ตอนที่93 มื้ออาหารที่น่าอึดอัด
เวลานั้น มีเงาเพรียวระหงของใครคนหนึ่งยืนมองจากที่ไกลๆ สายตาคู่นั้นเย็นชา
รูปร่างของเธองดงาม ยืมกอดอก นัยน์ตาเผยให้เห็นความชื่นมื่นเป็นสุขที่ได้แก้แค้น
จารวี แกจะแย่งผู้ชายของฉันงั้นเหรอ อย่าได้คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น!
อังคณาวิ่งออกมาจากห้องเรียนคาบทดลอง เธอมองเห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังยืนรายล้อมรุมทำร้ายจารวีอยู่ตรงที่ไกลๆ เธอพยายามเบียดเข้าไปแต่ไม่เป็นผล อังคณากระทืบเท้าไปมาอย่างหัวเสีย “นี่พวกเธอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้หยุดไง!”
เวลานั้น จารวีราวกับเรือลำเล็กที่ลอยไปในแม่น้ำอย่างไม่รู้ทิศทาง ไม่มีทางให้หนีเอาตัวรอด ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะค่อยๆจู่โจมเข้ามา ตาทั้งสองข้างของเธอพร่ามัว พลันร่างกายก็โงนเงนไปมา
ทันใดนั้นก็มีวงแขนแข็งแกร่งของใครคนหนึ่งมาประคองเธอไว้
น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวดังลั่นราวกับฟ้าผ่า “ถอยออกไปให้หมด ใครหน้าไหนมันกล้าปริปากพูดอะไรเกี่ยวกับเธออีก ฉันจะทำให้พวกแกหายไปจากเมืองSนี่ซะ!!”
ท่าทางที่โหดเหี้ยมราวกับปีศาจร้าย ทำให้บรรดานักศึกษาหญิงหวาดกลัวจนร้องกรี้ดกันระงม พลางค่อยๆวิ่งหนีไปจากที่ตรงนั้น
จารวีถูกยศพลอุ้มไปยังหน้าประตูมหาวิทยาลัย หลีกหนีจากบรรยากาศที่น่ากดดันนั้น สติของจารวีจึงค่อยๆผ่อนคลายลง
จารวีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองนั้นนั่งอยู่บนรถคันหนึ่ง
เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ คล้ายคลึงกับเรื่องราวที่เคยปรากฏขึ้นในสมองของเธอ
ทำไม... ทำไมเพื่อนทุกคนต้องรุมเหยียดหยามเธอแบบนั้นด้วย เธอเคยทำเรื่องอย่างที่พวกเขาว่าจริงๆเหรอ?
“ปล่อยฉันลงนะ” จารวีโพล่งใส่ผู้ชายที่กำลังขับรถ
ยศพลเหยียบเบรคหยุดรถอย่างกะทันหัน ร่างสูงของเขากดกดเธอลง พลางใช้สายตามองเธออย่างน่ากลัว แต่ไม่ทันไรเขาก็หยุดชะงักการกระทำลง และกลับไปยังเบาะนั่งของตัวเอง ยศพลกดปลดล็อคประตูรถ
“ลงไป!”
จารวีไม่กล้าหันไปมองเขาอีก ผู้ชายคนนี้ มีสายตาที่โหดเหี้ยม ทำให้ในใจของเธอรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้เขาไปมากกว่านี้
จารวีรีบเปิดประตูรถ พลางก้าวลงรถและรีบวิ่งหนีไปให้ไกลจากสายตาของเขา
เมื่อกลับถึงบ้าน จารวีรีบพุ่งเข้าห้องน้ำ ใช้น้ำชำระล้างสิ่งสกปรกบนร่างกายของเธอ
ฉันเป็นผู้หญิงไร้ยางอายแบบที่พวกเขาพูดกันจริงๆเหรอ
ในหัวของจารวีฉายภาพเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันขึ้นมาอย่างคลุมเครือ มันปรากฏขึ้นมาแพงแวบด้วย เธออยากที่จะนึกถึงมันให้ละเอียด แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า
หลังจากอาบน้ำเสร็จ จารวีเดินออกจากห้องน้ำ จากนั้นจึงกดโทรศัพท์โทรหามนต์ตรี
“พี่มนต์ พี่ว่างไหมคะ”
จารวีเอ่ยถามออกไป
ครึ่งชั่วโมงถัดมา มนต์ตรีมาถึงที่หน้าบ้านของจารวี สภาพของเธอราวกับลูกกวางน้อยที่เพิ่งพบเจอเรื่องที่ทำให้ตื่นตระหนกใจมา พอเปิดประตู จารวีก็โผเข้าหาออกแกร่งของมนต์ตรี
“เป็นอะไรหรอวี!”
มนต์ตรีมองเห็นจารวีร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตาแดง เขาพยายามปลอบประโลมเธออย่างสุดความสามารถ
“พี่มนต์ วันนี้วีไปที่มหาวิทยาลัยมา แต่เพื่อนๆกลับรุมประณามวี”
มนต์ตรีเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน “วี ไม่ต้องไปสนใจหรอก ว่าเพื่อนๆจะพูดอะไร วีจำไว้แค่ว่า วีของพี่น่ะเก่งที่สุดแล้ว”
คำพูดของมนต์ตรีราวกับแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น ทำให้จารวีรู้สึกผ่อนคลาย พลันในใจของเธอก็รู้สึกดีขึ้นในชั่วพริบตา
“พี่มนต์ ความทรงจำของวีหายไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง วีคิดว่าความทรงจำเหล่านั้นคงเป็นอะไรที่สกปรกเลวร้ายมากแน่ๆ ถึงตอนนี้วีจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่วีก็กลัว กลัวว่าความสกปรกพวกนั้นของวีมันจะมีผลกระทบต่อพี่มนต์”
แพขนตางอนของจารวี ยังคงมีหยดน้ำตาแพรวระยับเกาะอยู่ นัยน์ตาที่รู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำและอ่อนแอของเธอทำให้คนมองเศร้าไปด้วย
มนต์ตรีเช็ดหยดน้ำตาบนแพขนตางอนจนแห้ง เขาก้มหัวลงจุมพิตเบาๆไปที่หน้าผากของเธอ พลางเอ่ยอย่างไพเราะจับใจ “วี ไม่ต้องคิดมากนะ ไม่ว่าก่อนหน้านี้วีจะทำอะไรไว้ ยังไงตอนนี้วีก็เลือกที่จะลืมมันแล้ว เพราะงั้นก็ไม่ต้องไปถือสาหรอกเนอะ ชีวิตของคนเรามันสั้น วีคิดถึงเรื่องความสุขในวันข้างหน้า ดีกว่าดีว่ามัวแต่จมอยู่กับอดีตนะ”
คำพูดของมนต์ตรีปลุกเร้าให้จารวีมีกำลังใจขึ้นมาอย่างมหาศาล เธอเงยใบหน้าเล็กขึ้น พลางจ้องมองไปยังมนต์ตรีราวกำดอกทานตะวันที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์
“พี่มนต์ พี่ดีกับวีจัง วีไม่รู้จะตอบแทนพี่มนต์ยังไงดี”
“ฮ่าๆ เด็กน้อย อยากจะตอบแทนพี่หรอ? ถ้างั้นก็...แต่งงานกับพี่สิ!”
คำพูดของมนต์ตรีนำมาซึ่งอุณหภูมิที่ร้อนราวกับเปลวไฟ มันร้อนจนทำให้จารวีไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ เธอรอมานานหลายปี ในที่สุดก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รัก
“เอ้อ!วี เดี๋ยววีไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ พี่จะพาวีไปพบคนๆหนึ่ง”
จารวีมีสีหน้าแปลกใจ “ใครหรอคะ?”
“ฮ่าๆ เดี๋ยวไปถึงวีก็รู้เอง แต่งตัวสวยๆล่ะ!” มนต์ตรีจ้องมองเธออย่างอ่อนโยน
“โอเคค่ะ!” ใบหน้าของจารวีแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใส เพียงไม่นานเธอก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เธอสวมใส่เสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีชมพู กับกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ถึงแม้ว่าจะเป็นชุดลำลองที่ดูธรรมดา แต่ก็ดูเป็นวัยสาวแรกแย้มที่งดงาม อีกทั้งยังน่ารักและนุ่มนวล
“พี่มนต์ พี่ว่าวีแต่งแบบนี้โอเคไหมคะ?” ดวงตาของจารวีสบเข้าสบเข้ากับนัยน์ตาของมนต์ตรีอย่างเงอะงะ เธอเอ่ยถามอย่างเขินอาย
“ครับ โอเคแล้ว โอเคมากๆเลยล่ะ..” ดวงตาของมนต์ตรีโค้งเล็กน้อย มุมปากของเขากระตุกยิ้มอย่างไม่อาจจะควบคุม
“วีของพี่ คือเจ้าหญิงที่สวยที่สุดในโลกนี้เลย”
ในใจของจาวีหวานฉ่ำ แต่ทว่า รอยยิ้มที่ถูกปิดบังไว้ของเธอ ยังคงหม่นหมอง
“พี่มนต์ ชุดนี้สวยแล้วหรอคะ หรือว่าวีจะเปลี่ยนเป็นชุดอื่นดี”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องแล้ว วีของพี่ใส่อะไรก็ดูดี!ไปกันเถอะ”
ความกังวลใจเมื่อสักครู่นี้มลายหายไปจนหมดสิ้น มนต์ตรีขยิบตาให้จารวีอย่างอ่อนโยน
“มนต์ ลูกไปบอกให้ป้าไหมทำอาหารเพิ่มสักสองสามอย่างสิ นานๆทีหนูจารวีจะมาสักครั้ง”
ยงยศเอ่ยกับมนต์ตรี แต่มนต์ตรีกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง
เขาพยักหน้ารับแทน “ผมกำชับไว้แล้วครับคุณพ่อ”
จารวีเขินอายเล็กน้อย เธอนั่งลงที่ข้างกายของมนต์ตรี สองมือประสานวางไว้บนหน้าตักอย่างสำรวม
“คุณพ่อครับ นี่คือของขวัญที่จารวีซื้อให้คุณพ่อ”
มนต์ตรีนำกล่องของขวัญที่เพิ่งจะซื้อมา วางลงตรงหน้าของบิดา ยงยศพยักหน้ารับพลางเอ่ยกับจารวี “หนูวี ต่อไปก็มาเล่นที่บ้านลุงได้นะ เหมือนตอนที่หนูยังเด็กไง ไม่ต้องคิดว่าเป็นคนนอก”
มนต์ตรีส่งสายตาบอกให้รู้เป็นนัยๆให้กับจารวี เธอจึงยิ้มพลางเอ่ย “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถ้าคุณลุงจะกรุณา” ยงยศมีความน่าเกรงขามซ่อนอยู่ภายในจิตใจลึกๆ ยามที่เขายิ้ม ยังรู้สึกถึงความห่างเหิน
พลันจารวีก็รู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองติดขัด
เธอคาดว่ามนต์ตรีน่าจะเล่าเรื่องเธอให้ยงยศฟังบ้างแล้ว เขาจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรเกี่ยวกับพ่อกับแม่ของเธออีก
จารวีจำได้อย่างแม่นยำ เมื่อตอนที่บ้านของพี่มนต์ตรีย้ายออกไป พ่อและแม่ยังคงอยู่กันอย่างมีความสุข
แต่เรื่องราวหลังจากนั้น คุณลุงยงยศน่าจะไม่รู้ ความเงียบเชียบตรงหน้า คงจะเป็นเพราะพี่มนต์คงเคยเล่าให้คุณลุงฟังแล้ว
จารวีอดไม่ได้ที่จะหันไปมองมนต์ตรีด้วยสายตาซาบซึ้งในบุญคุณ
พี่มนต์ของเธอห่วงใยเอาใจใส่เธอมากจริงๆ
อาหารกลางวันที่บ้านของมนต์ตรีมีมากมายหลากหลายอย่าง ยงยศนั่งทานอาหารอย่างตั้งใจอยู่บนโต๊ะอาหาร
มนต์ตรีตักอาหารให้จารวีไม่หยุด จารวีมองเห็นใบหน้าที่ไม่มีความรู้สึกของยงยศ
“หนูวี ตอนนี้หนูคงกำลังเรียนมหาลัยอยู่ใช่ไหม” ยงยศโพล่งขึ้นมา
พลันจารวีก็รู้สึกกระวนกระวายใจ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“วีเรียนคณะออกแบบเสื้อผ้า อยู่ที่มหาลัยSครับคุณพ่อ” มนต์ตรีช่วยเธอโต้ตอบออกไป
ยงยศตอบรับในลำคอ “เรียนออกแบบก็ดีสิ” ผ่านไปสักพัก เขาจึงหันไปเอ่ยถามมนต์ตรี “มนต์ ทำไมพักหลังมานี้ลูกไม่พาวัลย์มากินข้าวที่บ้านเลยล่ะ”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเยือกเย็นอย่างฉับพลัน
จารวีรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นัยน์ตาของมนต์ตรีบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ “คุณพ่อครับ ผมเลิกกับวัลย์ไปนานแล้ว คุณพ่อยังจะพูดถึงเธออีกทำไมครับ”
สีหน้าของยงยศบึ้งตึงขึ้นมาทันควัน เขากระแทกชามข้าวลงบนโต๊ะหนักๆ “หนูวัลย์เธอเป็นคนดี ทั้งฉลาดทั้งมีน้ำใจ ชาติตระกูลก็ดี นี่แกเอาสมองไปหลงผิดที่ไหน!เธออุตส่าห์เซ็นต์ข้อตกลงหมั้นหมายกับแกแล้วแท้ๆ แต่แกกลับสะบัดเธอทิ้งไปอย่างไม่มีความรับผิดชอบ แกจะปล่อยให้ผู้หญิงคนเดียวแบบเธอเผชิญหน้ากับมันยังไง ฉันไม่น่าให้ลูกชายใจจืดใจดำแบบแกเกิดมาเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย