เล่ห์รักเมียตัวน้อย นิยาย บท 97

ตอนที่96 ไปเยี่ยมเป็นการส่วนตัว

มองเห็นจารวีร้องไห้โฮพลางวิ่งเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

พลันหัวใจของชยรพก็โศกเศร้าขึ้นมา เขาไม่เคยคิดเลยว่า หัวใจของลูกสาวคงจะไม่ให้อภัยแก่เขา

เธอเกลียดเขา แต่มันก็ถูกแล้ว เธอสมควรเกลียดเขา หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่ทำหน้าที่พ่อที่ดีเลยจริงๆ

แต่ทว่า เขาจะยอมให้เธอแต่งงานกับมนต์ตรีไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ค่ำคืนนี้หรับจารวี ช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางกดพิมพ์ข้อความ อยากจะส่งไปหามนต์ตรี แต่สุดท้ายเธอก็กดลบมัน เธอรู้ว่าเขาก็คงผ่านไปอย่างยากลำบากเหมือนกัน

เธอจะไม่เพิ่มความหนักใจให้มนต์ตรีอีกเด็ดขาด

ยามราตรีที่แสนระทมทุกข์ เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง พลันก็มองเห็นรถเฟอร์รารีคันสีแดง ขับมาหยุดลงที่หน้าประตูใหญ่ของอพาร์ทเม้นท์พอดี

ท้องฟ้าค่อยๆมีสายฝนเทลงมา ท่ามกลางหมอกฝนที่เลือนราง รถคันนั้นยังคงจอดอยู่ที่เดิม

พลันสมองของจารวีก็มีแสงสว่างฉายวาบขึ้นมา ราวกับว่าเมื่อนานมาแล้ว เธอเคยเจอรถคันนี้ที่ไหน

“วี นั่งลงตรงนี้สิ” หัวสมองของเธอฉายภาพความทรงจำที่ยุพินประคองเธอนั่งลงบนรถคันนี้

ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าเธอคิดอะไรขึ้นมาได้

เธอรู้สึกได้ถึงเรื่องร้ายที่เคยเกิดขึ้น

จารวีชะงักไปชั่วครู่ เธอรีบยื่นมือไปดึงผ้าม่านให้ปิดลง พลางขึ้นไปนอนต่อบนเตียง

จนกระทั่งเกือบเช้าเธอถึงหลับไปอย่างสลึมสลือ มีเสียงเคาะเบาๆดังเข้ามาจากที่หน้าประตู ตามมาด้วยเสียงของชยรพ

“วี พ่อไปทำงานแล้วนะ อาหารเช้าอยู่ในหม้อ อย่าลืมกินด้วยนะลูก”

จารวีไม่ได้ตอบกลับไป เธอไม่อยากที่จะคุยกับผู้เป็นพ่อ

ชยรพถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ที่หน้าประตูห้อง พลางหมุนตัวเดินจากไป

คุณพ่อบอกว่าตอนนั้นต้องจากแม่กับเธอไปเพราะไม่มีทางเลือก แต่ว่า บนโลกนี้ยังไงอะไรสำคัญกว่าลูกและภรรยาตัวเองอีกหรือไง ถ้าหากว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยจริง แล้วทำไมตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา คุณพ่อไม่แม้แต่จะปรากฏตัวออกมาให้เธอเห็นเลยล่ะ

จารวียิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว บางที เธอยอมที่จะไม่ไปไหน เหมือนกับตอนนี้ที่เธอยอมที่จะมีชีวิตอยู่เคียงข้างเขา

ขอเพียงแค่ได้เจอกับพ่อก็พอแล้ว ยังไงซะเขาก็เป็นครอบครัวคนสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่บนโลกใบนี้

แต่ทว่า เวลาที่เธอนึกถึงการตายของแม่ เธอก็ไม่สามารถใจเย็นอยู่ได้ ถึงแม่พี่ยุพินจะเคยบอกว่าแม่เคยโดนคุณลุงรังแก แต่ว่า ตอนที่พ่อมีเรื่อง แม่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว จะมีวิธีอะไรไปต่อกรกับผู้ชาย หรือว่าตอนที่แม่ถูกลุงข่มขืนก็เลยฆ่าตัวตายกันนะ

จารวีปวดหัวราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

หลังจากที่พ่อกลับมา ก็ไม่เคยถามอะไรเธอเกี่ยวกับแม่อีกเลย ทั้งยังไม่เคยถามว่าเธออยู่กับคุณลุงสบายดีหรือเปล่า จริงๆแล้วสิ่งที่พ่อแคร์คืออะไรกันแน่? หรือว่าพ่อจะรู้เรื่องทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เพียงไม่กล้าปรากฏตัวออกมาเท่านั้น?

พอกลับมาที่เมืองนี้ ก็รอไม่ไหวที่จะเข้าไปทำงานในบริษัทยาหวน รอไม่ไหวที่จะทำอุดมคติของตนให้เป็นจริง

จารวีก้าวลงจากบนเตียง เดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอวักน้ำเข้าใส่ใบหน้าของตนเอง น้ำที่เย็นเฉียบทำให้เธอเรียกสติกลับมาเหมือนเดิมได้

วันใหม่เริ่มต้นแล้ว เธอไม่ควรให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ต่อไป ต้องคิดหาวิธีที่จะล้วงความลับของพ่อให้ได้

นั่นน่ะสิ คุณพ่อคะ จริงๆแล้วสิบปีก่อนคุณพ่อทำความผิดอะไรไว้กันแน่? อีกทั้งคุณแม่เสียชีวิตได้ยังไง ความคับข้องใจนี้ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของจารวีตลอดมา

น้ำเต้าหู้ร้อนๆกับขนมปังคัสตาร์ด วางอุ่นอยู่ในหม้อ

อาหารพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่จารวีชอบทานเมื่อตอนเด็กๆ คุณพ่อยังคงใช้วิธีที่เธอยังเป็นเด็กมาดูแลเธอ

จารวีกัดขนมปังคัสตาร์ดไปหนึ่งคำ พลันขอบตาของเธอก็ร้อนผ่าว

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ จารวีเปลี่ยนชุดลำลองเป็นชุดกระโปรงลายแถบ เธอสะพายกระเป๋า พลางก้าวออกจากบ้าน

เธอเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปยังบริษัทยาหวนจำกัด

เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่ตรงข้ามกับบริษัทยาหวนจำกัด เธอจับจ้องไปที่ผู้คนที่เดินเข้าออกที่หน้าประตูของบริษัท

เธอนั่งรอตลอดทั้งเช้าก็ยังไม่พบเบาะแสอะไร พลันเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น จารวีกดรับสาย

“วี กลางวันนี้ว่างมากินข้าวกับพี่ไหม?”

น้ำเสียงที่มีความสุขดังเล็ดลอดออกมาจากปลายสาย

“ว่างค่ะพี่มนต์!” จารวียิ้มอย่างยินดี

“ตอนนี้วีอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปรับ”

ทั้งสองทานอาหารกลางวันด้วยกันเสร็จเรียบร้อย เขาพูดถึงเรื่องที่เขาอยากจะเข้าไปเยี่ยมพ่อของจารวีที่บ้าน

จารวีนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน

“วี คุณพ่อของวีไม่ชอบพี่หรือเปล่า”

สีหน้าของจารวีค่อนข้างกลัดกลุ้ม เธอไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ถ้าหากเธอบอกพี่มนต์ไปว่าคุณพ่อไม่ชอบพี่มนต์ เขาจะต้องเป็นทุกข์อย่างแน่นอน

“พี่มนต์ ขอโทษนะคะ ตอนนี้คุณพ่อของวีเพิ่งกลับมา อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจพี่มนต์”

มนต์ตรีไม่ได้มีท่าทีที่ผิดหวังสักเท่าไร อีกทั้งยังเอ่ยปลอบใจจารวี “ไม่เป็นไรนะ ช้าเร็วยังไงก็ต้องไปอยู่แล้ว วันนี้พี่ไปพบท่านสักครั้งดีกว่า วีไม่ต้องกังวลนะ พี่จะค่อยๆโน้มน้าวใจท่านเอง”

เมื่อเห็นความตั้งใจที่แน่วแน่ของมนต์ตรี จารวีก็ไม่กล้าคัดค้านเขาอีก

“โอเคค่ะ วีก็แค่กลัวว่าพี่มนต์จะผิดหวัง”

“วี จะมีแขกมาบ้านทำไมไม่บอกพ่อสักคำ”

มนต์ตรียิ้มละมุนละไม “คุณลุงชยรพครับ ผมนับว่าไม่ใช่แขกหรื่อที่ไหนหรอกครับ ต่อไปคุณลุงก็มองผมเป็นเพียงลูกชายคนหนึ่งก็ได้ครับ”

ใบหน้าของชยรพเผยรอยยิ้มที่จืดชืดออกมา “มนต์หมายความว่ายังไง”

“คุณลุงครับ จุดประสงค์ที่ผมมาวันก็คือ ผมอยากจะมาปรึกษาหารือกับคุณลุง เรื่องงานแต่งงานของพวกเรา พวกเราทั้งคู่รักกันด้วยใจจริง หวังว่าจะได้รับคำอวยพรจากคุณลุงนะครับ”

มนต์ตรีนั่งลงที่ปลายเท้าของชยรพอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน นัยน์ตาจ้องมองชยรพอย่างมีความหวัง

จารวีตะลึงงัน เธอไม่คิดว่าพี่มนต์จะพูดเรื่องแต่งงานของเธอกับเขาออกมาเร็วขนาดนี้ เธอคิดว่าเขาเพียงต้องการที่จะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบคุณพ่อเพียงเท่านั้น

ปฏิกิริยาโต้ตอบของชยรพค่อนข้างช้า เนิ่นนาน พลันดวงตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจ “พ่อของนายยอมให้นายคบกับจารวีด้วยเหรอ?” มนต์ตรีนิ่งเงียบ เขาหันไปมองจารวีเพียงแวบเดียวพลางเอ่ย “เปล่าครับ คุณพ่อไม่เห็นด้วย แต่ว่าความรักที่ผมมีต่อจารวีนั้นมากมายนัก ชีวิตนี้ต้องการสู่ขอเธอมาเป็นภรรยาเท่านั้น ความตั้งใจของผมจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าคุณพ่อจะเห็นด้วยหรือไม่ ยังไงผมก็จะรักกับจารวีไปตลอดชีวิต”

ชยรพเม้มปาก เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ตามที่นายว่า ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่ได้น่ะสิ”

เด็กหนุ่มคนนี้จริงใจจริงๆ ทุกประโยคที่พูดออกมาดูเหมือนว่ากำลังตัดพ้อพ่อของตน แต่ในความเป็นจริงแล้วกำลังแสดงเจตจำนงของตัวเองให้เขาเห็นต่างหาก ชยรพหันไปมองลูกสาวของตนเอง เธอยืนอยู่ด้านหลังของมนต์ตรีด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ แค่เห็นสายตาที่รอคอยอย่างมีความหวังคู่นั้น ชยรพก็เข้าใจทุกอย่าง

พลันชยรพก็นึกถึงดวงตาอีกคู่ที่คล้ายกันมากนี้ ในใจของเขาโศกเศร้าเสียใจ

“ฮ่าๆ คุณลุงก็พูดเกินไป ยังไงผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณลุงครับ ผมสามารถรับการพิจารณาทุกอย่างของคุณลุงได้ แต่ผมเชื่อว่า บนโลกใบนี้ไม่มีใครรักวีมากกว่าผมแล้วครับ” มนต์ตรีสารภาพออกไปอย่างฮึกเหิม เขาเฝ้าสั่งสมคำพูดพวกนี้ไว้ในใจมาเป็นเวลานาน

ชยรพมองสบไปที่นัยน์ตาขวยเขินของจารวี เขาได้แต่ทอดถอนใจ ยัยเด็กโง่ ลูกยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

“วี ไปซื้อเบียร์มาให้พ่อสองขวด พ่ออยากจะชนแก้วกับไอ้เด็กหนุ่มคนนี้สักสองสามแก้ว”

ได้ยินคำของพ่อดังนั้น แสดงว่าในใจของท่านเริ่มรู้สึกดีต่อพี่มนต์ขึ้นมาแล้ว ถ้างั้นเธอคงได้เป็นเจ้าสาวของพี่มนต์จริงๆสินะ

ใบหน้าน่ารักของจารวีเริ่มมีความหวัง เธอรีบพยักหน้ารับ พลางยิ้มเงินวิ่งออกไป

จารวีพรวดพราดออกจากอพาร์ทเม้นต์ เดินมุ่งหน้าไปยังร้านค้าด้านนอก

ที่แห่งนี้คือเขตที่เพิ่งสร้างขึ้นมาไม่นาน และค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมือง กว่าจะถึงร้านค้าระยะทางยังอีกไกล

ไม่รู้เป็นเพราะอะไรแสงไฟริมทางเดินช่วงตอนนี้จึงไม่ค่อยสว่างนัก ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ในใจของจารวีถูกความสุขปกคลุมอย่างล้นเหลือนี้คอยประคองไว้ เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปข้างหน้า

ทันใดนั้น มีเงาสูงใหญ่ของใครบางคนยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเธอ

ดวงตาดำคลับที่ร้ายกาจราวกับเหยี่ยวคู่นั้น จ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา สายตาของเขาราวกับของแหลมคมที่ต้องการจะฉีกเสื้อผ้าของเธอให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ

“คะ คุณ... คุณเป็นใครกันแน่ สะกดรอยตามฉันทำไม!”

พลันจารวีก็นึกถึงลางสังหรณ์ของเธอในช่วงหลายวันมานี้ มันเหมือนกับสายตาดุร้ายเย็นชาคู่นี้ของเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย