ตอนที่92 โลกหมุน
“คุณพ่อคะ วีไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
ชยรพเจ็บแปลบที่หัวใจ “เด็กโง่ ลูกไม่ได้ฝันซะหน่อย นี่คือสิ่งที่พ่อติดค้างลูกไว้ พ่อขอโทษนะวี ที่หลายปีมานี้พ่อปล่อยให้ลูกต้องทุกข์ทรมาน”
“ฮือ.. ถ้าแม่ยังอยู่กับเราด้วยก็ดีสิคะ”
จารวีโผเข้าหาอ้อมกอดของชยรพพลางร้องไห้โฮออกมา พอคิดถึงคุณแม่เธอก็รู้สึกทุกข์ทรมานเหลือเกิน เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอผละตัวออกจากอ้อมกอดของชยรพ “คุณพ่อคะ คุณพ่อรู้เรื่องของคุณลุงหรือเปล่า”
ใบหน้าของชยรพพลันแปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งเครียด “อื้ม รู้สิ มันมาแทะโลมแม่ แม่ของลูกเธอ... เฮ้อ มันเป็นความผิดของพ่อเอง คนที่พ่ออยากขอโทษที่สุดก็คือลูก วี ลูกไม่ต้องคิดมากแล้วนะ ตอนนี้พ่อกลับมาแล้ว พ่อจะไม่ปล่อยให้วีต้องทุกข์ทรมานอีกแล้ว”
พลันนัยน์ตาของจารวีก็มีไออุ่นพรั่งพรูออกมา “คุณพ่อคะ คุณลุงบอกวีว่าคุณพ่อพลั้งมือฆ่าคน ก็เลยต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน จริงหรือเปล่าคะ!”
เธอกังวลว่าความสุขตรงหน้าเธอตอนนี้จะเป็นแค่ภาพมายา ที่ไม่นานก็จะถูกความจริงทำลายลงอย่างโหดร้ายทารุณ
ใบหน้าของชยรพมัวหมองลง แต่เพียงไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา “วี ลูกสบายใจได้ ครั้งนี้พ่อจะไม่จากลูกไปไหนอีก เวลานั้นที่พ่อต้องจากพวกลูกไปไม่ใช่เพราะฆ่าคน แต่เป็นเพราะพ่อต้องหลบหนีคู่แข่งทางธุรกิจ”
น้ำเสียงของชยรพตั้งใจพูดเพื่อให้จารวีสบายใจ ถ้าตอนนั้นเขาเพียงแค่หลบหนีคู่แข่งจริง เขาต้องเอาลูกและภรรยาของเขาไปด้วยอย่างแน่นอน
แต่ทว่า ความมืดดำที่น่ากลัวนั้นมันน่ากลัวกว่าคู่แข่งทางธุรกิจหลายเท่านัก
“แต่คุณพ่อคะ แล้วตอนนี้คู่แข่งของพ่อเค้าไม่ตามหาตัวคุณพ่อแล้วหรอคะ” จารวีเอ่ยถามลองเชิง
ชยรพยิ้มอย่างรักใคร่เอ็นดู พลางยื่นมือออกไปลูบหัวลูกสาวสุดที่รัก “เด็กน้อย ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อนะลูก ถ้าพ่อยังไม่ได้จัดการคนๆนั้นให้เรียบร้อย พ่อก็คงไม่ได้ออกมาหาลูกหรอก”
ฟังมาถึงตรงนี้ จารวีถึงยอมวางใจพลางยิ้มออกมา เธอหมุนไปรอบๆห้องด้วยความดีใจ ปากก็โห่ร้องแสดงความดีใจไม่หยุด “คุณพ่อกลับมาหาวีแล้วๆ!วีมีพ่อแล้วๆ!”
“ฮ่าๆ วี งั้นลูกพักผ่อนเยอะๆนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะพาไปหาแม่”
“อื้ม โอเคค่ะ!” เมื่อพูดถึงแม่ หัวใจของจารวียังคงหนักหน่วง คุณแม่คะ ถ้าแม่ยังไม่จากวีไปก็คงจะดีมากๆเลย เราสามคนพ่อแม่ลูกก็คงจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันแล้ว
และเพื่อที่จะเติมเต็มส่วนที่ลูกสาวขาดแคลนไปเป็นเวลาสิบปี ชยรพจะพยายามทำหน้าที่พ่อที่ดี เขาดูแลจารวีอย่างสุดความสามารถ ทำอาหารที่เธอชอบทานในตอนเด็ก
สองคนพ่อลูกซื้อดอกไม้สดและของเซ่นไหว้ แล้วจึงไปทำความเคารพหลุมฝังศพของมารดา
จารวีคุกเข่าลงที่หน้าหลุมฝังศพ “คุณแม่คะ วีกับพ่อมาหาคุณแม่แล้ว เห็นหรือเปล่าคะ คุณพ่อไม่ได้ทิ้งพวกเราไปไหน แต่เขาแค่ไม่มีทางเลือก”
นัยน์ตาของชยรพเศร้าโศก ราวกับมีเมฆครึ้มหนามาบดบัง
ถ้าหากว่าตอนนั้นเขาไม่เดินทางผิด ตอนนี้อาจไม่ต้องเจอกับจุดจบที่ภรรยาต้องมาจากไปเช่นนี้
ชีวิตของคนเรานั้น เพียงแค่เดินทางผิดนิดเดียว ก็ราวกับก้าวเข้าไปในความพ่ายแพ้ทีละน้อย
เมื่อกลับจากสุสาน ชยรพเงียบไม่พูดจา จารวีจึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน “คุณพ่อคะ ต่อจากนี้คุณพ่อจะทำอะไรต่อหรอคะ”
ชยรพเหม่อมองไปด้านหน้าด้วยใบหน้าที่ยุ่งเหยิง “พ่ออยากจะเอาบริษัทยาหวนจำกัดที่ให้ลุงของลูกดูแลกลับคืนมา แต่ไม่คิดว่าไอ้เลวนั่นมันจะขายบริษัททิ้งไปแล้ว”
พลันในใจของจารวีก็คิดอะไรบางอย่างออก ในหัวของเธอมีความทรงจำบางอย่างแวบขึ้นมา แล้วจึงค่อยๆเลือนหายไป แต่พอเธอตั้งใจจะนึกถึงมัน กลับนึกไม่ออก
“ยาหวน... ตอนนี้บริษัทยาหวนตกอยู่ในมือของใครคะ”
“ตอนนี้ตกอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของบริษัทSTกรุ๊ปน่ะ... พ่อว่าตอนนี้ร่างกายของลูกก็ดีขึ้นเยอะแล้ว ก็เลยว่าจะไปสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการที่บริษัทยาหวนจำกัดน่ะ หวังว่าเขาจะรับพ่อเข้าทำงาน”
“ฮ่าๆ คุณพ่อของวีเก่งกาจแล้วก็ยังกระฉับกระเฉงขนาดนี้ ยังไงก็ทำได้อยู่แล้วล่ะค่ะ” จารวีเอ่ยให้กำลังใจพ่อ
“แล้ววีล่ะ พ่ออยากให้ลูกกลับไปเรียนต่อให้จบ ลูกว่ายังไงบ้าง? ตอนนี้พ่ออยู่ที่นี่แล้ว วีไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”
ในใจของจารวีปลิ้มปีติ เธอตอบรับอย่างกระปรี้กระเปร่า “โอเคค่ะ!วีอยากกลับไปเรียนอยู่พอดีเลย”
“วี”
ที่หน้าประตูของคอนโด มีรถเชฟโรเลตคันสีขาวจอดอยู่ ร่างสูงสง่าของมนต์ตรีวิ่งก้าวยาวๆเข้ามา
รอยยิ้มในดวงตาของจารวีค่อยๆหนาขึ้นเรื่อยๆ เธอร้องเรียกมนต์ตรีอย่างตื่นเต้น “พี่มนต์!”
