ตอนที่91 หาคุณพ่อเจอ
“คุณหมอค่ะ อาการป่วยนี้...”
“ตอนนี้สภาพอารมณ์ของคนไข้ยังไม่มั่นคง ทางที่ดีอย่าเพิ่งทำอะไรที่ทำให้เธอสะเทือนจิตใจนะครับ ถ้าหากว่าเป็นไปได้ ให้เธออยู่ใกล้ๆกับคนที่เธอรู้สึกคุ้นเคยเท่านั้น เพื่อให้สภาพจิตใจเธอดีขึ้น ถ้าหากว่ายังทำอะไรให้เธอสะเทือนใจบ่อยๆล่ะก็ อาการป่วยของคนไข้อาจจะทรุดลงได้ครับ!”
“ทรุดลงงั้นหรอคะ!” น้าอามตะลึงงัน พลางเอ่ยถามออกไปอย่างอึกๆอักๆ “ทรุด.. ทรุดลงยังไงคะ”
“เธออาจจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป จะจำใครไม่ได้อีก หรืออาจจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าน่ะครับ”
น้าอามถอนหายใจเฮือกใหญ่ “โอเคค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ฉันรู้แล้วค่ะว่าควรจะทำยังไง”
น้าอามหมุนตัวอย่างฉับพลัน อีกนิดก็ชนเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้น จึงพบว่าเป็นยศพลที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร เขายืนแข็งเป็นหิน ใบหน้าคมเข้มดุดัน น้าอามมองเขาอย่างหวาดหวั่น
น้าอามรู้ว่าคุณชายไม่มีทางยอมให้ผู้ชายคนนั้นมาหาคุณจารวีอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้ อาการป่วยของคุณจารวีก็จะทรุดลง ผลลัพธ์ของมันคงแย่เกินกว่าจะคาดเดาได้
แต่คิดไปคิดมา ก็เป็นเพราะคุณชายโหดร้ายกับเธอเกินไป ทำให้ผู้หญิงที่บริสุทธิ์สดใสเช่นเธอต้องทนทุกข์ทรมานจนกลายเป็นแบบนี้
“ยอมเธอ!” ยศพลโพล่งออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ชั่วพริบตาหนึ่ง น้าอามคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
เธอชะงักไปครู่หนึ่งจึงเรียกสติกลับมา พลางรีบพยักหน้าเป็นพัลวัน “ค่ะ โอเคค่ะคุณชาย!”
เมื่อมองเห็นร่างสูงของยศพลเดินหายเข้าไปในความมืดด้านนอก พลันดวงใจของน้าอามก็เศร้าหมอง
จารวีจำเบอร์โทรศัพท์ของมนต์ตรีได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เธอกดต่อสายไปหาเขาอย่างรีบร้อน
“พี่มนต์!”
“วี!!” เมื่อมนต์ตรีได้รับโทรศัพท์ของจารวี เขาดีใจจนแทบบ้า “วี เขาทำอะไรวีหรือเปล่า ตอนนี้วีอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง!”
ปลายสายของจารวีเงียบไปสักพัก “พี่มนต์พูดถึงใครคะ”
มนต์ตรีไม่ได้เอ่ยถามต่อ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของจารวี จึงเอ่ยถามอย่างรีบร้อน “ตอนนี้วีอยู่ไหน”
จารวีเงียบไปสักพัก จึงเอ่ยถามน้าอาม “ที่นี่คือโรงพยาบาลอะไรหรอคะ”
น้าอามมองเธออย่างลำบากใจ แล้วจึงเอ่ยชื่อโรงพยาบาลออกไป จารวียิ้มน้อยๆ พลางทวนชื่อโรงพยาบาลให้มนต์ตรีฟังอีกครั้ง มนต์ตรีตอบรับเธออย่างร้อนใจ “รอพี่แปปนึงนะ พี่จะไปเดี๋ยวนี้!”
น้าอามทอดถอนใจพลางส่ายหน้า “คุณจารวี คุณจะให้คุณมนต์ตรีมาที่นี่ไม่ได้นะคะ คุณชายจะไม่พอใจเอา”
“ทำไมล่ะคะ!” ใบหน้าของจารวีไม่มีความรู้สึกสะทกสะท้าน “พี่มนต์เป็นคนรักของฉัน แล้วทำไมคนอื่นต้องไม่พอใจด้วย!”
น้าอามมองจารวีที่สายหัวอย่างตรงไปตรงมา “คุณจารวี คุณจำอะไรไม่ได้เลยหรอคะ”
จารวีกุทขมับ ใบหน้าทุกข์ทรมาน “ฉันไม่รู้ว่าน้าอามกำลังพูดเรื่องอะไร ฉันเป็นอะไรกันแน่คะ”
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ร่างสูงของมนต์ตรีพรวดพราดเข้ามา
แขนด้านซ้ายที่ถูกยศพลยิงจนบาดเจ็บของเขา ยังคงพันผ้าไว้ เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีครีม แขนเสื้อข้างหนึ่งเลิกขึ้นเล็กน้อย ด้านนอกคลุมทับด้วยเสื้อกั๊กสีกาแฟ ใบหน้าหล่อเหลายังคงอ่อนโยนและอบอุ่น
พอเข้ามาถึง เขาก็ดึงจารวีเข้าหาแผงอกกว้าง พลางกอดเธอไว้แน่น
“วี พี่มาแล้ว วีไม่ต้องกลัวนะ”
เวลานั้นเอง มีสายตาโหดเหี้ยมอำมหิตคู่หนึ่งจ้องมองมายังสองหนุ่มสาวที่อิงแอบแนบชิดกัน ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ ร่างของมนต์ตรีก็คงจะเหลวแหลกเป็นจุนไปแล้ว
“คุณชายครับ...”
นิรันสะกิดที่แขนเสื้อของเขาเบาๆ ทั้งสองเดินออกไปยังด้านนอกของโรงพยาบาล
“คุณชายครับ กระผมพบเบาะแสของชยรพแล้วครับ”
นัยน์ตาของยศพลสะท้อนความเฉียบคม อยู่ภายใต้ความมืดมิดราวกับดวงดาว
เขาไม่มีวันแพ้ ดูเหมือนว่าคุณลุงก็ยังช่วยเขา
“ไปพาเขามาพบฉัน”
“โอเคครับคุณชาย”
ในห้องผู้ป่วย มนต์ตรีป้อนข้าวต้มจารวีอย่างใกล้ชิดสนิทสนม เมื่อน้าอามมองเห็นการกระทำดูแลเอาใจใส่ที่มนต์ตรีมีต่อจารวี เธอก็ได้แต่ทอดถอนใจ ถ้าหากว่าคุณชายดีได้สักครึ่งของผู้ชายคนนี้ คุณจารวีคงไม่เป็นแบบนี้หรอก
เห็นได้ชัดๆว่าคุณชายรักคุณจารวียิ่งกว่าผู้ชายคนนี้ แต่ทำไมถึงไม่ยอมดูแลเธอดีๆกันนะ
“วี ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า”
จารวียิ้มอย่างอ่อนแรง “ไม่มีค่ะพี่มนต์ แต่เหมือนมีบางเรื่องที่วีจำไม่ได้ พอพยายามคิดแล้วก็ปวดหัว พี่มนต์อย่าทิ้งวีไปไหนนะคะ วีกลัว”
“อื้ม พี่ไม่มีทางทิ้งวีไปไหนหรอก” มนต์ตรีปลอบใจจารวีอย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวดีขึ้นเมื่อไรพี่จะพาวีกลับบ้านนะ เราไปอยู่ที่ที่โรแมนติก พี่จะพาวีดูดาว ฟังเสียงคลื่นทะเลทุกวันเลยดีไหมครับ” รอยยิ้มของมนต์ตรีชานให้คนหลงใหล จารวีรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยขึ้นมาทันใด
“อื้ม โอเคค่ะ!” จารวีรับคำอย่างน่ารักพลางนอนลงบนเตียง ค่ำคืนนี้ เธอค่อยๆกลับไปภายใต้การเฝ้าของมนต์ตรี ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลมาห้าวัน นี่คือคืนที่เธอหลับไปอย่างมีความสุขที่สุด
เมื่อมนต์ตรีเห็นว่าจารวีหลับไปแล้ว เขาจึงพาเรื่องกายที่เหนื่อยล้าของตนเดินออกจากห้องผู้ป่วย
เมื่อเขาเดินมาถึงประตูใหญ่ของโรงพยาบาล พลันก็มีร่างสูงของใครคนหนึ่งก้าวมาขวางทางเขาไว้
สายตาที่อบอุ่นอ่อนโยนของมนต์ตรีพลันแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นเคือง “ยศพล แกต้องการอะไรกันแน่ บริษัทน้องวีกรุ๊ปแกก็ได้ไปแล้ว วีก็ถูกแกทำเลวๆใส่จนเจ็บหนักแบบนี้ ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!”
“เหอะ แกยังมีหน้ามาพูดอีกหรอวะ ถ้าไม่ใช่เพราะแก จารวีไม่ต้องเป็นแบบนี้”
มนต์ตรีดื้อรั้นที่จะเอาชนะ “ยศพล แกอย่าคิดว่าฉันกลัวแกนะ ถึงแกจะใช้ไม้แข็งแบบนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะวีเธอรักฉัน ไม่ใช่แก!!”
วีเธอรักฉัน ไม่ใช่แก!!
วีเธอรักฉัน ไม่ใช่แก!!
“คุณพ่อหายไปไหนมาตั้งหลายปี” เป็นคำถามที่ค้างคาใจของจารวีมาตลอดหลายปี
อายุของชยรพย่างเข้าสู่วัยสี่สิบกลางๆ แต่ทว่าใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลา โครงร่างลึกซึ้ง คิ้วคมเข้ม ดวงตาที่กลมโต เมื่อเขาได้ยินจารวีเอ่ยถามก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หลายปีมานี้ เขาต้องย้ายที่อยู่ไปมา ทั้งเขาชางป๋าย ภูเขาซิ่งอันแถบชานเมือง เวียดนาม ลาว เขาย้ายที่อยู่เพื่อหนีตายไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
“เรื่องมันยาวน่ะวี ในเมื่อตอนนี้เราพ่อลูกก็ได้เจอกันแล้ว เราไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องที่หดหู่ใจแบบนั้นดีกว่า... มา!วันนี้พ่อมารับวีออกจากโรงพยาบาล”
“โอเคค่ะคุณพ่อ วีอยากออกจากโรงพยาบาลตั้งนานแล้ว”
ถึงแม้ในหัวของจารวีจะมีความสงสัยอยู่เต็มไปหมด แต่ว่าความปลื้มปีติยินดีตรงหน้าก็ทำให้เธอเก็บคำถามเหล่านั้นไว้ เธอแทบจะรอให้คุณพ่อจัดการขั้นตอนการออกจากที่นี่ให้ไม่ไหว
ที่หน้าประตูโรงพยาบาล มีรถตู้สีดำจอดอยู่ ของใช้ของจารวีไม่เยอะเท่าใดนัก น้าอามช่วยเธอเก็บไม่นาน ก็ยกกล่องใส่ของออกมา
บนร่างกายของจารวียังสวมใส่เสื้อผ้าผู้ป่วยอยู่ เมื่อเดินมายังด้านนอก แสงอาทิตย์เจิดจรัสทำให้ใจเธอเป็นสุข
ที่หน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาลมีรถเฟอร์รารี่คันสีแดงจอดอยู่ ร่างสูงของยศพลสะดุดตาเป็นพิเศษ
จารวีเดินผ่านเขาไป ใบหน้าของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่สายตาของเธอไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา
“คุณพ่อคะ นี่เรากำลังจะไปที่ไหนกันคะ”
“ฮ่าๆ พ่อซื้อห้องเล็กๆห้องใหม่ไว้ที่เมืองทางทิศตะวันตกน่ะ ไปกันเถอะ!”
ชยรพประคองจารวีขึ้นรถ จากนั้นจึงหันไปมองสบตากับยศพล สายตาของทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันแฝงความนัยบางอย่างที่ไม่ชัดเจน
“คุณพ่อคะ ก่อนหน้านี้วีเคยได้รับข้อความสองข้อความ คุณพ่อเป็นคนส่งหรือเปล่าคะ”
“ใช่แล้วล่ะ คือ.. จริงๆแล้วหลายปีมานี้ พ่อคอยมองลูกอยู่ลับๆ เพราะพ่อไม่สะดวกที่จะปรากฏตัวออกมา ก็เลยไม่กล้าที่จะไว้ใจใคร” ในใจของชยรพ ราวกับมีความกดดันอันหนักหน่วงกดทับลงมา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าที่จะปล่อยวาง
รถตู้ขับเคลื่อนออกนอกตัวเมืองอย่างช้าๆ ขับไปทางทิศตะวันตกของเขตเมืองที่ค่อนข้างห่างไกล ที่นี่ล้วนมีแต่ตึกที่เพิ่งสร้างใหม่
รถตู้หยุดลง ชยรพยื่นมือไปรับกระเป๋าจากมือของจารวีมาถือไว้ พวกเขาเดินผ่านพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าไปยังด้านใน
ราวกับว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านี้รู้จักเธอ พวกเขาเอากระเป๋าไปวางให้โดยไม่ได้เอ่ยถาม
พ่อบอกเธอว่าเป็นห้องเล็กๆ แต่จริงๆแล้วเป็นสามห้องนอนกับสองห้องโถงใหญ่ ตกแต่งไว้อย่างสดใหม่ ดูแล้วน่าจะเพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่อไม่นาน
ชยรพดันจารวีให้เดินไปยังหน้าประตูห้องของเธอ
“นี่คือห้องของลูก ดูสิว่าชอบไหม”
จารวีรู้สึกราวกับว่าวันนี้ทั้งวันเธอกำลังละเมอเพ้อฝันอยู่ เธอเดินเข้าไปในห้องตามคำบอกของพ่อ
นี่คือห้องนอนที่ค่อนข้างใหญ่ ด้านในถูกออกแบบโดยรูปแบบของทุ่งนา รูปแบบสีชมพูที่ทำให้คนมีความรู้สึกอบอุ่น เบ้าตาของจารวีเปียกชื้น นี่คือรูปแบบห้องของเธอตอนเด็กๆ ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน ของเครื่องใช้ต่างๆเหมือนกันแทบทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย