เพื่อให้บรรดาหนุ่ม ๆ ได้ดูดบุหรี่อย่างเต็มที่ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเลยตั้งใจอยู่ในห้องน้ำนานเป็นพิเศษ โทรหาเอี๋ยนต้าฟา
สองแม่ลูกพึ่งคุณกันไม่กี่ประโยค อูเจินจูก็แย่งโทรศัพไป “เสี่ยวเหนียนหยู งานเลี่ยงราบรื่นไหม? พวกเขาไม่ได้หาเรื่องเธอใช่ไหม? เธอเข้าสังคมของเขาได้หรือเปล่า? จะให้ฉันไปช่วยเธอไหม......”
อูเจินจูถามติดต่อกันหลายคำถาม ทั้งเป็นห่วงทั้งอยากจะซุบซิบเม้าท์มอย
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหัวเราะ “พวกเขาไม่ได้หาเรื่องฉัน เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ไม่ใช่คนในครอบครัว ใครจะไปมีเรื่องกับเซียวเซิ่งเพราะเรื่องนี้กันล่ะ?”
“ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับเขาจริง ๆ แหละ” อูเจินจูขมวดคิ้ว และเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แต่ทำไมน้ำเสียงของเธอฟังดูแล้วไม่มีความสุขเลยล่ะ?”
นั่นเป็นเราะว่า......เธอนึกถึงสวี่เจียนขึ้นมา
คำพูดมาถึงปากแต่ก็ต้องกลืนลงไปอีกครั้ง ในเมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับเซียวเซิ่งแล้ว คำพูดบางอย่างเหมาะที่จะเก็บเอาไว้ในใจมากกว่า ไม่สามารถพูดออกมาได้ แม้ว่าแม้ว่าพูดออกมาแล้วจะสบายใจกว่า แต่ทำยังไงได้ละก็เธอเป็นคนที่ปากเข้มงวดนี่นา
“ไม่มีความสุขตรงไหน? ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ? ไม่สุขหรือเศร้าจนเกินไป ไม่งั้นฉันจะมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้เหรอ!” อย่างแน่นอนแต่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับพี่ฝนจริงๆ เธอฉันเห็นเค้าเป็นแค่เพื่อนกันอย่างไรคิดในชาตินี้คงพวกเราถึงแค่ไม่มีเธอดีใจแต่นอน
“พูดก็ถูก” อูเจินจูเลิกคิ้วขึ้น กลับมามีท่าทางเอ้อระเหยลอยชายเหมือนเดิม “คือว่า ในงานเลี้ยงมีหนุ่มหล่อ ๆ บ้างไหม แนะนำให้ฉันหน่อยสิ เธอเป็นถึงแม่สื่อ แม้แต่เรื่องใหญ่ในชีวิตของฉันยังจัดการไม่ได้เลย มันจะไม่แย่ไปหน่อยเหรอ?”
“หนุ่มหล่อนะมี เป็นเพื่อนของเซียวเซิ่ง เรื่องเกรดไม่แย่อยู่แล้ว แต่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับเย่เฟิงจริง ๆ เหรอ?”
“เย่เฟิง? โถ่ ฉันเห็นเขาเป็นแค่เพื่อน!” อูเจินจูยักไหล่ “พรหมลิขิตในชาตินี้ของเราถึงแค่ตรงนี้ ไม่มีทางใกล้กว่านี้ได้อีกแล้ว”
“รู้แล้วน่า เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอดูก็แล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนท้องร้องจ๊อก ๆ พลันนึกขึ้นมาได้ว่าตนยังไม่ทันได้ทานอาหารค่ำ เพราะอิ่มจากการดื่มน้ำไปแล้ว
“อืม” อูเจินจูวางโทรศัพท์ลง ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ราวกับก็มีกระบี่อันแหลมคมกำลังพุ่งมาหาตัวเอง หันกลับไปก็เผชิญเข้ากับสายตาของเย่เฟิง เย็นยะเยือกเล็กน้อย
เอี๋ยนต้าฟากะพริบตาปริบ ๆ “น้าเจินจู น้าชอบคุณอาเฟิงของผมไม่ได้เหรอครับ?”
“อย่าขอร้องคนอื่น เรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้” เย่เฟิงลูบศีรษะของเขา “หนูก็รู้ว่าอาไม่ใช่คนรักเดียวใจเดียว ไม่เหมาะที่จะแต่งงาน หมู่มวลบุปผา สาว ๆ ทั้งหลายถึงเป็นชีวิตของอา หนูเอาโทรศัพท์มาให้อา”
“ครับ” เจ้าก้อนแป้งยื่นโทรศัพท์ให้เขา จากนั้นก็ดึงอูเจินจูไปที่อีกด้าน “เมื่อก่อนอาเฟิงหลายใจ แต่หลังจากรู้จักกับน้าเขาก็กลับตัวกลับใจแล้ว ช่วงที่น้าสลบอยู่ เขามาดูแลน้าทุกอาทิตย์เลยล่ะครับ ถามยังลบแอพหาเพื่อนเพื่อน้าอีกด้วย น้าไม่ตื้นตันใจเหรอครับ?”
ไม่ตื้นตันเป็นเรื่องโกหก ความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้นมาในหัวใจของอูเจินจู เธอหันกลับไปมองเย่เฟิงแวบหนึ่ง รู้สึกว่าที่จริงแล้วผู้ชายคนนี้ก็หล่อไม่เบา ผิวถูกแดดเผาจนมีสีแทน คล้ายกู่เทียนเล่อเล็กนิดหน่อย
แต่พอได้ยินสิ่งที่เขาพูดในโทรศัพท์ ความรู้สึกดี ๆ อันเล็กน้อยที่อยู่ในใจก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“อืม ในเมื่อคุณคิดถึงผมแบบนี้ ก็มาเยี่ยมผมสิ เหอะ เท้าไม่ค่อยสะดวกไม่เป็นไร ผมไม่ได้ใช้เท้าคุยกับคุณ แต่ใช้......”
ใช้เท้าที่สามใช่ไหมล่ะ?
อเจินจูเบ้ปากอย่างเย้ยหยัน ผู้ชายคนนี้น่าเกลียดจริง ๆ เลย พูดจริงทำจริง! ไม่เหมือนกับเธอที่พูดแต่ปากเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วจะไม่ลงมือกระทำการเลย ดังนั้นเธออายุ 22 แล้ว ยังบริสุทธิ์อยู่เลย
เห็นเย่เฟิงเดินสู่เส้นทางเดิมอีกครั้ง เอี๋ยนต้าฟาก็เอามือกุมขมับด้วยความจนใจ ทอดถอนใจไม่สามารถทำอะไรได้อีก
น้าเจินจูคว้าความสุขเอาไว้ไม่ได้ เพลย์บอยหันหลังกลับเพื่อเธอ เธอกลับไม่ต้องการ น่าเสียดายจริง ๆ
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองดูเวลา บุหรี่มวนหนึ่งพวกเขาน่าจะดูเสร็จแล้ว ถึงได้ออกมาจากห้องน้ำ
นอกประตู กลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ ลอยมากระทบจมูก เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความเป็นชายได้ดังมาเข้าหู ทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหว
เป็นเสียงคุยกันระหว่างเซียวเซิ่งกับเพื่อน ๆ ท่าทางมีความรู้ดูปราดเปรื่อง
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหลุดฝีเท้าลง วินาทีที่เงยหน้า สายตาราวกับได้ทุกควบคุมเอาไว้ ไม่สามารถเลื่อนไปที่ไหนได้อีก
เซียวเซิ่งนั่งอยู่ที่นั่งหลัก ข้อศอกขวาวางอยู่บนที่วางแขน นิ้วมือเรียวยาวคีบบุหรี่เอาไว้ แต่ไม่ได้ติดไฟ เทียบกับคนอื่น ๆ ที่ดูดบุหรี่พ่นควันแล้ว เหมือนว่าเขาจะมีเสน่ห์ของผู้ชายที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ผมที่ดกดำถูกหวีไปด้านหลัง ยิ่งดูก็ยิ่งหล่อไร้ที่ติ
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนคีบเห็ดต้นชาชิ้นหนึ่งขึ้นมา ใส่เข้าไปในปากและกำลังจะกัด จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมา เงยหน้าขนและพบกับสายตาร้อระอุจองทุกคน เธอถึงได้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “พวกคุณทานหรือยัง?”
“พวกเราไม่หิว” ที่จริงพวกเขาทานตั้งนานแล้ว และได้เรียกอาหารมาให้เซียวเซิ่งสองสามีภรรยาใหม่อีกโต๊ะ
เซียวเซิ่งย่อมรู้ลูกเล่นของพวกเขาอยู่แล้ว มีท่าทางไม่แปลกใจอะไร “ไม่หิวก็ไปเล่นตรงนู้น พวกกนายจ้องอยู่แบบนี้ จะทำให้ภรรยาของฉันคิดว่าบวกนายวางยาพิษในอาหาร”
“ผลัวะ!” ทุกคนต่างมีท่าทางจนใจ และกล่าวอย่างต่อว่าเล็กน้อย “นี่เป็นความคิดของคุณล่ะสิ ความคิดของพี่สะใภ้ของพวกเราไม่ได้ไม่ดีแบบนั้น”
“ขอโทษด้วย ฉันคิดแบบนั้นจริง ๆ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเม้มปากยิ้ม เข้าข้างสามีของตัวเอง เซียวเซิ่งลูปศีรษะของเธออย่างรักใคร่ สามีร้องภรรยาตาม รักใครซึ่งกันและกัน
ทุกคนถูกทารุณเข้าเต็ม ๆ แต่ก็ยังหน้าด้านอยู่ต่อไม่ยอมไปไหน ยืนมุงกันเป็นวงกลมมองสองสามีภรรยาทานข้าว แววตาร้อนระอุลึกซึ้งเป็นอย่างมาก การได้ยินก็ราบรื่นดี
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหิวมากแล้ว ได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ตั้งใจทานอาหาร เสียงเคี้ยวอาหารน่าฟังเอามาก เหมือนท่วงทำนองที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
เซียวเซิ่งใจกว้างอย่างหาได้ยาก ปล่อยให้คนพวกนี้ได้ฟังเสียงเคี้ยวอาหารของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ถึงคนก็ได้พากันบอกลาเซียวเซิ่งสองสามีภรรยาด้วยน้ำตาอยู่ที่ลานจอดรถ ท่าทางอาลัยอาวรณ์นั้นดูตลกมาก
กว่าเซียวเซิ่งจะเอาพวกสุนัขหน้าด้านที่มุดเข้าไปในรถออกมาได้ และโยนออกไป ปิดประตูอย่างแรง จากนั้นก็ดึงภรรยาเมากอด จูบลงที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของเธออย่างทะนุถนอม
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอียงศีรษะ พิงลงไปบนไหล่กว้าง ๆ ของเซียวเซิ่ง รอยยิ้มหวาน ๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่งดงาม......
ในเงามืดที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก สวี่เจียนมองดูเธออย่างเจ็บปวด แม้แต่ลมหายใจยังแฝงไปด้วยคมมีด ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจ เลือดสาดกระเด็น
เขายังต้องการเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ต้องการมาตลอด......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น