มนต์ตรีเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่สุขุม เขายิ้มพลางเดินไปยังด้านหน้าของพ่อกับลูก
เมื่อกวาดสายตาไปยังใบหน้าของชยรพ เขาตกใจไปชั่วขณะ
จารวียิ้มพลางเอ่ยเรียกสติ “พี่มนต์!นี่คุณพ่อของวีไงคะ พี่จำไม่ได้หรอ”
มนต์ตรีตั้งสติได้ จึงรีบเอ่ยทักทายด้วยความเคารพ “สวัสดีครับคุณลุง!ผมมาเยี่ยมเพื่อนแถวนี้พอดี แล้วก็บังเอิญมาพบคุณลุงกับวีเข้า ก็เลยไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยครับ เดี๋ยวไว้วันหลังผมจะซื้อของไปเยี่ยมคุณลุงนะครับ”
มนต์ตรีเอ่ยอย่างมีไมตรีจิต ใบหน้าของชยรพไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมา เขาเอ่ยถามกลับอย่างเย็นชา “พ่อกลับแม่นายสบายดีนะ?”
“ฮ่าๆ ครับผม พวกท่านสบายดี!”
“พี่มนต์ วีกับคุณพ่อต้องกลับแล้วล่ะค่ะ พี่ไปทำธุระต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวไว้ครั้งหน้าเจอกัน”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณลุง !พี่ไปก่อนนะวี เดี๋ยวไว้เจอกัน”
ไม่นานนัก ร่างสูงของมนต์ก็หายไปจากสายตา
จารวีจ้องมองชยรพ พลางเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ “คุณพ่อไม่ค่อยชอบพี่มนต์หรอคะ”
ทำไมชยรพจะมองลูกสาวตัวเองไม่ออก ว่าเธอชอบพอกับมนต์ตรี เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ลูกยังเด็กอยู่ ไม่ต้องรีบมีความรักหรอก ยังไงก็มีพ่อคอยปกดูแล!”
ความกระตือรือร้นของจารวีหายวับไปหมดสิ้น เธอกำลังเตรียมจะเล่าข้อดีทั้งหมดของมนต์ตรีให้พ่อฟัง แต่น่าเสียดายที่ท่านยังไม่ทันได้ฟังสักคำก็ตัดบทเธอแล้ว
เธอยังเด็กอยู่งั้นหรอ?
เธอไม่อยากสูญเสียเธอไปอีกครั้ง
จารวีรีบจ้ำอ้าวเดินจากเขาไป ราวกับว่าเธอเพิ่งพบเจออะไรที่ชั่วร้ายมาก็ไม่ปาน ฝีเท้าของเธอเร่งรีบ
ยศพลชกกำปั้นหนักๆไปที่ต้นไม้สูงใหญ่ กิ่งก้านของมันแทงทะลุผิวหนังของเขา พลันของเหลวสีแดงสดก็ไหลออกมา
“อังคณา ฉันจารวีนะ วันนี้ฉันกลับมาเรียนแล้ว แกอยู่ที่ไหนอ่ะ!”
พอจารวีเดินเข้ารั้วมหาวิทยาลัย เธอก็ส่งสายตามองหาอังคณาทั่วทุกสารทิศ แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของเพื่อนรัก เธอจึงทำได้เพียงกดโทรศัพท์ต่อสายไปหาอังคณา
อังคณากำลังทำการทดลอง เมื่อได้ยินเสียงของจาวีเธอก็ร้อนใจ “ยัยวี แกบ้าไปแล้วหรอ แกยังจะกลับมาเรียนอีกหรือไง!”
“ทำไมล่ะ ยัยอัง แกไม่อยากให้ฉันกลับมาหรอ” จารวีเดินมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน
ตลอดทางที่เดินมา คนในมหาลัยล้วนมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด บ้างก็หัวเราะเยาะกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็มองด้วยสายตาเหยียดหยาม บ้างก็ซุบซิบนินทา ชี้นิ้วมาอยู่ที่ด้านหลังของเธอ
จารวีกำลังง่วนอยู่กับการคุยโทรศัพท์ ก็เลยไม่ได้สนใจว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังพูดอะไร
“วี แกยืนรอฉันอยู่ที่หน้าโรงเรียนก่อนนะ อย่าเพิ่งเข้ามา!” อังคณากดวางสายโทรศัพท์ พลางพรวดพราดออกไปจากคาบวิชาทดลอง
จารวีกดวางสาย เวลานี้ มีนักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนล้อมรอบอยู่ด้านหน้าของเธอ
“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ยัยผู้หญิงต่ำช้าที่เป็นเมียเก็บชาวบ้านหรอ ทำไมยังมีหน้ามาเรียนอีกนะ!”
“นั่นน่ะสิ ยอมขายตัวเพื่อแลกกับเงิน ทำให้มหาลัยขายขี้หน้า แล้วยังจะกล้ากลับมาเรียนอีก”
มีนักศึกษาผู้หญิงคนนึงเดินปรี่เข้ามาหา พลางนำน้ำเปล่าสาดเข้าที่ใบหน้าของเธอ
“จารวี แกมันหน้าไม่อาย ไม่คิดว่าจะกล้าทำให้มหาลัยSของพวกฉันขายหน้า ถ้าฉันเป็นแกนะ ฉันคงจะหาเชือกผูกคอตายไปนานแล้ว ยางอายของผู้หญิงอย่างพวกฉันน่ะ โดนแกทำลายไปหมดแล้ว”
โดนคนกลุ่มใหญ่รุมสาดคำพูดที่สกปรกใส่เช่นนี้ ทำให้จารวีตะลึงงัน “นี่พวกเธอ นี่พวกเธอกำลังพูดเรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำ!”
“ไม่ได้ทำหรอ? ฮ่าๆๆ แกคิดว่าคนจะด่าผู้หญิงต่ำช้าอย่างแกโดยไม่มีสาเหตุหรือไง ตัวเองทำเรื่องอะไรไว้แค่แป๊บเดียวก็เสแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ”
“ดูมันทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์น่าเวทนานั้นสิ คงจะอยากให้พวกผู้ชายเห็นใจล่ะมั้ง ช่างน่าเศร้าจริงๆ เอ๊ะ หรือว่ามันจะเป็นนักแสดงกันนะ ฮ่าๆๆ เทคนิคยอดเยี่ยมขนาดนี้ถ้าไม่ไปเป็นเบอร์หนึ่งล่ะก็คงเสียดายแย่!”
ในหัวของจารวีพลันฉายภาพฉากขาวดำปรากฏแวบขึ้นมา ราวกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน แต่ว่ามันเคยเกิดขึ้นเมื่อไรล่ะ? เธอตั้งใจอยากจะนึกให้ออก แต่เธอยิ่งคิดกลับยิ่งปวดหัว
เวลานั้น มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งหยิบไข่เน่าขึ้นมาปาใส่จารวี
จากนั้นทุกคนตรงที่นั้นก็ร่วมใจกันนำขยะ แตงกวา น้ำหมึกตะลุมบอนเข้าใส่จารวี เธอโดนรุมจนศีรษะสกปรกเลอะเทอะ เธอรู้สึกเวียนหัว
จารวีรู้สึกว่าศีรษะเจ็บปวดราวกับจะฉีกขาด เธอกุมหัวไว้ พลางก้าวถอยหลังทีละก้าว โลกทั้งใบเอียงโคลงเคลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย