เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 195

หลังจากที่ส่งข้อความยอมทำทุกอย่างเพื่อขอคืนดีไปหลายข้อความ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็ได้ขับรถตามออกไป

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาอาหารค่ำพอดี มีรถราอยู่เต็มถนนไปหมดรถติดจนแทบไม่ขยับ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนขมวดคิ้ว ชะเง้อมองผ่านหน้าต่างซ้ายขวา ผู้คนมากมายไม่มีเงาร่างของสามีอยู่เลย ทำเธอใจร้อนจนปวดสมองขึ้นมา

“นี่! มีอุบัติเหตุรถชนคนที่สี่แยกข้างหน้า เป็นผู้ชายอายุยังน้อยอยู่เลย หน้าตาดีไม่เบา”

“มิน่าถึงได้ติดขนาดนี้ คนตายหรือยัง?”

“ไม่รู้สิ ใครจะกล้าเข้าใกล้ล่ะ ได้แต่รอให้ตำรวจจราจรมา” เสียงคนด้านข้างสนทนากัน ทุกคำได้ดังเข้ามาในหู

เป็นเหมือนกับเสียงฟ้าผ่า เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกหู้อื้อ สมองเบลอไปชั่วขณะ เส้นเลือดได้ปูดขึ้นมาบนมือที่จับพวงมาลัย รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว หนาวยิ่งกว่าตกลงไปในบ่อน้ำแข็งเสียอีก......

เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นผู้ชายอายุน้อยรูปร่างหน้าตาดี จะให้เธอคิดยังไง?

ขบวนรถขยับไปข้างหน้าเล็กน้อย เธอกลับไปไม่ได้ขับตามไป ดวงตาที่ไม่มีจุดหมายคู่นั้นเบิกโพลง ราวกับวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่าง

“นี่ ทำไมไม่ขยับไปข้างหน้าล่ะ?” ที่นี่เป็นเขตห้ามบีบแตร ขนขับรถที่อยู่ด้านหลังชะโงกหน้าออกมาเร่งเธอ

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเหมือนได้ตื่นจากความฝัน จู่ ๆ เธอก็เปิดประตูรถและวิ่งลงไป......

“เอ๊ะ ทำไมเธอสละรถล่ะ?”

“บางที่คนที่เกิดอุบัติเหตุอาจเป็นสามีของเธอก็ได้”

“หา......” เมื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้ฟังแล้วก็ตกตะลึงพรึงเพริด เท้าสะดุดจนแทบจะหกล้ม เจ็บปวดหัวใจราวกับโดนเข็มทิ่มแทง น้ำตาผุดขึ้นมาเต็มดวงตา อย่าเป็นสามีของเธอนะ ไม่นะ!

ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ ......เธอพยายามทำให้ตัวเองไม่ลนลาน

ซาตานตัวร้ายอย่างเซียวเซิ่ง ความเป็นไปได้ที่จะถูกรถชนมีไม่มากนัก คิดอยู่อย่างนี้ เธอก็รักษาฝีเท้าให้มั่นคงลง วิ่งไปตามช่องว่างของรถมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดอุบัติเหตุ เบียดฝูงชนเข้าไป

ที่ตรงกลางทางม้าลาย ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดลำลองสีดำนอนอยู่ตรงนั้น ขวางอยู่ตรงกลางถนน ตาปิดสนิท รูปหน้าหน้าหล่อ ผิวขาวหน้าตาดี ถ้าไม่ใช่เพราะคิ้วไม่เป็นระเบียบ นับว่าเป็นชายหน้าตาดีคนหนึ่งจริง ๆ

เมื่อเห็นว่าไม่ใช่สามีของตน เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยววางใจลง หันหลังคิดจะเดินจากไป ทันใดนั้น เธอก็พลันหยุดฝีเท้าลง

ไม่ใช่คนในครอบครัวตัวเองก็จะไม่ช่วยงั้นเหรอ?

เอี๋ยนจื้อโก๋วคุณพ่อของเธอเป็นผู้ป่วย “อัตราสามสูง” เป็นลมอยู่ข้างถนนเป็นบางครั้ง เธอหวังว่าจะมีคนช่วยเหลือทันเวลา ใจวัดใจ ตนเองจะนิ่งดูดายไม่ได้

บนร่างของผู้ชายคนนี้ไม่มีบาดแผลอยู่เลย แม้ว่าจะไม่ได้ถูกรถชน น่าจะอาการอะไรบางอย่างกำเริบ

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเดินเข้าไปพยุงผู้ชายคนนั้น กลับถูกผู้คนที่มุงดูห้ามเอาไว้ “แม่สาวน้อย รอตำรวจมาจัดการจะดีกว่า ถ้าอาการแย่ลงเพราะเธอไปสัมผัส เพราะถึงตอนนั้นคงอธิบายไม่ชัดแน่”

มีเหตุผล ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยที่เลือดออกในสมองกะทันหัน จะแตะต้องโดยพลการไม่ได้

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนลังเลอยู่สักพัก ตัดสินใจไม่เข้าไปช่วยเหลือ ไปตามหาสามีที่ไม่เอาไหนของตัวเองสำคัญกว่า

ในตอนที่เธอหันหลังกลับนั่นเอง ข้อเท้าของเธอก็ได้ถูกมือเย็นยะเยือกข้างหนึ่งคว้าเอาไว้ ทำเธอตกใจจนตัวสั่น ก้มหน้ามองไป......

ผู้ชายคนนั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว เงยหน้ามองดูเธอ และกล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง “ช่วย......ผม ผมจะตอบแทนคุณ......”

ช่วยผม ผมจะตอบแทนคุณ

เอี๋ยนเซี่ยวเนี่ยนรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ทำไมภาพเหตุการณ์นี้ถึงได้เหมือนกับเมื่อสี่ปีก่อนเช่นนี้? เหมือนแม้กระทั่งการกระทำละคำพูด! เธอพลันมีความรู้สึกผิดแปลกบางอย่างขึ้นมา หรือว่าเขาก็คือคนที่ฝืนใจตัวเองเมื่อสี่ปีก่อน?

“เอะ เป็นเธอเองเหรอ?” เหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจำเธอขึ้นมาได้ ดวงตาเปล่งประกายออกมา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนว่าได้ตามหามาสามภพสามชาติ “เป็นเธอจริง ๆ ด้วย!”

“ใคร ใครเหรอ?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

“คือคนนั้นไง......เมื่อสี่ปีก่อน พวกเรา——” ชายหนุ่มยิ้ม งอนิ้วหัวแม่มือสองนิ้วขึ้นมาแล้วขยับเข้าหาด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์มือที่ลามกมาก: มีอะไรกัน

เมื่อสี่ปีก่อนพวกได้ทำแบบนี้กัน เช่นนั้นผู้ชายคนนี้ก็ต้องเป็นคนสารเลวที่ข่มขืนตนเองอย่างแน่นอน!

“ทั้งฟ้าสว่างไสวมาเจ็ดวันเจ็ดเดือน จู่ ๆ หิมะก็ตกหนัก ไม่กล้าลืมตาดูหวังว่าฉันแค่เกิดภาพหลอน......”

เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น เป็นสายโทรเข้าจากโอเล่ย์ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนปรับอารมณ์ของตัวเอง แล้วกดเปิดลำโพง “อาเล่ย์”

“......เป็นอะไรไป เนี่ยนเอ๋อร์” เห็นเธอมีน้ำเสียงหม่นหมอง โอเล่ย์พลันลนลานขึ้นมา “ร้องไห้เหรอ? ท่านประธานทะเลาะกับคุณเหรอ?”

ฟังน้ำเสียงของเขา เซียวเซิ่งน่าจะยังไม่กลับไป เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนส่ายหน้าอย่างหมดแรง “เขาไม่ได้ทะเลาะกับฉัน คุณอย่างเดามั่วซั่วเลย ฉันวางก่อนนะ”

“นี่——ผมยังพูดไม่จบเลย!”

“กลับไปแล้วค่อยคุย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนโยนโทรศัพท์ลงไปบนที่นั่งข้างคนขับ สตาร์ตเครื่องยนต์แล้วขับออกไป ตอนนี้เธอคิดถึงเซียวเซิ่งมาก จากจะให้สามีกอด

เธอเชื่อว่าเซียวเซิ่งจะต้องไปไม่ไกลแน่ เพราะเขารักเธอมาก จะไม่ให้เธอตามหาอย่างลำบากแน่นอน

ห่างออกไปไม่ไกลก็จะเป็นถนนเซียงจางที่มีชื่อเสียง มีต้นการบูรอายุหลายร้อยปีปลูกอยู่ข้างทาง

เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่ต้นการบูรออกดอก กลีบดอกสีเหลืองอมชมพูจำนวนมากร่วงหล่อนอยู่เต็มพื้น ราวกับตัวเอลฟ์ที่บินว่อนอยู่เต็มท้องฟ้า แม้แต่ลมนังมีกลิ่นหอม

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนขับเข้ามาตามสัญชาตญาณ แต่ที่ทำให้เธอดีอกดีใจก็คือ เพิ่งจะเลี้ยวเข้ามาก็มองเห็นร่างสง่างามของสามีของเธอ

ภายใต้แสงไฟอันนุ่มนวลบนถนน เซียวเซิ่งยืนพิงอยู่ที่ต้นการบูรต้นหนึ่งเพื่อรับโทรศัพท์ มือข้างหนึ่งลวงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ขาเรียวยาวข้างหนึ่งเหยียดตรง ส่วนอีกข้างงออย่างสบาย ๆ ท่าทางที่สง่างามและเย็นชา ราวกับชายหนุ่มรูปงามที่เดินออกมาจากการ์ตูน

หัวใจของเธอร้อนระอุขึ้นมาทันที จ้องมองเขาอย่างหลงใหล ผ่านไปแสนนานถึงได้ร้องเรียกขึ้นมาเบา ๆ “ที่รัก......”

เสียงเบาจนมีเพียงเขาและเธอเท่านั้นที่ได้ยิน จู่ ๆ ก็สะอึกสะอื้นขึ้นมา เธอรับปิดปากตัวเองไว้ น้ำตาคลอขึ้นมาเต็มเบ้า ส่องประกายแวววาวภายใต้การหักเหของแสงไฟบนท้องถนน

อยากจะเข้าไปร้องไห้ในอ้อมกอดของเขาโดยไม่สนใจอะไรจริง ๆ แต่สุดท้ายเธอก็ได้กลืนความน้อยอกน้อยใจทั้งหมดลงไป รอให้เรื่องนั้นตกตะกอนแล้วค่อยพูด อย่างสร้างปัญหาให้กับสามีอีกเลย

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจดรถลงที่ให้ต้อนการบูรที่เก่าแก่ต้นหนึ่ง เหยียบดอกไม้ทีร่วงหล่อนอยู่เต็มพื้น เดินเข้าไปหาคนรักของตัวเอง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น