เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถูกการสะดุดในครั้งนี้ทำเอาหวาดผวา ไม่ได้รู้สึกถึงความหึงหวงของสามีเลยสักนิด และไม่รู้เลยว่าอันตรายกำลังก้าวก่ายเข้ามา
ส่วนโอเล่ย์ในฐานะเพื่อนกึ่งลูกน้องที่จงรักภักดีที่สุดของเซี่ยวเซิ่ง พูดได้ว่ารู้นิสัยของท่านประธานเป็นอย่างดี รู้ว่าตรงไหนคือจุดอ่อนของเขา รู้ว่าแบบไหนถึงจะทำให้เขาคันแต่ไม่เจ็บ
ดังนั้น เขากอดเบา ๆ แล้วถึงได้ปล่อยสาวงามไป และกล่าวอย่างเป็นห่วงเป็นใยอย่างสง่า “ระวังหน่อย พื้นมันลื่น”
“ขอบคุณ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหน้าแดง และขยับออกห่างจากโอเล่ย์
อากาศถูกละลายขึ้นมาอย่างฉับพลัน เสียงเย็นชาและมีแรงดึงดูดของเซียวเซิ่งได้ดังขึ้นอีกครั้ง “เอ็นซีไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนควบคุมดูแล รีบไล่ถังเหวยออกทันที”
“ขอโทษด้วยท่านประธาน——”
“ไม่ต้องพูดขอโทษ” เซียวเซิ่งปฏิเสธคำขอโทษของอีกฝ่าย “อย่าทำเรื่องที่ขอโทษคนอื่นก็พอแล้ว! ให้เงินชดเชยเธอสองเท่า ไล่เธอไป ไล่เธอออกไปทันที!”
“แต่ฉันก็ยังต้องบอกว่า......ขอโทษด้วยค่ะท่านประธาน”
รองผู้จัดการฝ่ายบุคคลของเอ็นซีมองดูเซี่ยจิ่นที่มีรัศมีแข็งแกร่งแวบหนึ่ง เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ทำใจกล้ากล่าว” คุณนายเซี่ยจิ่นมัฐานะเป็นผู้ควบคุมดูแลสูงสุดของเอ็นซี มีสิทธิ์แต่งตั้งและถอดถอน อีกอย่าง เธอเพียงแค่เลือกใครบางคนจากพนักงานเพื่อมาเป็นตัวแทนเธอเท่านั้น มันไม่มีตรงไหนที่ไม่ถูก มันสมเหตุสมผลนะท่านประธาน”
“เธอไปคุยกับถังเหวย ให้เธอสละตำแหน่งนี้”
“เธอไม่ยอมสละตำแหน่ง”
“โอเค เธออยากตายใครจะห้ามเธอได้”
เซียวเซิ่งบีบโทรศัพท์แน่น สายตาที่หล่อเหลามองไปยังเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ด้วยท่าทางปกป้องคนของตัวเอง โอปาซังพวกนั้นคิดจะจัดการกับภรรยาของเขา มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนและเซียวเซิ่งสบตากัน และมองไปยังโอเล่ย์อีกครั้ง
โอเล่ย์เองก็ฟังออกเหมือนกัน ทุกคนต่างไม่ใช่คนโง่ รู้ว่านี่คือการที่แม่สามีรับทหารซื้อม้าเพื่อมาโจมตีลูกสะใภ้
“งั้นฉันยัง......ต้องไปทำงานไหม?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกใจฝ่อเล็กน้อย เธอไม่ชอบแก่งแย่งชิงดีกับคนอื่น
“ต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว คุณกลัวเหรอ?” โอเล่ย์ช่วยประธานถาม และก็ถามเพื่อตัวเองด้วย
มีผู้ชายสองคนปกป้องเธอ หวังว่าเธอจะไม่ขี้ขลาด ไม่ยอมแพ้! ไม่เป็นไร ทุกอย่างให้ผู้ชายเป็นคนจัดการ
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกัดริมฝีปาก จู่ ๆ ก็มองไปที่เซียวเซิ่งอย่างยั่วเย้า “ขอแค่สามีของฉันไม่ส่งสายตาไปมากับถังเหวย ถูกเนื้อต้องตัว ฉันก็ไม่กลัว”
เซียวเซิ่ง: “......”
เชี่ย ใครกันแน่ที่คอยส่งสายตากับคนอื่น กอดถูกเนื้อต้องตัวกัน! เธอกอดกับเอี๋ยนต้าฟาและโอเลย์ก็พอรับได้ ลองไปกอดกับคนอื่นดูสิ อย่าหาว่าผมหาเรื่องโดยไม่ดูคนก็แล้วกัน
“ที่รัก ทำไมคุณไม่พูดอะไรแล้วล่ะ?” ตาที่ใสแป๋วขอเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกรอกไปมา และยิ้มอย่างทะเล้น “อย่ากลัวสิ ยกเว้นการกอดตามมารยาท ฉันหมายถึงว่าห้ามให้เกิดความรู้สึกที่กำกวม”
“วางใจเถอะ ท่านประธานของพวกเราไม่ใช่คนที่ชอบมือไม้ถึง” โอเล่ย์แอบหัวเราะ ดวงตาดำสนิทฉายแววเจ้าเล่ห์ “แต่ว่า การกอดตามมารยาทคือยังไง?”
“ก็คือ......แบบนี้” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกางแขนออก คิดจะกอดโอเล่ย์เพื่อเป็นตัวอย่าง
โอเล่ย์พลันหัวใจเต้นแรง กกหูก็แดงขึ้นมา เฝ้ารอ ตื่นเต้น ถูกเธอกอด ทำให้มีความสุขไปอีกนาน เขาต้องการสะสมความสุข
“แค่ก ๆ!” เซียวเซิ่งกำหมัดแตะที่ริมฝีปากเบา ๆ ทำความสะอาดลำคอ เหมือนกำลังบอกให้ใครบางคนสังวรในการกระทำของตัวเอง ไม่อย่างนั้นต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมาเอง
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้ปล่อยโอเล่ย์ไปอย่างไม่เอาไหน และพลันหันกลับไปกอดสามีของตัวเอง “นี่ แบบนี้ไงล่ะ กอดหนึ่งวินาทีแล้วปล่อยทันที นี่ที่รัก คุณปล่อยสิ อุ๊ย......”
จะปล่อยได้ยังไง? เซียวเซิ่งพลันก้มหน้าลง ปิดริมฝีปากของเธอเอาไว้อย่างรุนแรง แย่งชิงความหอมหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่อยู่ภายใน
เอ่อ......โอเลย์จับผมอย่างจนใจ แม่ว่าจะถูกคนอื่นสวีทกันต่อหน้า แต่ภายในใจของเขากลับมีอะไรบางอย่างที่เปรี้ยวหวานหมักหมมอยู่ เห็นทั้งสองคนสวีทกัน ตัวเองก็รู้สึกหวานไปด้วย
โอเล่ย์ร่างกายสั่นสะท้าน ชะงักฝีเท้าลง เขาไม่ได้เห็นท่านประธานโมโหแบบนี้มานานแล้ว หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องที่ถังเหวยถูกแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนผู้ควบคุมจัดการงั้นเหรอ?
ไม่น่านะ แค่ถังเหวยจะสามารถทำให้อารมณ์ของท่านประธานเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!
หรือว่าเป็นเพราะเขากอดเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน?
ก็ไม่น่าจะ เขากอดแบบมีขอบเขต อีกอย่างการตอบสนองของท่านประธานไม่ได้นานขนาดนี้ ถ้าจะโมโหเมื่อกี้ก็คงโมโหไปนานแล้ว
จะต้องเป็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่สร้างปัญหาอย่างแน่นอน! โอเล่ย์พลันเข้าใจขึ้นมา ถูกต้อง นอกจากเสี่ยวเนี่ยน ไม่มีใครสามารถทำให้ท่านประธานขาดสติแบบนี้ได้ แต่เมื่อกี้พวกเขายังสวีทกันอยู่เลย สถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปเร็วหน่อยไหม?
“ท่านประธาน!” เขาเรียบวิ่งตามไป และเอ่ยถามด้วยความกังวล “เสี่ยวเนี่ยนล่ะ คุณทิ้งเสี่ยวเนี่ยนได้ยังไง?”
ปัง! ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้ชกเข้าที่สิ่งกีดขวางที่อยู่ข้างถนน สะเทือนจนแสงไฟบนถนนสั่นสะเทือน "นายอย่าพูดถึงเธอกับฉัน ไม่อยากให้ฉันอายุสั้น ก็อย่าพูดถึงเธอ!”
“ท่านประธาน อย่าโมโหสิ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทำอะไรคุณ......” โอเลย์ไล่ถามต่ออย่างไม่รู้จักพอ
เซียวเซิ่งถลึงตาใส่เขา ดวงตาหล่อเหลาเต็มไปด้วยความดุร้าย พลันร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง และวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่......” โอเล่ย์อยากจะตามไป หัวใจพลันหนักหน่วงขึ้นมา แย่แล้ว! ท่านประธานหึงหวงอย่างหนัก เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกอดใครอีกแล้วล่ะ?
เขาไม่กล้าที่จะชักช้า และรับวิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว วิ่งผ่านโรงจอดรถไป มุ่งหน้าไปยังประตูหมุน พอเข้าห้องโถงไปก็เห็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกำลังยืนคุยกับชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งอยู่ ให้บรรยากาศสนิทสนม
หนุ่มหล่อคนนั้นเขารู้จัก เป็นอานฉุนซีทนายความระดับเรียนทองของเมืองจงโจว
ทั้งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มเต็มใบหน้า อานฉุนซียกมือขึ้นลูบศีรษะเอี๋ยนเสี่ยวเนียนเป็นบางครั้ง ดูแล้วมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
“ขอโทษครับ ขอขัดจังหวะหน่อย” โอเล่ย์ก้มหน้าให้กับอานฉุนซีอย่างมีมารยาท จากนั้นก็ดึงข้อมือของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไปอีกทาง แล้วกล่าวเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้นกับคุณและท่านประธาน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น