แต่กลับไม่ได้งานที่ตรงใจแม้แต่งานเดียว
เธอเข้าไปมือเปล่า ก็กลับออกมามือเปล่า จารวีเหงื่อตก
การเอาชีวิตรอดนี่มันต้องลำบากยากเย็นเพียงไหนนะ
“คุณชายครับ เมื่อสักครู่นี้กระผมเห็นคุณจารวียังคงอยู่ที่ศูนย์รับสมัครงานอยู่เลยครับ”
“เธอหางานได้ไหม”
“ดูจากภายนอกแล้วไม่น่าจะได้นะครับ เธอไม่ได้เอาประวัติไปยื่นที่บริษัทไหน เพียงแค่เดินดูเท่านั้นน่ะครับ”
“โอเค” ยศพลกดวางสายพลางจอดรถให้เข้าที่ เขายืนอยู่ที่มุมเล็กๆที่ไม่สะดุดตา จากนั้นจึงกวาดสายตามองหาร่างเล็กของจารวี
จารวีรู้สึกว่าไม่น่าจะมีหวังแล้ว เธอจึงเดินกลับออกไปเงียบๆ
เธอไม่ทันได้ระวังตัว จึงเดินไปชนเข้ากับคนๆหนึ่ง ตอนที่เธอกำลังจะเอ่ยปากขอโทษอยู่นั้น เขาคนนั้นก็ก่นด่าเธอดังลั่น
“โถ่เว้ย! อะไรของเธอเนี่ย เอาตาไปไว้ที่ตาตุ่มหรือไง เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอาซะเลย!!”
เขาคือผู้ชายสวมแว่นที่ค่อนข้างผอม และหางานไม่ได้เช่นเดียวกับเธอ ความกลัดกลุ้มเต็มอก กำลังอยากหาที่ระบาย
จารวีรีบเอ่ยขอโทษ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันได้มอง ขอโทษจริงๆนะคะ”
ชายสวมแว่นกำลังจะอ้าปากต่อว่าเธอต่อ แต่ทว่ามื่อเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นผู้หญิงสวย พลันแววตาของเขาก็ลุกโชน
“อ๊ะ! คือคุณคนสวยเองหรอครับ ไม่เป็นไรครับ คุณอยากจะเดินยังไงก็เดินเถอะ! คุณผู้หญิงพอมีเวลาว่างไหม เราไปกินข้าวกันสักมื้อนะครับ! แล้วนี่ว่าแต่คุณมาหางานหรือเปล่าครับ ผมมีงานงานนึงอยากจะแนะนำให้คุณทำ คุณสนใจไหมครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย