เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 127

เห็นว่าเอี่ยนเสี่ยวเนี่ยนไปแล้ว ในใจของโอเล่ย์ก็อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องแย่แล้ว เพิ่งจะคิดที่จะออกไปตาม จู่ๆประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เขาจึงชะงักเท้าอีกครั้ง

ทุกคนล้วนแต่ถูกพ่อบ้านเซี่ยพาตัวไปหมด เวลานี้ข้างๆกายเซียวเซิ่งก็มีเพียงแค่โอเล่ย์เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถไปตามเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมาได้

“ท่านประธาน!” โอเล่ย์วิ่งเข้าไปในห้องผ่าตัด เห็นว่าเซียวเซิ่งยังไม่ฟื้น ก็รู้สึกตกใจขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นครับ ไม่ฟื้นเหรอ?”

“ขอโทษครับ ไม่ฟื้น” แพทย์เจ้าของไข้ดึงผ้าปิดจมูกลง พลางขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “สัญญาณชีพจรแต่ละรายการของคุณเซียวนั้นปกติมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเขามีเรื่องที่ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับมัน จึงยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาครับ”

“พูดจาเหลวไหล!” โอเล่ย์โมโหขึ้นมาแล้ว กระชากคอเสื้อของคุณหมอ “ฝีมือทางการแพทย์ของคุณไม่ดี ก็ไม่ต้องเอาวิธีพูดที่ดูอัศจรรย์แบบนั้นมาพูดลวกๆขอไปทีเลย!”

ท่านประธานเป็นผู้ชายที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่คนหนึ่ง เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เขามีแต่จะต้านเอาไว้ได้ จะหนีไปได้อย่างไรกัน?

ตอนที่เรียนแพทย์นั้นแพทย์เจ้าของไข้เป็นนักเรียนดีเด่น เอาเนื้อหาความรู้ที่เรียนมาทำความเข้าใจเป็นอย่างดี การทำงานก็มีความระเอียดรอบคอบ ค่อยๆได้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่เขามีเพียงจุดอ่อนที่ร้ายแรงมากหนึ่งอย่าง - - ทำตามตำราหนังสือ ไม่ค่อยจะนำมาพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงนัก

“ขอโทษนะครับ คุณเล่ย์” คุณหมอไม่กล้าแสร้งทำเป็นมีความสามารถมากนัก “จะให้พูดถึงคุณหมอที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลเราก็คือคุณหมอฉู่หยู้ซี ไม่อย่างนั้นก็เชิญให้เขามาดูได้นะครับ”

โอเล่ย์ปล่อยคุณหมอคนนั้นไป แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรหาฉู่หยู้ซี

ฉู่หยู้ซีกำลังนอนหลับอยู่ รับสายพลางเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่ชัดเจน “ใครครับ? เมื่อวานผมโต้รุ่งมาแล้ว ผมง่วงจะตายอยู่แล้ว คอขาดบาดตายไหม? ถ้าไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตายก็รอฉันตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยไปรักษาให้นะ”

“คุณชายฉู่ ท่านประธานของพวกเราโดนมีดแทงจนสลบไปแล้ว! คุณรีบมาดูให้หน่อยสิครับ! ไม่อย่างนั้นทุกคนจะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วนะ!” โอเล่ย์พูดจบแล้วก็วางสายไปเลย

เซียวเซิงสลบไปไม่ฟื้นขึ้นมา? ฉู่หยู้ซีลืมตาขึ้นมาแล้วดีดตัวลุกขึ้นมานั่งทันที นอกจากความกังวลที่มีอยู่นั้น มุมปากก็ยกขึ้นหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ไม่ได้รอให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมา เป็นรอเขามาแทนงั้นเหรอ? น่าสนใจนี่”

เขาโทรกลับไปหาโอเล่ย์อีกครั้ง แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยความยโสโอหัง “โอเลย์ ฉันไม่จำเป็นจะต้องไปวินิจฉัยโรคตรงหน้า ก็รู้แล้วว่าทำไมเจ้ามัสตาร์ดถึงสลบไปไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที นายเชื่อไหม?”

“เชื่อเชื่อเชื่อ คุณรีบเร็วๆเข้าเถอะ!” โอเล่ย์ใจร้อนกระวนกระวาย ไม่มีเวลามาคุยเล่นกับเขา “รีบๆเข้า ทางผมมีเรื่องอีกมากมาย!”

“อย่าเร่ง....ฉันแสร้งทำเป็นงงไปอย่างนั้นแหล่ะ” ฉู่หยู้ซีใส่กางเกงอย่างไม่รีบร้อน โทรศัพท์มือถือแนบอยู่ที่หู “เขาสลบถ้าหากเป็นเพียงเพราะว่าบาดเจ็บจากการถูกแทง หมอที่ไม่มีฝืมือทั่วไปคนไหนก็รักษาได้ ทำไมถึงไม่รักษาให้หายล่ะ แต่นี่ดูแล้วไม่ใช่เพียงแค่บาดเจ็บจากการถูกแทงจากมีดง่ายๆแบบนั้นสิ นายดูตรงหน้าผากระหว่างหัวคิ้วว่าเป็นสีเขียวๆหรือเปล่า คนเราจะมีเป็นเส้นบางๆอยู่?”

โอเล่ย์เห็นว่าที่เขาพูดมานั้นก็มีเหตุผล จึงรีบทำตาม “มีครับ แต่ไม่ชัด”

“อืม ตอนนี้ก็สามารถแน่ใจได้แล้ว สาเหตุของอาการป่วยก็คือเมื่อคืนนี้เขาทำการบ้านมากเกินไปแล้ว!”

“คุณชายฉู่ ผมพบว่าคุณนี่ทำไมชอบพูดอะไรที่เข้าตัวเองตลอดเลยนะ?” โอเล่ย์โมโหเสียจนชีพจรตรงขมับเต้นตุบๆ

“อย่างนาย แน่นอนว่าไม่เข้าใจอยู่แล้ว” ฉู่หยู้ซีเลิกคิ้ว “น้ำอสุจิหยดนึงมีค่าเท่ากับเลือดสิบหยด ประกอบกับได้รับบาดเจ็บจากภายนอกเสียเลือดไปอีก เป็นเคราะห์ร้ายที่ซ้ำเติมลงไปอีก จะพูดให้เกินจริงหน่อยก็คือ ถ้าหากวันนี้เขาทำตามใจต่ออีกวันนึง ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นการใช้แรงเยอะจนตายได้”

“พอแล้ว คุณอย่าพูดให้มันดูไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลย รีบมาเถอะ!” โอเล่ย์วางสายไปอย่างไม่ไว้หน้า ในใจกลับเห็นด้วยกับวิธีการพูดของฉู่หยู้ซี - -

โชคดีที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่รู้จักพอ ไม่อย่างนั้นวันนี้เรียกร้องอีกทั้งวันก็คงจะจบกันจริงๆแล้ว!

ฉู่หยู้ซีโยนโทรศัพท์ที่ตัดสายไปเข้าไปในรถ มุมปากยกขึ้นอย่างแปลกประหลาด ในใจนั้นเบิกบานเหมือนกับดอกไม้ที่แย้มบานออกมาอย่างไรอย่างนั้น

โอเล่ย์ติดกับแล้ว

ในตัวคนเราแต่ละคนนั้นมีเส้นบางๆอยู่สองเส้นใช่ไหม? อีกทั้งคนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลภายนอก เป็นเพราะสาเหตุจากการเสียเลือดมาก หน้าผากตรงระหว่างหัวคิ้วนั้นก็จะเป็นสีเขียวๆอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดโยนใส่เซียวเซิ่งไปแบบนี้ ก็เพื่อที่จะทำให้เขาอับอาย และเพื่อระบายความโกรธ

ในใจของฉู่หยู้ซีนั้นลืมเอี๋ยนเสีย่วเนี่ยนไปไม่ได้

ยิ่งไม่ได้มา ก็จะยิ่งคิดอย่างจริงจัง

.......

“พ่อ เอี๋ยนต้าฟาไม่อยู่ที่นี่เหรอคะ?”

“ทำไมแกถึงย้อนถามฉันล่ะ?” เอี๋ยนจื้อโก๋วร้อนใจเสียจนปะทุควันขึ้นมาในใจแล้ว “แกไม่ได้อยู่ด้วยกันกับลูกเหรอ? ลูกล่ะ? เสี่ยวเนี่ยน แกเป็นอะไรกันแน่?”

หัวใจของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตกลงมาอยู่ในจุดที่ต่ำสุด มือกำหมัดแน่น เล็บจิกลงบนฝ่ามือเป็นรอยลึก “พ่อ หนูไม่ได้อยู่กับลูก ต้าฟาถูกแย่งตัวไปแล้ว”

เอี๋ยนจื้อโก๋วรู้สึกตกตะลึง “ใครแย่ง?”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนส่ายหน้าอย่างเจ็บปวด เดินไปเคาะประตูห้อง501 “เจินจู เปิดประตู ฉันเสี่ยวเนี่ยนกลับมาแล้ว.....”

ตอนนี้ความหวังเดียวของเธอก็คือเจออูเจินจู แต่ข้างในนั้นไม่มีคน เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอดที่จะเคาะประตูให้แรงขึ้นอีกไม่ได้ “เจินจู ทำไมเธอถึงไม่เปิดประตูให้ฉัน?”

“เสี่ยวเนี่ยน เจินจูไม่อยู่บ้าน” เอี๋ยนจื้อโก๋วจับข้อมือของเธอเอาไว้ กลัวว่าเธอจะตีลงบนประตูจนเจ็บเสียก่อน

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนร้องไห้น้ำตาไหลออกมา เหมือนกับคริสตัลที่แวววาวเป็นสาย ความเจ็บปวดและความเกลียดชังไหลลงมาข้างล่างไม่หยุด - - เซียวเซิ่ง คุณนี่มันทำเรื่องที่เลวทรามต่ำช้ามากจริงๆ!

มิน่าล่ะเขาถึงได้ยอมปล่อยเธอกลับมา ที่แท้ก็จับจุดอ่อนของเธอเอาไว้นั่นเอง! ตั้งแต่สวี่เจียน เอี๋ยนต้าฟา และมาถึงอูเจินจู บุคคลสามคนที่ดีที่สุดสำหรับเธอในโลกนี้ ไม่มีใครหนีไปจากกรงเล็บของปิศาจอย่างเขาได้ซักคน

“อย่าร้องลูก” เอี๋ยนจื้อโก๋วยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว “ในเมื่อลูกหายไปแล้ว ก็ต้องแจ้งตำรวจ เสี่ยวเนี่ยนแกไม่ต้องกลัวนะ พ่อจะตัดสินใจให้แกเอง รีบบอกที่มาที่ไปกับพ่อเร็วเข้า”

“พ่อ เป็นหวง - -” เธออยากจะพูดว่าเป็นหวงฟางกับเอียนหยู่โรวทำร้ายเธอ แต่คำพูดออกมาอยู่ตรงปากแล้วกลับกลืนลงไปอีกครั้ง

จอนผมของพ่อขาวหมดแล้ว หนวดสั้นๆก็ไม่ได้โกนจนหมดเกลี้ยง ดูแก่ขึ้นกว่าครั้งที่เจอกันครั้งที่แล้ว ในใจเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกเจ็บปวด รู้ว่าสุขภาพเขาไม่ดี ยังต้องให้หวงฟางดูแล แก่ตัวลงแล้วก็ไม่สามารถทำให้ครอบครัวแตกแยกได้

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเช็ดน้ำตา แล้วยิ้มกับพ่อ “พ่อ ขอเพียงแค่พอใช้ชีวิตได้ดีก็พอ อย่าสนใจหนูเลย.....”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น