ปัง!
วินาทีถัดไป กำปั้นของสวี่เจียนก็ทุบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง แผดเสียงดังออกมาราวกับสัตว์ป่า“ทำไมพวกเขาต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย ฉันเป็นนักโทษหรือไง?พวกเขา……พวกเขากำลังบีบบังคับฉัน ได้ ฉันจะทำตามที่พวกเขาต้องการ!”
หลินเซวียนตกใจจนขนลุกซู่ รอเขาคำรามเสร็จก็ถึงได้พูดออกไป“ผู้บัญชาสวี่คุณมีสติหน่อย เป็นฝีมือของแม่คุณ โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์!”
“คุณรู้เรื่องทั้งหมดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ปกปิดผมไว้คนเดียว ใช่ไหม?”จู่ๆสวี่เจียนก็ปรี่มาคว้าหมับเข้าที่หัวไหล่ของหลินเซวียน บีบจนหญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่รู้ตัว
“ฉันไม่รู้จริงๆ”หลินเซวียนปวดจนกัดฟันแน่น น้ำตาเอ่อคลอ“ผู้บัญชาสวี่ ปล่อยฉันก่อน ฉันเจ็บ ”
“ดี ดีมาก!”สวี่เจียนหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ แรงที่มือเพิ่มมากขึ้น“คุณไปบอกจงเสี่ยฮวา เงินพวกนี้ถือว่าซื้อขาดความเป็นแม่ลูกของเรา!ไป!”
พูดจบก็ดันเธอออก คำรามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“หลินเซวียน คุณโทรไปตามแม่ผมมา เขาอยากให้ผมตายไม่ใช่เหรอ ต่อหน้าเขา ผมจะตายอย่างช้าๆให้เขาดู!”
เห็นเขาหัวรุนแรงขึ้นมา หลินเซวียนก็กระทืบเท้าอย่างร้อนรน“ผู้บัญชาสวี่คุณยอมแพ้เถอะนะ รับปากว่าจะไม่เจอกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอีก ก็จะได้รับอิสรภาพอีกครั้ง จากนั้นคุณก็ค่อยหาวิธีช่วยเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน แล้วพาเธอหนีไป ใครจะไปรู้?”
“ก็ได้ เอากระดาษกับปากกามาให้ผม ผมจะเขียน”สวี่เจียนพยายามควบคุมอารมณ์โกรธในใจ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็แค่เขียนหนังสือรับรอง เพื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแล้ว เขาทรยศได้แม้แต่ความศรัทธา หนังสือรับรองจะมีความหมายอะไร?เพิกเฉยไม่ยอมรับมันได้ทุกเมื่อ
ห้านาทีผ่านไป หลินเซวียนเอาหนังสือรับรองของสวี่เจียนไปให้กับผู้บัญชาการ เมื่อผู้บัญชาการเห็นว่าเขาคิดได้แล้ว ก็ย่อมต้องดีใจอย่างมาก แต่ไม่ได้ปล่อยตัวเขาออกมาในทันที เพื่อกันไม่ให้เจ้าเด็กคนนี้คิดเล่นตุกติกอะไร……
งานเลี้ยงของฉินเหรินเฟิ่งจัดขึ้นในโรงแรมภายใต้ชื่อของตัวเองแห่งหนึ่ง ขนาดไม่ได้ใหญ่โต ไม่ได้ลงทุนวางแผนบริหารจัดการอะไร ไม่รอผลกำไรจากมัน
ที่อยู่ในที่นี้ล้วนเป็นเด็กหนุ่มที่สนิทชิดเชื้อกับเธอเป็นอย่างมาก ฉู่หยู้ซี เสิ่นฉือ มู่หยวน……ชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่สุด มาพร้อมกับเพื่อนสาวสุดสวย
ฉินเหรินเฟิ่งเป็นคนที่ผ่านโลกมามากมาย ทั้งเส้นทางสายสว่างและสายมืด โลดโผนอันตราย และที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด การพูดคุยเต็มไปด้วยความจริงใจ สรวลเสเฮฮา สนุกสนานครื้นเครงอย่างมาก
ความครื้นเครงนี้จบลงทันทีที่เซียวเซิ่งมาถึง
คุณเซียวผู้เย็นชาราวกับน้ำแข็งมายืนอยู่ตรงนี้ ทุกคนก็สงบเสงี่ยมเรียบร้อยในทันที ปรกติเซียวเซิ่งเป็นคนที่สำรวมกิริยา และเป็นคนที่เฉยชาไม่ยิ้มแย้มอะไร ไม่มีใครกล้าที่จะหยอกล้อเล่นกับเขา นอกจากฉู่หยู้ซีที่ไม่รู้ที่ตายคนนี้
“เฮียเซียว ทำไมมาคนเดียวล่ะ?เหงาจะตาย ฉันยกสาวสวยของฉันให้นายแล้วกัน”ฉู่หยู้ซีดันหญิงสาวในอ้อมแขนให้เซียวเซิ่ง ถูกฉินเหรินเฟิ่งร้องห้ามไว้กลางคัน
“นายเก็บไว้เองเถอะ เขาไม่ชอบแบบนี้”เซียวเซิ่งรินไวน์อย่างสง่า ถือแก้วไวน์แล้วชนแก้วกับฉินเหรินเฟิ่ง จากนั้นก็กระดกหมดแก้วในคราเดียว
ฉินเหรินเฟิ่งก็รีบยกขึ้นดื่มตาม เมื่อเห็นคนทั้งสองไม่ลงรอยกัน ยิ้มและเข้ามาเป็นคนกลาง“กินกันเถอะ กินไปคุยไป”
เซียวเซิ่งไม่ชอบพูด นั่งฟังพวกเขาคุยกัน ตัวเองนั่งดื่มอยู่อย่างเงียบๆ และไม่กินกับข้าวอะไร
“โอ้พ่อทูนหัว กินอะไรบ้างสิ”ฉินเหรินเฟิ่ง หยิบจานของเขามา“เชื่อพี่ ดื่มน้อยๆหน่อย”
“เฮียเซียว นายมีเรื่องอะไรในใจ เล่าให้พวกเราฟังได้นะ ”ใบหน้าฉู่หยู้ซีเยาะเย้ย เขาเดาว่าเซียวเซิ่งคงจะเอาเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงพามาด้วยแล้ว
เซียวเซิ่งนิ่งไปชั่วครู่ พูดเสียงเรียบ“ปรกติฉันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“เขามีเรื่องอะไรในใจที่ไหนกัน พี่นี่แหละที่มี”ฉินเหรินเฟิ่งออกหน้ารับแทนเซียวเซิ่งอย่างเถรตรง
“เหอ……”เซียวเซิ่งเหลือบมองเธอไปแวบหนึ่ง ยกยิ้มให้อย่างฉันมิตร ไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นฉู่หยู้ซีที่เกิดความสนใจขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้“ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่เฟิ่งเป็นคนมีเรื่องราว มีเรื่องอะไรบอกเล่าให้น้องชายฟังได้นะ”
เปิดมันออกดู เป็นจดหมายตอบกลับของสวี่เจียน ตัวหนังสือที่หนักแน่นดูคุ้นเคยมันเป็นอย่างดี เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
ในจดหมายสวี่เจียนเอาแต่พูดขอโทษเธอ บอกว่าตัวเองไร้ความสามารถ ขอโทษเธอ แต่ไม่คิดล้มเลิกที่จะช่วยเธอออกมา……มองดูจดหมายที่ตัวหนังสือเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจนี้ รู้ว่าสวี่เจียนก็เจ็บปวดเหมือนกันกับเธอ น้ำตาเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งทุกข์ใจและเจ็บปวดใจ อากาศราวกับคมมีด สูดดมเข้าไป ก็บาดลึกไปทั่วทั้งภายใน ……
ที่น่ายินดีก็คือ ในจดหมายสวี่เจียนบอกว่าอูเจินจูกับเอี๋ยนต้าฟานั้นสบายดี เซียวเซิ่งไม่ได้เลวถึงขั้นทำอะไรเด็กน้อย ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง ในสามวัน เขาต้องหาทางช่วยเธอออกมาให้ได้……
จดหมายฉบับนี้ยิ่งกระตุ้นความปรารถนาในอิสรภาพของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน อยากเจอคนสนิทที่อยู่ด้านนอกเร็วๆ ความรู้สึกที่มีอยู่เพียงน้อยนิดต่อเซียวเซิ่ง ก็ถูกฝังกลบลงไปด้วยเช่นกัน……
ตอนทานอาหารค่ำ และแล้วพ่อบ้านเซี่ยก็ได้เห็นทรงผมหัวล้านของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ในตอนนั้น ร่างเขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รู้สึกราวกับตัวเองคงมีอายุไม่ยืนแล้ว คุณชายกลับมาต้องอาละวาดเป็นแน่
ในสภาพที่ไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงซื้อวิกผมมาให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ให้เธอใช้มันไปก่อน บางทีคุณชายอาจไม่สังเกตเห็นมันก็ได้ ?
หลังจากที่แยกกับฉินเหรินเฟิ่ง เซียวเซิ่งก็เข้าไปที่บริษัท ที่ทำงานมีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย จึงได้เข้าไปจัดการในตอนดึก
เมื่อก่อนการทำงานคือความสุขของเขา แต่หลังจากที่มีเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ในใจก็มีความกังวลใจเพิ่มเข้ามา ไม่ต้องการจะทำงานล่วงเวลา เว้นเสียแต่จำเป็นเท่านั้น หลุบตามองไปยังเวลาที่ตรงมุมล่างของหน้าจอ เขากดปิดเครื่องอย่างรวดเร็ว แล้วพับหน้าจอคอม จากนั้นก็คิดทบทวนวางแบบแผนงานของวันพรุ่งนี้อีกครั้ง แล้วจึงลุกขึ้น แล้วขับรถกลับบ้าน
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยังไม่นอน ดวงตาสุกใสจับจ้องมองดูประตูที่หรูหรา ใช้ชีวิตราวกับภรรยาตัวน้อยที่เฝ้าคอยสามีกลับบ้านอย่างใจจดจ่อ
แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ในใจของเธอตื่นกลัวอย่างมาก กลัวว่าหากเซียวเซิ่งรู้ว่าเธอตัดผมทิ้ง แล้วจะอาละวาดขึ้นมา แน่นอนว่า เธอก็กลัวตัวเองจะติดเซียวเซิ่ง และยิ่งกลัวว่าจะทรยศสวี่เจียน
ขณะที่กำลังคิดอยู่ อากาศเย็นๆก็ลอดผ่านเข้าไปในจมูก เธอสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ เงยหน้าขึ้นมองไป เห็นเพียงประตูถูกผลักเปิดออกอย่างเงียบๆ และร่างที่สูงโปร่งของเซียวเซิ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น