เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 205

ประตูห้องถูกผลักออก ผู้ช่วยของโอเล่ย์ เฉินเหยียนเหยียนเดินตรงเข้ามา

“ผู้ช่วยเอี๋ยนคะ สำนักงานเลขาธิการแจ้งมาว่าอีกสิบนาทีจะมีการประเมิน อุ้ย......” เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉากที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวกำลังจูบกันอย่างดื่มด่ำ ทั้งเซ็กซี่โรแมนติกและดูงดงาม เธอหน้าแดงเรื่อร้อนผ่าวแล้วรีบวิ่งตรงออกไป

“อุ๊ย......” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตกใจและต้องการจะยุติจูบนี้ แต่ริมฝีปากของเธอมีเขาประกบเอาไว้แน่น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

ตอนที่เขาจูบเธอนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาจะไม่หยุดลงกลางคัน นอกเสียจากว่าเหตุการณ์นั้นไม่ดีต่อเธอ

เซียวเซิ่งกดศีรษะของภรรยาตนเอาไว้แน่น เขาจูบวนไปมาที่ปากของเธออยู่หลายหน ก่อนจะผละออกมาด้วยอาการหอบ ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยเส้นเลือดสีแดง

“ที่รักคะ คุณไม่รู้สึกว่ามันน่าอายหรือไง?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยกมือขึ้นจับแก้มที่ร้อนผ่าวของเธอแล้วรู้สึกอายมาก เธออยากจะมุดแผ่นดินหนี

“ผมอยู่ในห้องทำงานของผมและจูบภรรยาตัวเอง ทำไมต้องอายด้วย?” เซียวเซิ่งพยายามระงับหัวใจที่เต้นรัวและพูดด้วยความใจเย็น

“คนอื่นไม่รู้นี่คะว่าฉันเป็นภรรยาของคุณ”

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะจัดการประชุมเพื่อประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าคุณเป็นภรรยาของผม”

“อย่านะคะ ฉันอยากใช้ชีวิตที่เรียบง่าย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอแล้วนั่งลงดังเดิม

เธอไม่อยากใช้ชีวิตที่ต้องคอยถูกคนอื่นจับตามอง และต้องเต้นตามปากนกปากกา คงน่ารำคาญถ้าเดินไปตามถนนแล้วมีแต่นักข่าวเข้ามา

ที่จริงแล้วเซียวเซิ่งก็ดีทุกอย่าง เพียงแต่เขามีสถานะตัวตนที่สูงเหลือเกิน ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว เธอเพียงต้องการครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น บางทีสวี่เจียนอาจจะเหมาะสมกับเธอมากกว่า......

เซียวเซิ่งหยิบเอกสารขึ้นมาทำงานต่อ เขาเหลือบมองไปที่ภรรยาของตนราวกับมองออกถึงความคิดเธอ จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “คิดอะไรอยู่อีก?”

“ฉันกำลังคิดว่าคุณควรแต่งงานกับดาราสาวมากกว่า ถ้าอย่างนี้พวกคุณจะได้เหมือนเหมือนกัน พวกดาราก็จะเปล่งประกายเจิดจ้า คุณจะทำให้พวกเธอมีค่ามากขึ้น และพวกเธอก็จะทำให้คุณ......”

เซียวเซิ่งยกมือขึ้นชี้นิ้ว “ไปนั่งคิดที่ตรงมุมกำแพงนั้น”

เมื่อถูกสายตาอันเย็นชาของสามีมองมา เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็หยุดความคิดของเธอทันที แล้วหยิบถ้วยน้ำชาไปยืนอยู่ตรงมุมห้อง

เธอจิบน้ำชาแล้วครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเธอพูดเกินเหตุไป ทั้งสองแต่งงานกันแล้วยังพูดเรื่องราวแบบนี้ แม้ว่าเธอจะมีเจตนาดีก็ตาม......

โอเล่ย์หอบหนังสือกองหนึ่งและเอกสารเดินตรงเข้ามา เมื่อเห็นว่าเฉินเหยียนเหยียนยกมือขึ้นกุมคางยืนอยู่นอกประตูจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “คุณปวดฟันเหรอ?”

“เปล่าค่ะ พอดีเมื่อสักครู่ทางบริษัทมีประกาศด่วนและบังเอิญว่าคุณไม่อยู่ ฉันเลยได้มาแจ้งกับผู้ช่วยเอี๋ยน......”

ใครจะรู้เล่าว่าทันทีที่เธอเดินตรงเข้าไปก็พบท่านประธานและเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยืนจุมพิตการโดยมิโต๊ะคั่นอยู่ตรงกลางด้วยท่าทางอันหวานชื่น ทำเอาเธอขาอ่อน

แม้เธอจะไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมาแต่โอเล่ย์ก็เดาได้

ประทานไม่ชอบให้ใครเคาะประตูบ่อย ๆ ดังนั้นพวกคนที่รู้ดีจึงไม่จำเป็นต้องเคาะประตูก่อนเข้าไป แต่ในตอนนี้มีเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอยู่......

“เอาล่ะ ต่อจากนี้อย่าเข้าออกห้องประธานโดยไม่จำเป็น มีเรื่องอะไรก็ให้โทรมาหาผม”

“ค่ะ แต่ว่าคุณโอเล่ย์คะ ทำไมเกิร์ลเฟรนด์ของคุณ เลขาท่านประธาน......ครั้งก่อน ตอนที่ฉันนำโทรศัพท์มือถือไปให้ผู้ช่วยเอี๋ยนก็เคยบังเอิญเจอเข้าครั้งหนึ่ง” เฉินเหยียนเหยียนยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างงุนงง

หรือว่า...... คุณโอเล่ย์และประธาน จะชื่นชอบผู้หญิงคนเดียวกันในเวลาพร้อมกัน?

แม้ว่าเธอจะเป็นแฟนพันธุ์แท้และแฟนตัวยงของโอเล่ย์กับท่านประธาน ดังนั้นเธอก็ชื่นชอบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนด้วย แต่พวกเขาสามคน......มันไม่ยุ่งเหยิงไปหน่อยเหรอ?

“เกิร์ลเฟรนด์ก็คือเพื่อนที่เป็นผู้หญิง มีปัญหาอะไรไหม?”

“อ้อ เหรอคะ” เฉินเหยียนเหยียนจึงเข้าใจในทันควัน ที่จริงแล้วเธอก็ไม่เคยเห็นคุณโอเล่ย์กับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมีพฤติกรรมเกินเลยต่อกัน ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของท่านประธาน “กิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันดีนะคะ”

“อืม ไปทำงานเถอะ” โอเล่ย์ผลักประตูเข้าไปเห็นