เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 194

“ไม่มีอะไรนี่ ทำไมคุณถามแบบนี้ล่ะ?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบเซียวเซิ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “เขาล่ะ?"

“เรื่องนี้ต้องถามคุณสิ!”

“ฉันกำลังคุยกับคนรู้จัก นึกว่าเขาไปนั่งที่โซฟาข้าง ๆ เสียอีก! เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกังวลจนเหงื่อแตก จู่ ๆ ไฟกลุ่มหนึ่งก็ได้ลุกขึ้นมา “ผู้ชายคนนี้เชื่อถือได้ไหมเนี่ย ออกมาข้างนอกครั้งแรกก็ทิ้งฉันให้อยู่คนเดียว ต่อไปไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง!”

“เฮ้อ ผมว่านะ คุณอย่าผลักความรับผิดชอบทั้งหมดให้ท่านประธานของผมได้ไหม?” โออเล่ย์ปกป้องเจ้านายของตัวเอง มองอานฉุนซีด้วยสายตาดุร้าย “คิดดูซิว่าเมื่อกี้คุณทำเรื่องอะไรที่มันเกินไป"

ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา!” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกรอดลูกตา นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาอย่างคร่าว ๆ “เมื่อกี้บังเอิญพบกับรุ่นพี่ พบคนรู้จักในต่างถิ่น รู้สึกสนิทใจดี เลยกอดนิดหน่อย จากนั้นก็คุยกัน”

ยังจะมาพบคนรู้จักในต่างถิ่น......โอเล่ย์ยกมือขึ้นกุมขมับ แล้วกัดฟันถาม “ทำไมคุณพบใครก็กอดไปหมดล่ะ?”

“นั้นไม่ใช่การกอดตามมารยาทหรอกเหรอ? มีปัญหาตรงไหน?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมีสีหน้างุนงงมองไปยังอานฉุนซี

อานฉุนซีก็มองเธออยู่เหมือนกัน วินาทีที่ทั้งสองสบตากัน รอยยิ้มอันอบอุ่นก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา ในสายตาเต็มไปด้วยความรักใคร พยายามทำให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองอะไรไม่ออก

เมื่อกี้ตอนที่เขาจับมือกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน พบว่าเซียวเซิ่งที่อยู่ข้าง ๆ สีหน้าหม่นหมองลงไปทันที มือที่อยู่ข้างกายกำหมัดแน่น แม้แต่อากาศที่อยู่รอบ ๆ ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอิจฉาริษยา น่ากลัวมากจริง ๆ

แต่เขาก็อยากจะลองดู เซียวเซิ่งจะกล้าต่อยเขาหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่เพียงแค่จับมือ และได้ถือโอกาสโอบกอดตามมารยาทไปด้วย กอดแบบแค่หนึ่งวินาทีก็ออกจากกัน

ใครจะคิดว่าเซียวเซิ่งจะใจแคบแบบนี้ และหันหลังเดินออกไปทันที เดินออกไปแล้ว หนีออกไปแล้ว......

ท่านประธานจอมเผด็จการกลายเป็นลูกชายสุดโง่ของมหาเศรษฐีภายในชั่วพริบตา เป็นความสุขอย่างอธิบายไม่ได้ ฮ่า ๆ ......ซะใจ

โอเล่ย์เองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี และก็ทำใจด่าเธอไม่ได้ “ไปเถอะ ผมพาคุณไปทานอาหารก่อน”

“อืม” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนคิดว่าเซียวเซิ่งได้ทิ้งเธอไว้และขึ้นไปข้างบนก่อนแล้ว จึงพยักหน้ารับปาก

โอเล่ยโอบไหล่ของเธอเดินเข้าไปหาอานฉุนซี และทักทายอย่างสุภาพบุรุษและห่างเหิน “ทนายอาน พวกเรามีนัดทานอาหาร ครังต่อไปค่อยคุยกันอีก”

