ในใจของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ดิ้นออกมาจากอ้อมกอดของเซียวเซิ่ง “อะไรไม่ถูก?”
สีหน้าของเซียวเซิ่งดูจริงจัง เขาไม่รู้ว่าตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง ในใจรู้สึกอึดอัดมาก มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีกำลังหมักหมมอยู่
“เปล่าครับ บางทีคงจะเหนื่อยจากที่สู้กับจระเข้เมื่อกี้นี้” มองไปยังเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “มีผมอยู่ทั้งคน ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก วางใจเถอะ”
ถึงแม้ว่าจะพูดออกมาแบบนี้ แต่ในใจของเขากลับจมดิ่งลงไม่หยุด ในหัวมีใบหน้าที่น่ารักอ่อนโยนของเอี๋ยนต้าฟาปรากฏขึ้นมา ดวงตาดำตาแป๋ว “แด๊ดดี้ สุดสัปดาห์มารับผมเร็วๆนะครับ”
ทุกครั้งที่ไปรับเขา เด็กนั่นก็จะถาม “แด๊ดดี้ หาหม่ามี๊ผมเจอแล้วหรือยัง?” เด็กน้อยคิดถึงแม่ของตัวเองมาก คิดถึงจนนอนไม่หลับอยู่บ่อยๆ แต่ปากกลับไม่พูด.....
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นว่าสีหน้าของเซียวเซิ่งเปลี่ยนไปไม่หยุด คิดว่าเขาเจ็บแผล จึงดึงมือเขาเอาไว้อย่างไม่สบายใจนัก “เซียวเซิ่ง รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ อย่าเอาร่างกายมาล้อเล่นเลย”
เซียวเซิ่งดึงสติกลับมา แล้วโอบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาไว้เบาๆ ถูกับหน้าผากของเธอ พลางเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน “เนี่ยนเออร์ มีเรื่องนึงที่ผมอยากจะบอกคุณตั้งแต่เมื่อวานนี้ เย่เฟิงเขาพาเอี๋ยน- -”
“ท่านประธาน!” ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น เสียงที่ดูเร่งรีบก็ดังขึ้นขัดคำพูดของเขา โอเล่ย์วิ่งเข้ามา
เห็นว่าเขาดูตื่นตกใจ ความรู้สึกเศร้าซ่อนเอาไว้ในแววตา เซียวเซิ่งรู้สึกปวดหัว หัวใจเต้นด้วยความสับสนแปลกๆ คิดเชื่อมโยงไปถึงเอี๋ยนต้าฟาขึ้นมา - -คงจะไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเด็กนี่ใช่ไหม?
ขอให้อย่าเป็นแบบนั้น ลูก เดิมทีแด๊ดดี้คิดว่าวันนี้จะให้แม่ลูกได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว หนูจะมาทำลายพ่อไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นแด๊ดดี้จะอธิบายกับแม่ยังไง? เธอจะถลกหนังแด๊ดดี้เอาได้.....
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เซียวเซิ่งก็ผลักเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนออกมาเบาๆ “ที่รัก คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ รีบไปเถอะ ระวังจะเป็นหวัดเอา!”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกความผิดปกติ แต่ก็คิดเพียงแค่ว่าบริษัทเขาเกิดเรื่องขึ้น จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก “ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะคะ”
“เนี่ยนเออร์ คุณรอไปด้วยกันกับผมดีกว่า” จู่ๆเซียวเซิ่งก็เปลี่ยนความคิด แล้วดึงเธอกลับเข้ามาในอ้อมกอด ดูเหมือนกับว่ากลัวจะสูญเสียเธอไปอย่างไรอย่างนั้น โอบเธอเอาไว้แน่น
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นว่าอารมณ์ของเขาผิดปกติไปก็ไม่กล้าพูดมาก จึงทำตามเขาไป
โอเล่ย์วิ่งมา ถอดเสื้อคลุมของตัวเองแล้วคลุมที่ร่างของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ไม่กล้ามองตาเธอ หันไปมองที่เซียวเซิ่ง เห็นว่าร่างของเขามีเลือด จึงเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “ท่านประธาน ทำไมได้รับบาดเจ็บได้ล่ะครับ?”
“ฉันไม่เป็นไร” เซียวเซิ่งจ้องมองหน้าเขา แล้วเปลี่ยนเป็นเอ่ยถามเขาด้วยภาษาฝรั่งเศส “นายมาทำอะไร?”
โอเล่ย์เองก็ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น จึงรีบใช้ภาษาฝรั่งเศสตอบกลับ “เย่เฟิงกับเด็กเกิดเรื่องขึ้นแล้วครับ!”
กลัวอะไรก็มาแบบนั้นจริงๆ สมองของเซียวเซิ่งจะระเบิดอยู่แล้ว ความโมโหประดังรุมเร้าเข้ามา “พูดให้มันครบถ้วน!”
“เมื่อคืนเกาะถูกคลื่นยักษ์พัดถล่ม ที่อยู่พวกเขาสองคนสาบสูญไปยังไม่ชัดเจนเลยครับ ส่งคนออกไปหาแล้ว ลุงเซี่ยพาคนทั้งหมดไปเสริมกำลังหนุนแล้ว ทำให้ดีที่สุดอะไรจะเกิดก็ต้องแล้วแต่ฟ้าดิน ตอนนี้ดูแล้วน่าจะรอดกลับมายาก ท่านประธานต้องเตรียมความคิดเอาไว้ให้ดี....”
“เตรียมความคิดอะไร? ลูกชายของฉันเซียวเซิ่งไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นหรอก ไม่มีทางเป็นอะไรเด็ดขาด! พรวด- -” เซียวเซิ่งจ้องมองเขา ขณะที่พูดนั้นจู่ๆก็ไอออกมาแล้วก็พ่นเลือดออกมาอีกด้วย เขาดูไม่ค่อยดีนัก ใบหน้าซีดเผือดเหมือนกับหิมะน้ำแข็งที่ลอยอยู่ ดูเหมือนกับว่าจะละลายลงในวินาทีต่อมาอย่างไรอย่างนั้น
“เซียวเซิ่ง - -” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนน้ำตาไหลออกมา “คุณเป็นอะไร?”
โรงพยาบาล ห้องฉุกเฉิน
“ถ้าคุณไม่พูดว่าสามีภรรยาจะยังดีเสียกว่า พอพูดแล้วฉันก็รู้สึกโมโหขึ้นมา” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนผลักเขาออกอย่างไม่เกรงใจเลยซักนิดเดียว “อีกทั้งเดิมทีแล้วเซียวเซิ่งเป็นคนที่โหดเหี้ยมเลือดเย็นไร้วามรู้สึก เป็นไปไม่ได้ที่จะอ่อนแอ เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว”
โอเล่ย์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เมื่อร้อนรนแล้วก็โอบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเข้ามาในอ้อมกอด “เสี่ยวเนี่ยน ขอโทษ....”
เขาไม่ได้มีความคิดอื่น เป็นความรู้สึกสงสารเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมากเป็นพิเศษ ถูกเธอลากเข้ามาพัวพันจนรู้สึกแย่ ถ้าหากเอี๋ยนต้าฟาพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นมาจริงๆ หัวใจของคนเป็นแม่ก็จะต้องแตกสลาย!
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง รู้สึกตกตะลึงอยู่พักหนึ่งแล้วถึงได้ดิ้นออกมาจากอ้อมกอดของเขา พลางเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “พวกคุณเป็นอะไรกันแน่ วันนี้ทำไมแปลกๆกันไปหมด?”
“เพราะว่าคุณจะจากไป พวกผมก็เลยทำใจไม่ได้” ประโยคนี้ของโอเล่ย์พูดจริง เขาทำใจเรื่องเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้จริงๆ
“ขอบคุณนะคะที่ทำใจไม่ได้ แต่.....” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเลิกคิ้วขึ้น “แต่ฉันคงไม่เป็นเพราะว่าพวกคุณทำใจไม่ได้ ก็จะไม่จากไป คุณเป็นเลขาของเซียวเซิ่ง ควรจะรู้ว่าเขาให้ฉันไปได้แล้วใช่ไหมคะ? หวังว่าคุณจะสามารจัดการเรื่องการหย่าของพวกเราได้นะคะ”
“เสี่ยวเนี่ยน อย่าใจแข็งขนาดนี้ได้ไหม? อย่าไปเลย” โอเล่ย์พูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด “อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ต่อให้เป็นคนแปลกหน้ากันก็ควรจะเกิดความรู้สึกบ้าง และยิ่งไปกว่านั้นคือการเป็นสามีภรรยาที่ไหว้เทวดาฟ้าดินมาแล้วด้วย?”
ต่อให้กลับไปที่อูเจินจูทางนั้น ก็ไม่เห็นใครด้วยเหมือนกัน สู้อยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าหรือ
“ไม่ใช่ว่าฉันใจแข็ง” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกว่าวันนี้โอเล่ย์ตามติดมากเกินไปแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “หลักๆแล้วฉันมีเส้นทางชีวิตของฉันเอง รอให้เซียวเซิ่งฟื้นขึ้นมา เขาอาจจะไม่ให้ฉันไปแล้ว พูดไปแล้วเขาก็เป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมที่สุด พูดกลับไปกลับมาต่อหน้าฉันอยู่บ่อยๆ”
“นั่นเป็นเพราะเขาอยากจะรั้งคุณไว้ให้อยู่ข้างๆเขาต่างหากล่ะครับ” โอเล่ย์เม้มปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ถ้าหากเขาฟื้นขึ้นมา รู้ว่าคุณไปแบบนี้ ไม่สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้ ในใจของเขาจะรู้สึกอย่างไรครับ? แม้ว่าปกติเขาจะไม่แสดงออกถึงอาการใดๆก้าม แต่เขาเองก็มีความรู้สึกเช่นกัน”
“โอเล่ย์วันนี้คุณก็ดูผิดปกตินะ คุณมีแผนการอะไรหรือเปล่า?” ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา จู่ๆเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอาผ้าห่มวางไว้บนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง แล้วก้าวเท้าวิ่งออกไปเลย....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น