เห็นผู้ชายทั้งห้องต่างมองตัวเองตาเขม็ง สายตาส่องประกายสีฟ้าราวกับไฟค้นหา เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะประหม่าขึ้นมา ขยับเข้าไปในอ้อมแขนของเซียวเซิ่ง ดวงตามองต่ำลง เป็นการแสดงออกของการตื่นเวที
ไม่ใช่เพราะเธอขี้ขลาด ใครถูก “มองชม” แบบนี้ ล้วนต้องประหม่ากันทั้งนั้น!
“ไม่ต้องกลัวคนสวย พวกเราไม่ใช่คนเลว” เมื่อพูดขึ้นมาก็ปากมันลิ้นลื่นทันที
“ถูกต้อง พวกเราเป็นคนดี” ทุกคนต่างก็คล้อยตาม
ถุ้ย! ขนาดนี้แล้วยังจะมาคนดีอีก? เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพลันเข้าใจเซียวเซิ่งขึ้นมา ทำไมเธอกอดกับอานฉุนซีเมื่อก่อนหน้านี้ เขาถึงได้แสดงออกรุนแรงแบบนั้น——
กลัวว่าเธอจะไม่รู้จักปฏิเสธ ถูกผู้ชายทั้งห้องพวกนี้กอดจนถลอก
แต่ว่าสามีคิดมากเกินไปแล้ว ในสายตาของเธอโอเล่ย์และอานฉุนซีไม่ต่างอะไรกับญาติสนิท ดังนั้นก็เลยไม่หลีกเลี่ยงอะไรที่จะมีกอดบ้าง คนพวกนี้จะเทียบกับพวกเขาสองคนได้ยังไง?
“ไม่ต้องกลัว” เซียวเซิ่งมองข้ามคนสิบกว่าคนที่อยู่ภายในห้อง ก้มลงจูบหน้าผากของภรรยาเบา ๆ “พวกเขาไม่ใช่คนเลวจริง ๆ แค่ค่อนข้างจะต่ำทราม แกล้งคนอื่นอย่างสุดกำลังเป็นจุดแข็งของพวกเขา”
“เป็นเพื่อนคุณทั้งหมดเหรอ?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกระซิบถาม
“อืม สังคมตั้งแต่เล็กจนโตของผมอยู่ที่นี่จนแทบหมดแล้ว มีแค่อารมณ์ความรู้สึก ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ ไปมาหาสู่” ส่วนเพื่อนในแวดวงธุรกิจ สำหรับเซียวเซิ่งแล้วไม่สามารถเรียกว่าเพื่อนได้
“อ้อ งั้นต้องทักทายยังไงเหรอ?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองสามี สี่ตาประสานกัน กระแสไฟวิบวับ หยาดเยิ้มอาลัยอาวรณ์อย่างบอกไม่ถูก
เซียวเซิ่งหัวใจร้อนระอุขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะจูบลงไปบนริมฝีปากของเธออีกครั้ง “รอพวกเขาเล่นพอแล้วค่อยทักทาย มีผมอยู่ คุณไม่ต้องใส่ใจ”
มีผมอยู่ คุณไม่ต้องใส่ใจ
น้ำเสียงอันอ่อนโยน เต็มไปด้วยความรักใคร่ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนถูกพูดซะเลี่ยน ความรู้สึกประหม่าหายไปในทันที
“สายตามองตรงไหนกันน่ะ?” เซียวเซิ่งปกป้องเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาไว้ในอก ยิ้มอย่างอันตรายพลางกล่าว “พี่สะใภ้ของพวกนายมาแล้ว เห็นแก่หน้าฉันหน่อย นั่งดี ๆ”
ไม่มีใครตอบสนอง
คำสั่งของเขาใช้ไม่ได้เป็นครั้งแรก พวกผู้ชายยังคงรักษาท่านั่งแปลก ๆ เอาไว้ จ้องมองดูเสี่ยวเนี่ยนเป็นกลุ่ม ๆ บางคนมือเท้าคาง บางคนเอามือค้ำคาง มองดูจากมุมที่แตกต่างกัน
คนพวกนี้ล้วนเป็นทายาทของตระกูลสูงศักดิ์ ผู้หญิงที่เคยผ่านมือมีมากกว่าดาวบนฟ้าเสียอีก จะอ้วนจะผอม น่ารักหรือดูเป็นผู้ใหญ่ก็เคยเจอมาหมด แต่ไร้เดียงสาและสง่างามอย่างเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน นี่เป็นครั้งแรกที่พบ
เธอไม่ได้แต่งหน้า ใบหน้าสด ๆ ของเธอดูมีชีวิตชีวามาก รูปหน้างดงามจนไม่มีคำไหนมาอธิบายได้ โดยเฉพาะดวงตาสุกใสแวววาวคู่นั้น ใสสะอาดไม่มีฝุ่นละอองใด ๆ สะอาดหมดจดจนคนต้องตกตะลึง
ทิวทัศน์ที่สวยงามแบบนี้ แน่นอนว่าต้องดูให้เต็มที่
“คิดจะทรยศหรือไง พวกสารเลว!” เซียวเซิ่งถูกจ้องมองจนหงุดหงิด มือข้างหนึ่งปิดหน้าของภรรยาเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างชี้พวกเขาอย่างดุดัน “หาความไม่สงบก็ควรมีขอบเขตบ้าง! เก็บสายตาเลี่ยน ๆ ของพวกนายกลับไปซะ ไม่งั้นจะกำจัดมันให้พวกนายซะ”
ไม่มีใครออกเสียง ยังคงมองเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนต่อไปเหมือนเสือจ้องตะครุบเหยื่อ ราวกับจะมองเธอให้ทะลุ
ฉู่หยู้ซีดึงโอเล่ย์เบา ๆ กระซิบที่ข้างหู “ตอนนี้นายรู้แล้วสินะ ฉันคำนวณไว้แล้ว นายดูน้ำลายของพวกเขาสิ ไหลเป็นสายยาวเชียว แทบอยากจะกลืนกินเนี่ยนเอ๋อร์ลงไป”
โอเล่ย์ยิ้มให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเป็นเชิงขอโทษ ทำยังไงได้ เจ้าสาวป้ายแดงปรากฏตัวก็ต้องถูกแกล้งเป็นธรรมดา บวกกับที่เธอมาช้าขนาดนี้ เห็นแก่หน้าท่านประธาน นับว่าทุกคนมีอารยธรรมกับเธอมากแล้ว
“คนพวกนี้ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ที่รัก พวกเราไปกัน” ความหึงหวงของเซียวเซิ่งได้ระเบิดออกมาอีกครั้ง โมโหจนหน้าดำหน้าแดง โอบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหันหลังแล้วเดินจากไป คิดแค่เพียงอยากจะพาภรรยาไปจากที่อันตรายแห่งนี้
“ที่รัก~” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนดึงมือของสามีเอาไว้อย่างเงียบ ๆ ไม่อยากให้เขาสูญเสียท่วงที มองไปรอบ ๆ ด้วยรอยยิ้มอยู่รอบหนึ่ง เธอทักทายอย่างสุภาพเป็นกันเอง “สวัสดีทุกคน ฉันคือภรรยาของเซียวเซิ่งชื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน”
“แต่งงานอย่างเป็นทางการ?” ทุกคนถามอย่างไม่ไว้หน้า
ผู้หญิงคนนี้ไม่สูงนัก ใบหน้าอ่อนโยน ดูแวบแรกเหมือนยังเป็นผู้เยาว์อยู่ คงไม่ใช่เด็กมัธยมปลายที่ปีศาจมัสตาร์ดฉุดมาหรอกนะ?
“เอ่อ......แต่งงานอย่างเป็นทางการ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมึนเมาเล็กน้อย “เมื่อหนึ่งเดือนก่อน คนที่แต่งงานก็เซียวเซิ่งคือฉันเอง”
“งั้นพวกเราก็เรียกเธอว่าพี่สะใภ้ไม่ได้!” ทุกคนหาเรื่อง
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอายแทบตาย เพราะเมื่อสักครู่ตนเองได้ทำเรื่องระหว่างสามีภรรยากับสามีมาจริง ๆ แม้ว่าจะไม่มีคนเห็น แต่ก็รู้สึกอายมาก
ดังนั้นก็เลยอยากจะหลบไปก่อน เธอยิ้มอ่อน ๆ ขึ้นมาพลางกล่าว “ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ คุณลุงทุกท่านเชิญตามสบาย”
“ได้ยินหรือยัง พี่สะใภ้ของพวกเราปากหวานจริง ๆ!” ทุกคนได้เพิ่มระดับขึ้นเป็นลุง ต่างก็รู้สึกพอใจเอามาก พากันมองเซียวเซิ่งอย่างเย้ายวน “ชาตินี้พวกเราจะยอมรับแค่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพี่สะใภ้คนนี้คนเดียว เปลี่ยนเป็นคนใหม่พวกเราไม่เห็นด้วย! คุณชายเซียว ถ้านายทิ้งเธอ พวกเราก็จะไม่ยอมรับแม้กระทั่งนาย”
“คำพูดนี้พวกนายควรจะพูดกลับกัน” เซียวเซิ่งถูกขู่ขวัญแต่ก็รู้สึกดีใจมาก ก้มหน้ามองดูภรรยา “ฉันจะกล้าทิ้งเธอได้ยังไง? เพราะฉันนอกจากหล่อแล้ว ก็ไม่มีข้อดีอะไรอีกเลย ดังนั้น ฉันกลัวว่าเธอจะทิ้งฉันด้วยซ้ำ!”
ผลัวะ! เซียวเซิ่งยังคงหน้าเนื้อใจเสือเหมือนเดิม คำพูดนี้ดูเหมือนถ่อมตัว ที่จริงแล้วกลับเป็นการกระแทกแดกดันเพื่อนสนิททุกคน เพราะพวกเขาไม่หล่อเท่าเขา และไม่รวยเท่าเขา ก็อย่าคิดจะมาคิดอะไรกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเลย
“คุณลุงทุกคนดูดบุหรี่ได้ ฉันไม่เป็นไร” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นทุกคนวางบุหรี่เอาไว้ จึงได้บอกให้พวกเขาดูดอย่างเกรงใจอีกครั้ง
“ขอบคุณพี่สะใภ้ พวกเรากลัวคุณจะสำลักเอาน่ะ”
“งั้นก็ถือโอกาสดูดตอนที่ฉันไม่อยู่ก็แล้วกัน”
“ผู้หญิงของผมนี่น่ารักจริง ๆ” เซียวเวิ่งจูบหน้าฝากของภรรยา ส่งเธอเข้าไปในห้องน้ำ และปิดประตูลงเมื่อตัวเองออกมา ได้ยินเสียงล็อกกลอนที่ด้านใน ถึงได้เดินจากมาอย่างวางใจ
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหมุนเปิดก๊อกน้ำ วักน้ำขึ้นมาล้างหน้าอยู่สองครั้ง เงยหน้ามองดูตัวเองที่อยู่ในกระจก ใบหน้าแดงระเรื่อ สดใสเหมือนดอกท้อจริง ๆ บนใบหน้าจารึกไปด้วยความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งหมดนี้มาจากความรักใคร่ของสามี เพื่อตอบแทน เธอก็จะรักสามีและคนในครอบครัวเองเขา
ส่วนสวี่เจียน......
นึกถึงสวี่เจียน เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในหัวใจ แววตาก็หม่นหมองลง รู้สึกละอายใจจนไม่มีที่จะอยู่
เอละอายใจต่อสวี่เจียนมากจริง ๆ เธอไม่รู้เลยว่าจะชดเชยให้เขาได้ยังไง ถ้าหากมีชาติหน้า เธอจะต้องเป็นภรรยาของเขาอย่างแน่นอน
แต่ว่าถ้าหากมีชาติหน้าจริง ๆ เธอจะทำใจทิ้งเซียวเซิ่งได้ยังไงล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น