อานฉุนซีมองดูมือของโอเล่ย์อย่างเยือกเย็น ความริษยาปรากฏขึ้นมาในดวงใจ “พอดีเลย ผมก็มีนัดทานข้าวเหมือนกัน”

พูดไปก็ยิ้มให้กับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “รุ่นน้อง พวกเราติดต่อกันทางโทรศัพท์นะ แต่งงานแล้วอย่าตีตัวออกห่างจากพี่น้องทางบ้านแม่ล่ะ”

“ไม่อยู่แล้ว——”

“จะเป็นไปได้ยังไง” เสี่ยวเนี่ยนยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกโอเล่ย์พูดตัดขึ้นมาทันที

เขาโอบไหล่ของเสี่ยนเนี่ยนแน่น ให้เข้ามาชิดแนบอกของเขา ให้กลิ่นอายของการประกาศตัวเป็นเจ้าของ “ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์มันห่างเหินเกินไปไหม? พี่ญาติมีความไปมาหาสู่ทางธุรกิจกับเอ็นซี กรุ๊ปของเรา และเสี่ยวเนียนก็ทำงานที่เอ็นซี พวกคุณสามารถ——”

โอเล่ย์ก้มหน้าลงมองเสี่ยวเนี่ยน ริมฝีปากที่หนาและสวยงามของเขาแทบจะจูบลงบนหน้าผากของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “เนี่ยนเอ๋อร์ มีคำหนึ่งพูดว่ายังไงนะ พบปะเพื่อนสนิทใช่ไหม?”

“ฉันจะไปรู้เหรอ?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นโอเล่ย์มีท่าทางแปลกแบบนี้ อยากจะออกมาจากอ้อมแขนของเขา ทว่าว่าเขากลับได้ออกแรงที่แขนอีกครั้ง

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจึงได้แต่เชื่อฟัง

อานฉุนซีเห็นอยู่ในสายตา ความรู้สึกอึดอัดติดอยู่ที่หัวใจ ทรมานแทบตาย

โอเล่ย์เล่นบทไหนกัน?

เซียวเซิง่แย่งผู้หญิงกับเขา เขายอม ใครให้ตัวเองมีความสามารถไม่สู้คนอื่นกันล่ะ? แต่โอเลย์นับเป็นอะไรกัน ถืออะไรมาโอบกอดรุ่นน้องของเขา! แถมแทบจะจูบอยู่แล้วด้วยซ้ำ?

“เลขาเล่ย์ คุณจะปล่อยรุ่นน้องของผมได้ไหม? ควรที่จะรักษาระยะห่างบ้างนะ”

“อ้อ ขอโทษด้วย” โอเลย์มีท่าทางลำบากใจ “ลืมบอกคุณไปเลย ผมเป็นบอดี้การ์ดของเสี่ยวเนี่ยน บอดี้การ์ดแบบที่ร่างแนบชิดติดกันน่ะ”

ผลัวะ อานฉุนซีรู้สึกมีเลือดตกในอยู่ภายในใจ โมโหจนหน้ามืดตามัว

ทั้งสองคนต่างก็เป็นทนายความ โอเล่ย์ทำงานกับเซียวเซิ่ง อยู่ในอันดับที่สูงกว่าอานฉุนซีอีกมาก

“ลาก่อน รุ่นพี่บ้านญาติ” อานฉุนซีมีสีหน้าบึ้งตึง โอเลย์ยิ้มอย่างได้ใจ โอบบังคับพาเสี่ยวเนี่ยนขึ้นลิฟต์ไป ถึงได้ปล่อยมือออก

“นี่ คุณทำอะไรของคุณ!” เสี่ยนเนี่ยนปัดจุดที่เคยถูกเขาโอบกอดอย่างโมโหเล็กน้อย “บอดี้การ์ดประจำตัวอธิบายแบบนั้นเหรอ?”

จะทำอะไรได้ล่ะ? แน่นอนว่ายั่วโมโหอานฉุนซี เพื่อแก้แค้นให้กับท่านประธาน

“ผมเคยโกหกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“คุณพึ่งจะโกหกฉันเองไม่ใช่เหรอ? บอกว่าไปเที่ยวดื่มเหล้าที่ซ่องน่ะ แต่ความจริงล่ะ?”

“ตอนนั้นผมกลัวว่าคุณจะดื้อรั้นไปกับผม ไม่มีทางเลือกเลยต้องโกหกคุณ” โอเล่ย์มองไปยังเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน น้ำเสียงอ่อนโยน “เชื่อฟังนะ ไปทานข้าวก่อน ผมจะทำให้ท่านประธานหายโกรธเอง ไม่ให้เขาใส่อารมณ์มาที่คุณ แต่ต่อไปคุณห้ามกอดกับคนอื่นอีกนะ รักษาระยะห่างเอาไว้”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นเขาไม่เหมือนกับล้อเล่น หัวใจก็หล่นไปถึงตาตุ่ม เอ่ยถามอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “เซียวเซิ่ง......ถูกฉันทำโมโหจนหนีไปจริง ๆ เหรอ?”

โอเล่ย์เลิกคิ้วเล็กน้อย ยกนิ้วให้เธออย่างเสียดสี คุณเจ๋ง

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถูกยั่วโมโหจนหัวเราะออกมา “นี่มันสไตล์ไหนกันเนี่ย?”

ในความทรงจำของเธอ มีแค่ตอนที่ผู้หญิงหึงหวงเท่านั้นถึงจะสะบัดหน้าหนีไป? ผู้ชายจะไม่เป็นแบบนี้อย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียวเซิ่งผู้มีชื่อเสียงในด้านเผด็จการและเหี้ยมโหด

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นได้อยากแบบนี้กลับได้เกิดขึ้นแล้ว “โอเล่ย์ คุณเข้าไปต้อนรับดูแลพวกเขา ฉันจะไปตามหาเขาเอง”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหันหลังเดินจากไป โอเล่ย์จับแขนของเธอจากด้านหลังของเขา “ไม่ได้ คุณเป็นผู้หญิง ผมไม่วางใจ”

“ฉันจะขับรถไป ตกลงตามนี้” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแย่งเอากุญแจรถมาจากมือของโอเล่ย์ จากนั้นก็ผลักเขาอย่างแรง

โอเล่ย์กระแทกเปิดประตูออกอย่างไม่ทันตั้งตัว เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรีบหลบออกไปข้าง ๆ ทันที แอบอยู่ที่ผนังและแลบลิ้นให้เขา ยิ้มตาเป็นประกาย ทะเล้นกระแทกใจ

โอเล่ย์คิดจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่พอสบเข้ากับสายตาของเธอก็ใจอ่อนทันที โกรธไม่ลงจริง ๆ ได้แต่ขู่เสียงเบา: “เดี๋ยวเล่นงานคุณ”

“ใครออยู่ข้างนอกเหรอ?” ฉู่หยู้ซีกะพริบนัยน์ตาดอกท้อของเขาปริบ ๆ “โอเล่ย์ นายทำไมหูแดงน่ะ? หรือว่าถูกสาว ๆ แต๊ะอั๋งมาเหรอ?”

ผู้คนที่อยู่ภายในห้องต่างพากันมองมาที่ประตูอย่างพร้อมเพรียง สายตาแฝงไปด้วยตะขอ ได้แต่ปิดประตูลง ปล่อยเสี่ยวเนี่ยนไปตามอำเภอใจ

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเดินตรงไปที่ลิฟต์ หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาเซียวเซิ่ง ใครจะรู้ล่ะว่าโทรอยู่หลายรอบ กลับรอสายอยู่ตลอดเวลา

หัวใจของเธอ รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น