ตอนที่80 สอนภาษาต่างประเทศให้เธอ
“ท่านประธานคะ มีลูกค้ากลุ่มใหญ่ทางฝั่งยุโรปมาที่บริษัทค่ะ รบกวนท่านประธานเข้าที่มาบริษัทสักครู่ได้ไหมคะ”
“อืม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ยศพลกดวางสายโทรศัพท์ พลางมองไปยังจารวี “ฉันไปข้างนอกแป๊บนึงนะ”
ใบหน้าเล็กของจารวีนิ่งไม่ไหวติง ยศพลยื่นมือไปจับแก้มเธอ “สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย ให้น้าอามพาออกไปเดินเล่นข้างนอกสิ”
“อื้ม โอเค”
จารวีมองตามหลังยศพลที่กำลังเดินออกจากห้อง เธอไม่สามารถถอนตัวออกจากภวังค์ความโศกเศร้านี้
จารวีทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เป็นเพราะเธอ ทำให้พี่มนต์ต้องตกอยู่ในอันตราย
เธอนั่งคิดสักพัก จึงตัดสินใจเดินออกไปจากคฤหาสน์
ตั้งแต่ที่เธอไปทำงาน ยศพลก็ไม่ได้สั่งให้ใครมาเฝ้าตามเธออีก
เธอตรงไปยังโรงพยาบาลที่ลุงนภวัตรักษาตัว ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในข่าว
เมื่อไปถึง จารวีหยุดยืนอยู่ที่หน้าตึกของโรงพยาบาล เธอลังเลสักพัก ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรเพื่อเข้าไปเยี่ยมท่าน
“วี!” น้ำเสียงไพเราะนุ่มนวลดังมาจากทางด้านหลัง จารวีหันกลับไปมอง ร่างกายสูงโปร่งของมนต์ตรีปรากฏแก่สายตา รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนและสง่างาม เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนมอง
จารวีพรวดพราดเข้าไปหาเขาอย่างวิตกกังวล สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย
“พี่มนต์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ วีเป็นห่วงพี่มาก พี่บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ!”
มนต์ตรีพยักหน้าเบาๆ “พี่โอเค ไม่เป็นไร.. แล้ววีล่ะ ดูแลตัวเองดีหรือเปล่า”
จารวีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า “วีสบายดีค่ะ วันนี้วีมาเยี่ยมคุณลุง คุณลุงท่านเป็นยังไงบ้างคะ” มนต์ตรีก้าวไปข้างหน้า เขาโอบไหล่จารวีพลางพาเธอเดินเข้าไปยังสวนดอกไม้ข้างๆโรงพยาบาล
“วีไม่ต้องเป็นห่วงนะ คุณพ่อพี่อาการคงที่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ท่านยังไม่สะดวกให้เข้าเยี่ยม ไว้ครั้งหน้าพี่พาวีไปพบท่านนะ”
ภายในสวนสาธารณะ ดอกไม้ผลิบาน ผีเสื้อน้อยใหญ่บินร่อนเล่นลมไปมา แสงอาทิตย์ที่อบอุ่นส่องกระทบมายังเขาและเธอ
ใบหน้าเล็กยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรค่ะพี่มนต์ วีมาถามข่าวคราวของคุณลุง ถ้าคุณลุงไม่เป็นไรวีก็เบาใจแล้วค่ะ” จารวีลังเลสักพัก เธอช้อนตาขึ้นพลางเอ่ยต่อ “พี่มนต์ มีอะไรที่วีพอจะช่วยได้ไหมคะ!”
ใบหน้าอ่อนโยนของมนต์ตรีปรากฏความกลัดกลุ้มใจออกมาเพียงแวบเดียว แล้วจึงแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว
“วีไม่มั่นใจในความสามารถของพี่หรอ”
จารวียิ้มเจื่อน “วีรู้ว่ายศพลเขาต้องการจะจัดการพี่ วีห้ามเขาไม่ได้ วีไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี...”
“ยศพลรู้เรื่องของเราหรอ” มนต์ตรีลองเชิงถามออกไป เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมยศพลจึงเกลียดตนขนาดนั้น ถ้าเป็นเพราะจารวีจริง เขาก็พอจะอภัยให้ได้
จารวีส่ายหัวไปมา “เขาไม่รู้ว่าเรารู้จักกันค่ะ”
“ฮ่าๆ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก วีไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวพี่จะหาเวลาไปคุยกับเขาเอง พี่เชื่อว่าเขาคงไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลขนาดนั้น”
มนต์ตรีเอ่ยปลอบใจจารวี พลันหัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบ ราวกับมีของแหลมคมมาทิ่มแทง
พี่มนต์.. พี่ไม่รู้หรอกว่ายศพลเขาเป็นคนน่ากลัวขนาดไหน..
“พี่มนต์ วีขอโทษนะคะ!”
มนต์ตรีลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ วีไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับวีเลยสักนิด”
จารวีอยากเตือนมนต์ตรีเกี่ยวกับสุรีย์วัลย์ แต่เธอก็ไม่กล้าพอที่จะพูดมันออกไป
ถ้าเธอพูดมันไป มนต์ตรีกับสุรีย์วัลย์คงจะมีปัญหากันเป็นแน่
เธออยากช่วยเขา แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี
ยิ่งมนต์ตรีดีกับเธอเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด
“พี่มนต์ วีต้องไปแล้ว พี่ดูแลตัวเองดีๆนะคะ!” จารวีไม่อยากอยู่นานกว่านี้ เพราะยิ่งอยู่กับเขานานเท่าไร มันจะทำให้เธอยิ่งไม่อยากไปจากเขา
มนต์ตรีพยักหน้า พลางยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น “เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ วียังมีที่อื่นที่ต้องไป!งั้นวีขอตัวก่อนนะคะ”
“งั้นก็ได้ วีระวังตัวด้วยล่ะ ว่างๆโทรหาพี่ด้วย”
จารวีจากมนต์ตรีอย่างอาลัยอาวรณ์ เธอรู้สึกว่าการพบกับในระยะเวลาสั้นๆนี้ มันช่างสิ้นเปลือง
เมื่อจารวีออกห่างจากมนต์ตรี ก็มีรูปร่างเพรียวระหงของบุคคลหนึ่ง สะกดรอยตามอยู่ที่ด้านหลังของเธอไม่ใกล้ไม่ไกล
จารวีชะงักไปเล็กน้อย เมื่อช้อนสายตาขึ้นมองแล้วพบว่าเป็นสุรีย์วัลย์
“คะ..คุณสุรีย์วัลย์ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
สุรีย์วัลย์สวมชุดเดรสรัดรูปสีแดง ใบหน้าถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์มีเสน่ห์ชวนมอง แต่ทว่านิสัยใจคอของเธอค่อนข้างฉุนเฉียว ไม่เหมือนกับที่เจอกันในฟาร์มเมื่อครั้งก่อน เธอในคราวนี้ ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนน่าทะนุถนอมอยู่เลย เหลือไว้เพียงท่าทีที่โอหังและวางอำนาจ
“จารวี แกควรรับรู้ไว้ซะ!มนต์น่ะ เขามีฉันอยู่แล้ว แกเลิกไร้ยางอายเข้ามาอ่อยเขาแบบนี้ซะที!”
เมื่อได้ยินวาจาร้ายกาจที่สุรีย์วัลย์พ่นออกมา จารวีตะลึงงัน
“คุณสุรีย์วัลย์ คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันกับพี่มนต์ไม่มีอะไรเกินเลย เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
“ฉันเห็นแกกับเขาแทบจะกอดกันอยู่แล้วเนี่ยนะ!แบบนี้เรียกว่าเพื่อนหรอ!!”
ใบหน้าของสุรีย์วัลย์บิดเบี้ยว เธอมองจารวีอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ฉันไม่สนว่าแกมีจุดประสงค์อะไร แต่แกอย่าฝันว่าจะแย่งมนต์ไปจากฉันได้!ครั้งนี้เป็นแค่คำเตือน ถ้าฉันยังเห็นแกมาอ่อยมนต์อีกล่ะก็ ฉันจะตบหน้าแกให้เละเลยค่อยดู!!”
สองชั่วโมงผ่านไป ความอดทนที่มีจำกัดของยศพลถูกใช้ไปจนหมดสิ้น เขาปิดหนังสืออย่างรวดเร็ว
จารวีมองเขาอย่างงุนงง “ยังไงวันนี้ฉันก็ว่าง งั้นฉันอ่านต่ออีกหน่อยแล้วกัน”
ยศพลเอาหนังสือไปวางไว้ให้ห่างจากจารวี พลางสอดมือหนาเข้าไปใต้กระโปรงของเธออย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาของเขาบ่งบอกถึงความปรารถนา “นี่ ตอนนี้ถึงเวลาของเราแล้วต่างหาก” น้ำเสียงแหบพร่า เต็มไปด้วยไฟราคะ
จารวีรีบลุกขึ้นด้วยหวังจะวิ่งหนีเขา แต่ยศพลเร็วกว่า เขาจับเธอไว้พลางกดเธอลงบนโซฟา
มือหนาดึงทึ้งชุดนอนตัวยาวเธอออกอย่างถือวิสาสะ ยัยผู้หญิงคนนี้!เขาอุตส่าห์อดทนสอนเธอตั้งหลายชั่วโมง นอกจากจะไม่มีรางวัลตอบแทนให้ แล้วยังคิดจะวิ่งหนีอีก!
จารวีเหงื่อตก ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินค่ายศพลสูงไป
ที่เขาตั้งใจสอนเธอนั้นมันก็แค่เรื่องจอมปลอม ที่จริงแล้วเขาอยากจะ‘กิน’เธอต่างหาก
แสงแดดร้อนแรง ส่องทะลุบานกระจก ตกกระทบไปยังสองร่างที่พัวพันกันยุ่งเหยิง ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะถูกย้อมไปด้วยสีส้มอ่อนของแสงอาทิตย์ เสียงครวญครางหวาบหวามสอดประสานกับเสียงหอบหายใจที่หนักหน่วง ไฟรักโลกีย์ปกคลุมไปทั่วทุกมุมห้อง
“อื้ออ บะ.. เบาหน่อย..”
“แบบนี้โอเคไหม หรือว่าแบบนี้ล่ะ”
“ยะ ยศพล..อื้ออ ไอ้คนลามก!”
“อ๊ะ..อ๊าาา..”
ณ สำนักงาน ญภาถือเอกสารมากองหนึ่ง พลางยื่นมันไปตรงหน้าของจารวี “เธอเอาเอกสารพวกนี้ไปส่งที่ออฟฟิศของท่านประธานซิ!” จารวีงุนงง หน้าที่ที่ต้องไปออฟฟิศของท่านประธานไม่มีทางเวียนมาถึงเธอได้นี่นา.. ในขณะที่เธอกำลังลังเล ญภาก็เร่งรัดอีกครั้ง
“รีบไปสิ!ไม่แน่ว่าท่านประธานอาจจะเลื่อนตำแหน่งให้เธอก็ได้ ไม่งั้นคงไม่ออกปากเองว่าให้เธอเป็นคนเอาไปส่งหรอก”
ญภาอธิบาย จารวีถึงได้เข้าใจ ยศพล คุณคงไม่ได้เกิดคึกอยากจะทำอะไรในเวลางานหรอกนะ!
“ความรู้สึกช้าชะมัด!เธอนี่ช่างไม่รู้เอาซะเลยว่าควรจะอยู่ในบริษัทSTกรุ๊ปนี้ยังไง”
จารวีหอบเอกสารเดินออกไปข้างนอก เธอยิ้มพลางเอ่ย “คุณญภาค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อทำงานค่ะ ไม่ได้มาอยู่ไปวันๆ” ญภาหน้าดำคร่ำเครียด พลางขมวดคิ้ว
จารวีออกจากลิฟท์ กึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องทำงานของยศพล
ประตูไม่ได้ล็อค ทำให้มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากภายใน จารวีได้ยินคำว่าบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดเข้าพอดี เธอชะงักไปชั่วขณะ แล้วจึงแอบฟังอยู่ที่หน้าห้องทำงานด้วยหัวใจที่เต้นรัว
“ยินดีด้วยค่ะท่านประธาน บริษัทเรากว้านซื้อหุ้นส่วนของบริษัทซัวกรุ๊ปจำกัดมาได้สามสิบเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ ตอนนี้คุณนภวัตก็ล้มป่วย ดิฉันคาดว่าคุณมนต์ตรีก็คงประคองไปได้อีกไม่นาน เมื่อถึงเวลาเขาก็คงขายบริษัทน้องวีกรุ๊ป เพื่อให้บริษัทซัวกรุ๊ปรอดพ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ไปได้อย่างแน่นอนค่ะ”
“เหอะ ใครใช้ให้ไอ้มนต์ตรีมันดื้อดึงขนาดนั้นกันล่ะ ไม่มีอะไรเทียบฉันได้แล้วยังอยากจะสู้กับฉันอีก ไม่รู้จักคำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาซะบ้าง” น้ำเสียงของยศพลเยือกเย็นแข็งกร้าว ทำให้คนฟังรู้สึกหวาดกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย