ตอนที่94 ขี้เกียจสันหลังยาว
ราวกับมีเมฆดำแผ่ปกคลุมไปทั่วใบหน้าอ่อนโยนของมนต์ตรี พลันจารวีก็รู้สึกราวกับมีอะไรมาอุดตันกล่องเสียง เธอรู้ตั้งแต่แรกว่าคุณลุงยงยศไม่อาจจะชอบเธอได้
ก็ใช่น่ะสิ ตอนเด็กๆเธอใสซื่อน่ารัก อีกทั้งสองบ้านยังคบกันมาหลายชั่วอายุคน นับว่าเป็นสองตระกูลที่มีพื้นเพเท่าเทียมกัน
แต่ทว่าปัจจุบันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว คนอย่างเธอไม่มีวันเทียบกับมนต์ตรีได้อีกแล้ว
เธอคิดจินตนาการเพ้อฝันไกลเกินไป คิดตื้นๆเพียงว่าทุกอย่างคงยังเหมือนเมื่อก่อน พลันน้ำตาก็หยดลงบนชามข้าว
“ขอโทษนะคะ วีขอตัวไปเข้าห้องสักครู่ค่ะ”
จารวีเลื่อนเก้าอี้ออกพลางยืนขึ้น เธอกลัวว่าตัวเองจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะร้องไห้โฮออกมากลางโต๊ะอาหาร
เธอควรจะรู้ตั้งนานแล้ว ทำไมยังจะมาที่นี่อีก?
มนต์ตรีร้องเรียกเธอเบาๆ “วี...” เขามองเห็นจารวีหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำอย่างบอบช้ำ พลันหัวใจของเขาก็อึดอัดขึ้นมา
คุณพ่อต้องตั้งใจแน่ๆ ท่านรู้ทั้งรู้ว่าที่เขาพาจารวีมาไม่ใช่เพราะต้องการรำลึกความหลัง แต่เพราะอยากจะกระชับความสัมพันธ์ของท่านและเธอ
ไม่คิดว่าเขายังไม่ทันได้อธิบายอะไรให้ชัดเจน ท่านก็พูดตัดความหวังของเขาเสียแล้ว
“คุณพ่อรู้แล้วแล้วว่าผมเลิกกับวัลย์ไปตั้งนานแล้ว ทำไมคุณพ่อถึงยังทำแบบนี้อีก”
“งั้นหรอ!” ยงยศวางชามข้าวในมือลง พลางจ้องมองมนต์ตรีอย่างเยือกเย็น “แกใส่อารมณ์พูดกับพ่อแบบนี้ได้ยังไง!” สายตาของมนต์ตรีแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด
“คุณพ่อครับ วีเธอเป็นผู้หญิงที่ดี”
“ห่วยแตก!” ยงยศตะโกนลั่น “ผู้หญิงที่ดีงั้นหรอ? ผู้หญิงที่ดีก็เลยยอมไปเป็นเมียเก็บของคนอื่นเพื่อเงินน่ะหรอ? ผู้หญิงที่ดีก็เลยไปอ่อยสามีของพี่ทำให้ตรอมใจตายหรอ? ผู้หญิงที่ดีที่ทำให้แกโดนยิงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดน่ะหรอ?”
“คุณพ่อ!” มนต์ตรีตะโกนออกไปอย่างร้อนใจ จารวียังไม่ออกมาจากห้องน้ำ มีเพียงแค่ประตูบางๆกั้นอยู่ ยงยศยศตั้งใจเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาอยากให้จารวีได้ยินมัน เพื่อให้เธอรู้ดีรู้ชั่วแล้วถอนตัวออกไป
“ใครเอาเรื่องพวกนี้มาบอกพ่อ เธอไม่ได้เป็นแบบที่คุณพ่อคิด!”
ยงยศอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับมนต์ตรีอีกครั้ง เขาจึงเอ่ยออกมา “หนึ่ง ตอนนี้จารวีไม่มีชาติตระกูลแล้ว สอง เธอไม่มีพื้นหลัง ในเรื่องของการงานเธอไม่สามารถช่วยลูกได้ ดูแล้วเธอก็ดูเป็นเด็กที่อ่อนปวกเปียก เป็นได้แค่กาฝากที่คอยเกาะผู้ชายก็เท่านั้น ผู้หญิงแบบนี้จะเอามาทำไม? ฟังนะ สุรีย์วัลย์ผู้หญิงที่ฉันเลือกแล้ว คือภรรยาในอนาคตของแกด้วย ถ้าแกคิดจะเล่นอะไรแฝงๆละก็ เลิกคิดไปได้เลย!”
เสียงทะเลาะกันของสองพ่อลูก ดังเข้าสู่โสตประสาทของจารวีอย่างชัดเจน สองมือของเธอกำเข้าหากันแน่น
แม้แต่เล็บมือจิกลงในเนื้อ เลือดสดๆไหลออกมาเธอก็ยังไม่รู้สึกตัว
แท้จริงแล้วเรื่องจริงมันโหดร้ายนัก เธอเป็นเมียเก็บเป็นเบื้องล่างของคนอื่นจริงๆสินะ แท้จริงและเธอเทียบอะไรกับมนต์ตรีไม่ได้เลย
ความสุขทั้งหมดนี้ ความหวานชื่นทั้งหมดนี้ ความดีงามทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นแค่เพียงภาพลวงตา ความสุขมันก็เหมือนกับเปลือกหัวหอม เมื่อปอกออกทีละชั้นๆ ก็เคืองตาจนแทบจะทำให้ลืมตาขึ้นมาไม่ได้
เสียงน้ำไหล บวกกับความรู้สึกเย็นเฉียบจู่โจมเข้าหาจารวี พลันสติของเธอก็กลับคืนมา ก๊อกน้ำเปิดอยู่ตั้งแต่แรก น้ำที่เย็นเฉียบไหลท่วมหลังเท้าของเธอ
พลันจารวีก็รีบปิดก๊อกน้ำ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีเสียงพูดคุยที่ด้านนอกแล้ว จารวีถึงจะยอมเปิดประตูห้องน้ำออกมา
บนโต๊ะอาหาร ไม่พบร่างสูงวัยของยงยศแล้ว เมื่อมนต์ตรีได้ยินเสียงขยับเบาๆ จึงหันไปมองทางจารวี
มองไปเห็นรองเท้าที่เปียกชื้นของเธอ พลันเขาก็ประหลาดใจ ลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างรีบร้อน
“วี วีเป็นอะไรหรือเปล่า?”
นัยน์ตาของจารวีแดงก่ำ ราวกับกระต่ายน้อยที่หลงทาง เธอรีบส่ายหัวไปมา พยายามฝืนยิ้มให้เขาอย่างยากลำบาก รอยยิ้มนั้นไม่น่าดูยิ่งกว่าตอนร้องไห้เสียอีก
มนต์ตรียื่นแขนออกไปดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “วีได้ยินหมดแล้วใช่ไหม”
ใบหน้าเล็กของจารวีพยักหน้ารับอยู่ในแผงออกกว้างของมนต์ตรี เสียงเล็กที่น่าเวทนาดังขึ้น
“พี่มนต์ วีอยากกลับบ้าน”
“ไม่เอานะวี ฟังพี่ก่อน คุณพ่อท่านไม่เข้าใจวี ก็เลยพูดไปแบบนั้น ท่านต้องฟังคำพูดลับหลังนินทาจากใครมาแน่ๆ ท่านถึงได้เข้าใจวีผิดแบบนี้!วี อย่าเพิ่งถอดใจเลยนะ วีรู้ไหมว่าพี่เฝ้าตามหาวีมานานถึงสิบปี พี่รักวีมานานถึงสิบปี วีรู้ไหมว่าเวลาสามพันหกร้อยวันนี้พี่พบเจออะไรมาบ้าง!”
จารวีส่ายหัวไปมา มนต์ตรีดึงมือเธอเบา “ตามพี่มา!”
จารวีถูกมนต์ตรีดึงให้ตามหลังขึ้นไปด้านบนอย่างงุนงง
เดินมาได้สักพัก เขาก้มหน้าลง พลางถอดรองเท้าที่ชื้นแฉะของจารวีออก “ป้าไหมครับ หยิบรองเท้าแตะมาให้ผมสักคู่”
“โอเคค่ะ!”
ป้าไหมหยิบรองเท้าใส่ในบ้านมาอย่างกระฉับกระเฉง จารวีกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ
ป้าไหมเพ่งมองจารวีอย่างพินิจ เธอยิ้มพลางเอ่ย “มิน่าล่ะ เมื่อก่อนคุณชายถึงได้บ่นถึงคุณจารวีตลอดเลย รูปร่างหน้าตาของคุณจารวีงดงามกว่าในรูปภาพมากมายนัก”
จารวีหน้าแดงเล็กน้อย มนต์ตรียิ้มพลางเอ่ย “ป้าไหมอยูที่บ้านหลังนี้มาหลายปีแล้ว เธอชอบพูดแต่เรื่องจริงแบบนี้ตลอดแหละ” จารวีรู้ว่ามนต์ตรีพูดเพื่อปลอบใจเธอ แต่ทว่า คำพูดที่เหมือนกับเมฆครึ้มของคุณลุงยงยศยังคงปกคลุมในหัวใจของเธอ สะบัดยังไงก็ไม่หลุด
มนต์ตรีพาจารวีมายังห้องนอนของตน จารวีชะงักงัน ผนังด้าน หนึ่งของห้องนี้ แขวนไปด้วยรูปภาพของเธอเต็มไปหมด แต่ทว่าเป็นรูปภาพเมื่อสิบปีก่อน บางรูปก็กลายเป็นสีเหลือง บางรูปก็ถูกขยายให้ใหญ่ อีกทั้งบางรูปยังเป็นรูปที่ถ่ายในปัจจุบัน
น้ำเสียงของมนต์ตรีสั่นน้อยๆ “วี เห็นไหม? นี่ก็คือเป้าหมายการต่อสู้ดิ้นรนของการมีชีวิตอยู่ในเวลาสิบปีกว่าของพี่ ไม่ว่าพี่จะเจอความทุกข์ยากขนาดไหน แค่พี่นึกถึงว่าพี่จะได้อยู่กับวี ทุกอย่างก็มีความหมายขึ้นมาทันที”
ในใจของจารวีถูกกระแสไออุ่นโจมตีเข้าอย่างจัง เธอตื้นตันใจจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
มนต์ตรีจ้องมองเธออย่างรักใคร่ เขายื่นมือไปกอบกุมใบหน้าเล็ก “วี วีรู้ไหมว่าที่พี่ยืนหยัดอดทนมาสิบปี ก็เพราะพี่เชื่อว่าวีก็รักพี่ พี่เชื่อว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าอุปสรรคอะไรเราก็จะผ่านมันไปด้วยกัน เพราะฉะนั้น ตอนนี้พวกเราเจอกันแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน พี่หวังว่าวีจะไม่เลิกล้มความตั้งใจ โอเคไหม!”
น้ำตาแห่งความปลื้มปีติรินไหลออกจากดวงตาคู่สวยของจารวี เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มนต์ตรีมีต่อตนเองจะมากมายถึงเพียงนี้
เธอมัวแต่จมอยู่กับความน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเอง จนเกือบจะบอกให้มนต์ตรีปล่อยเธอไป ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าความคิดของตนนั้นโง่เพียงใด
“พี่มนต์ วีต้องกลับแล้วค่ะ”
จารวีเดินกลับลงบันไดมา ภายในห้องรับแขกยังไม่เห็นแม้แต่เงาของยงยศ
มนต์ตรีรีบร้อนขัดขวางเธอไว้ “วี ทานข้าวเย็นก่อนค่อยกลับนะ คุณพ่อพี่ออกไปข้างนอกแล้ว วีไม่ต้องกังวล”
เมื่อได้ยินว่ายงยศไม่อยู่ จารวีจึงรับปากที่จะอยู่ต่อ
การที่ได้อยู่กับพี่มนต์ เป็นความสบายใจของเธอ
“เอ้อวี!แล้วตอนนี้คุณลุงชยรพวางแผนจะทำอะไรต่อไปหรอ”
มนต์ตรีหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาหนึ่งลูก เขาปอกให้เธอทาน พลางเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่
สายตาของจารวีจับจ้องไปที่แอปเปิ้ลในมือของมนต์ตรี พลันในหัวสมองของเธอก็ปรากฏเหตุการณ์ซ้อนทับขึ้นมา คลับคล้ายคลับคลาว่ามือหนาของใครบางคนก็เคยปอกแอปเปิ้ลให้เธอทานเช่นนี้
แต่ทว่าเธอนึกใบหน้าของเขาไม่ออก
ทุกครั้งที่เธอพยายามจะนึกถึง แต่นึกได้เพียงแค่นี้ก็ปวดหัวอย่างหนัก
“วี เป็นอะไรหรือเปล่า!” มนต์ตรีมองเห็นสายตาที่เจ็บปวดของจารวีปรากฏออกมา เขาจึงเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“เปล่าค่ะพี่มนต์!ตอนนี้คุณพ่อของวีอยากจะไปทำงานที่บริษัทยาหวนจำกัด สาเหตุเพราะอะไรวีก็ไม่รู้แน่ชัด วันนี้ท่านไปสัมภาษณ์งาน วีก็รอข่าวจากพ่อคืนนี้ค่ะ”
“วี งั้นเอางี้ดีไหม พี่ว่าวียังไม่ต้องไปเรียน ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน แล้วพี่จะหามหาลัยใหม่ให้ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ๆบ้าง จะได้ดีต่อใจวีด้วย” มนต์ตรีเอ่ย
จารวีลังเลสักพัก เธอยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไรค่ะพี่มนต์ วีไม่อยากไปเรียนแล้ว เดี๋ยวรอให้ผ่านช่วงนี้ไป แล้ววีค่อยไปหางานทำ”
“หางานหรอ มาทำที่บริษัทพี่สิ”
“ไม่เอาหรอกค่ะพี่มนต์ วีไม่อยากพึ่งพิงพี่ วีไม่อยากเป็นกาฝาก”
พลันดวงตาของจารวีก็เศร้าสลด
เธอไม่เคยคิดอยากเป็นกาฝากเกาะติดใคร
มนต์ตรีกอบกุมมือเล็กของเธอไว้แน่นอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะวี วีไม่ต้องไปแคร์คำพูดของคุณพ่อพี่หรอกนะ”
“ฮ่าๆ พี่มนต์ สบายใจได้เลยค่ะ วีจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆหรอก วีจะพิสูจน์ให้คุณลุงเห็นให้ได้ว่าวีเป็นผู้หญิงที่รักดี”
จารวียิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มนต์ตรีก็ได้รับการปลุกเร้าใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเจออุปสรรคหนักหนาเพียงใด เขาจะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย