ตอนที่81 ทำสิ่งต่างๆอย่างจริงจัง
“อ้อ มีอีกเรื่องนึงค่ะ เขาให้คนส่งการ์ดมาเรียนเชิญท่านประธานไปร่วมงานเลี้ยงด้วยนะคะ” น้ำเสียงปราดเปรื่องของทัศนีย์เอ่ยขึ้น
“ฉันไม่ไป ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้มนต์ตรีมันจะใช้อุบายอะไรอีก” ยศพลเอ่ยด้วยน้ำเสียงอำมหิต
“ถ้าเช่นนั้น ท่านประธานจะให้กว้านซื้อหุ้นส่วนของบริษัทซัวกรุ๊ปต่อไหมคะ”
“อืม ซื้อต่อไป!”
“เอ่อคือ.. ท่านประธานคะ ตอนนี้สถานการณ์เงินของเราค่อนข้างที่จะตึงเครียด ตอนนี้ดิฉันเลยใช้เงินมัดจำของลูกค้าออสเตรเลียก่อน ดิฉันเกรงว่าถ้าถึงเวลานั้น...”
“ไม่มีถ้า ก็แค่เงินร้อยล้าน เงินทุนพวกนั้นโยกย้ายถ่ายเทนิดหน่อยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ยังไงซะใบแจ้งมันก็วิ่งไม่ได้อยู่ดี!”
“รับทราบค่ะ ดิฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
จารวีได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา จึงรีบร้อนหาที่หลบ แต่ทว่าช้าไปเสียแล้ว เธอถูกทัศนีย์เห็นเป็นที่เรียบร้อย
“คุณวี มาแล้วหรอคะ ท่านประธานกำลังรออยู่พอดีเลยค่ะ”
จารวีหายใจติดขัด ใบหน้าขึ้นสีแดง เธออ้ำๆอึ้งๆอยู่พักหนึ่ง จึงยื่นเอกสารให้ทัศนีย์ “คุณช่วยฉันเอาเอกสารไปให้เขาทีนะคะ ตอนนี้ฉันอยากเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ”
“คุณ....” ทัศนีย์ยังไม่ทันพูดจบ ร่างเล็กของจารวีก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกวางน้อยที่ตื่นตระหนก
จารวีพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำ เธอยืนพิงกำแพงพลางหอบหายใจ
ทำยังไงดีนะ!ครั้งนี้ยศพลกะเอาพี่มนต์ตายแน่ๆเลย
พี่มนต์พี่อย่าเป็นอะไรไปนะ ยังไงวีก็จะไม่ยอมให้พี่ถูกยศพลทำให้พี่บ้านแตกสาแหรกขาดแบบวีเด็ดขาด
“จารวี..”
เสียงของทัศนีย์ดังเข้ามาจากด้านนอก จารวีตกใจจนขาสั่นทั้งสองข้าง เธอปาดน้ำตาออกจากหางตาพลางตอบรับกลับไป “ค่ะ สักครู่นะคะ”
เมื่อจิตใจสงบลง เธอจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ
ในมือของทัศนีย์ยังคงมีเอกสารกองนั้น “ท่านประธานสั่งให้คุณเอาเอกสารพวกนี้เข้าไปให้เขาเอง”
“เอ่อ คุณเอาไปไม่ได้หรอคะ” จารวีปวดหัว ทำไมจะต้องเจาะจงเธออยู่เรื่อยเลยนะ แค่ส่งเอกสารยังต้องเรื่องมาก จริงๆเลย!
ทัศนีย์ยักไหล่ พร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่น “คุณจารวี!ฉันไม่อยากพูดซ้ำสองนะคะ คุณรีบไปเถอะ”
ชื่อเรียก‘คุณจารวี’ที่คุณทัศนีย์เอ่ยออกมาทำเอาเธอขนลุก “โอเคค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
จารวีหอบเอกสารพลางเดินไปยังห้องทำงานของยศพลอีกครั้งหนึ่ง
เขากำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรสักอย่าง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของจารวี เขาก็ชี้นิ้วไปยังโซฟาพลางเอ่ยกับเธอโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “รอแปปนึง!”
จารวีทำได้เพียงรอต่อไป ทั้งๆที่เธอก็ยังมีเอกสารอีกกองใหญ่ที่ต้องจัดการ
ตอนที่เธอยังไม่ได้เข้ามาทำงานที่บริษัท เธอไม่รู้มาก่อนว่ายศพลจะยุ่งถึงเพียงนี้
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม ยศพลยังคงก้มหน้าก้มตาเซ็นต์เอกสาร เขาพลิกอ่านหน้าแล้วหน้าเล่า พลางจรดปลายปากกาเซ็นต์ลายเซ็นต์ของตัวเองลงไปอย่างสง่างาม
“เอ่อ ถ้างั้นฉันรอคุณว่างก่อนแล้วค่อยมาอีกรอบนะ”
จารวีลุกขึ้นยืน ยศพลเงยหน้ามองเธอ
“ฉันยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ..” จารวีอธิบายออกไป
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอไม่ต้องกลับไปทำงานพวกนั้นแล้ว มาทำงานในออฟฟิศฉันแทน”
เขาตั้งใจเน้นเสียงตรงคำว่า‘ทำงาน’ ราวกับต้องการสื่อความหมายไปอีกนัยน์หนึ่ง พลันใบหน้าของจารวีก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ
“นี่ คุณยศพล คุณไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรอ” จารวีหน้าแดงไปจนถึงใบหู
ยศพลยื่นมือออกไปรับเอกสารจากจารวี พลางเลิกคิ้วคมสวยได้รูป “เธอกำลังคิดอะไร มานี่!”
ภายใต้ความงุนงงของจารวี ยศพลกางเอกสารออก พลางชี้นิ้วไปที่ตัวอักษรภาษาอังกฤษด้านบน “เธอเอาเอกสารพวกนี้ไปแปล แล้วก็จำไว้ว่าต่อไปห้ามใช้ภาษาจีน ให้ใช้ภาษาอังกฤษรายงานฉันแทน เข้าใจไหม!”
ตอนนี้จารวีถึงได้เข้าใจแจ่มแจ้ง ที่ยศพลไม่ยอมให้ทัศนีย์เป็นคนเอาเอกสารมาส่ง และต้องให้เธอเอามาส่งเท่านั้น เป็นเพราะเขาต้องการให้เธอได้ทบทวนภาษาอังกฤษนี่เอง
“เอ่อ ค่ะ!”
หลังจากที่ความสงสัยหายไป จารวีจึงนั่งลงบนโซฟาที่ไม่ห่างจากยศพลมากนัก เธอพลิกเปิดเอกสาร พลางอ่านอย่างตั้งใจ ยศพลนำพจนานุกรมหนาเตอะสองเล่มมาวางลงตรงหน้าเธอ “มีอะไรไม่เข้าใจหาในนี้ ไม่ก็ถามฉัน!”
“เอ่อ โอเคค่ะ!”
จนกระทั่งถึงเวลาก่อนเลิกงาน จารวีฝืนอ่านใบสั่งสินค้าจนเข้าใจครบทั้งสามฉบับ เธอรอยศพลทำงานเสร็จ แล้วจึงใช้ภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยคล่องแคล่ว รายงานผลให้เขาฟัง
ในเวลาทำงานยศพลตั้งใจมาก เขาตรวจเช็คอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งยังไม่หยอกล้อเธอ
กว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงคฤหาสน์ ก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว
ทันใดนั้นยศพลก็ยิ้มอย่างร้ายกาจพลางเอ่ย “วันนี้ฉันช่วยเธอตั้งเยอะ เธอจะขอบคุณฉันยังไง”
หัวใจของจารวีเต้นรัว ใบหน้าเล็กขึ้นสีแดงระเรื่อ “ฉะ.. ฉันไม่รู้”
ยศพลยื่นมือออกไปจิ้มหน้าผากของเธอ “ในหัวของเธอคิดอะไรอยู่ห๊ะ ฉันแค่อยากกินเกี๊ยว เธอรีบไปห่อให้ฉันกินเดี๋ยวนี้เลย!” จารวียู่หน้าอย่างน่ารัก “โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
เธอวิ่งไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว โชคดีที่น้าอามไม่ยุ่ง ก็เลยได้ช่วยเธอพอดี น้าอามลงมือนวดแป้ง ทำไส้เกี๊ยว และห่อมันอย่างคล่องแคล่วว่องไว จากนั้นจึงตั้งหม้อ..
หลังจากเกี๊ยวนึ่งสุกแล้ว จารวียกไปยังห้องนั่งเล่น เธอกวาดสายตาไปมาแต่ไม่พบร่างสูงของยศพล เธอจึงเดินขึ้นไปชั้นสอง เห็นเขาอยู่ในห้องหนังสือและกำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า
ผู้ชายคนนี้นี่ เวลาทำงานดูตั้งอกตั้งใจจริงๆ ไม่ได้ดูร้ายกาจเหมือนกับผู้ชายลามกที่เธอรู้จัก
เมื่อเวลาผ่านไป จารวีได้ใช้เวลาอยู่ข้างกายเขา ความรู้สึกและทัศนคติที่เธอมีต่อเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
ถ้าหากว่าเขาไม่ทำร้ายพี่มนต์ก็คงจะดี จารวีครุ่นคิดอย่างทรมานใจ
“มองฉันพอหรือยัง!”
ยศพลเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นจารวีที่ยืนมองเขาอย่างเซ่อซ่า พลันใจของเขาก็รู้สึกคลั่งไคล้เธออย่างไม่มีเหตุผล
ในห้องรับประทานอาหาร จารวีทานข้าวเช้าไปพลางดูโทรทัศน์ไป
น้าอามบ่นอุบอิบอยู่ข้างใบหูของจารวี เธอไม่รู้สึกรำคาญความขี้บ่นนี้ของน้าอามเลยสักนิด แต่เธอกลับรู้สึกชอบชีวิตที่อบอุ่นเช่นนี้ จารวีใจลอย รู้สึกราวกับว่าตนเองได้กลับบ้านอีกครั้ง
“คุณจารวีคะ คุณดูสิคะว่าคุณชายดีแค่ไหน กว่าสองคนจะมาอยู่ด้วยกันได้มันไม่ง่ายเลย ต่อก็ไปอย่าทะเลาะกันอีกเลยนะคะ!ถึงคุณชายจะอารมณ์ร้ายไปบ้าง แต่สิ่งที่เขาทำให้คุณจารวีนั้นมาจากใจจริงๆนะคะ”
ใบหน้าเล็กเงยขึ้น เธอยิ้มให้น้าอาม “โอเคค่ะน้าอาม!เอ่อ.. ฉันอิ่มแล้วนะคะ”
จารวีหยิบกระเป๋าขึ้นมา พลางเตรียมตัวก้าวออกจากบ้าน น้าอามเอ่ยถามอย่างห่วงใย “คุณจารวีจะไปไหนคะ”
“เอ่อ ฉันจะเข้าไปบริษัทสักหน่อยน่ะค่ะ”
“แต่นี่มันวันเสาร์นะคะคุณจารวี” น้ำเสียงห่วงใยของน้าอามทำให้จารวีไม่สบายใจ
“เอ่อ ใช่ค่ะ แต่ฉันก็อยากแวะไปดูสักหน่อย น้าอามไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ!”
จารวีเดินออกจากประตูอย่างรวดเร็ว
เธอหยุดอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจว่าจะกลับไปที่บ้านพูลสวัสดิ์ ไม่แน่ว่าเธออาจได้เจอพ่อ
ถึงแม้ว่าโอกาสนั้นจะริบหรี่ แต่ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร
จารวีโบกรถแท็กซี่ตรงไปยังบ้านพูลสวัสดิ์
ถึงแม้เธอจะรู้แล้วว่าเฉลิมชัยเป็นคนเลว แต่เมื่อกลับมาที่บ้านเก่า จารวีก็ยังคงรู้สึกเสียใจ
เมื่อก่อนตอนที่พ่อกับแม่จากไปแล้ว พอพี่ยุพินไปรับเธอกลับมา เธอก็ค่อยๆรู้สึกว่าคุณลุงคือคนในครอบครัว อีกทั้งเธอยังตกอยู่ในภวังค์ความสุขแบบครอบครัวตลอดมา
ไม่เหมือนกับตอนนี้ ที่เธอรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่เพียงลำพัง
ความรู้สึกนี้มันช่างทรมานอย่างแสนสาหัส ไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีคนอยู่ข้างกาย
แม้กระทั่งตอนนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเดินไปทางไหน ถึงแม้ว่าใจอยากจะสบัดให้หลุดจากยศพล แต่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่า ถึงแม้เธอไปจากเขา เธอก็ไม่รู้จะไปที่ไหนอยู่ดี
“วี..”
จารวีหันกลับไปมองตามเสียงเรียกอย่างงุนงง รถยนต์คันสีเงินขาวที่ยังคงสดุดตา ปรากฏแก่สายตาของจารวี
“พี่มนต์!พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
ยศพลก้าวเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้ม “พี่ผ่านมาแถวนี้บ่อยๆน่ะ พี่แวะมาดูเผื่อว่าจะเจอวีที่นี่” พูดจบ เขาจ้องมองจารวีด้วยสีหน้าที่กลัดกลุ้มใจ “โทรศัพท์ของวีปิดเครื่องตลอดเลย พี่กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับวี”
มนต์ตรีเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นปนห่วงใย
จารวียิ้มบางๆ เผยให้เห็นลักยิ้มที่สองข้างแก้ม “วีไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ..พี่มนต์!วีกำลังอยากคุยกับพี่อยู่พอดีเลย ไม่รู้ว่าพี่สะดวกหรือเปล่า!”
“วันนี้วันเสาร์ พี่ก็อยากจะพาวีไปที่ที่หนึ่งเหมือนกัน”
มนต์ตรีออกปากชวนอย่างกระตือรือร้น สายตาที่อบอุ่นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย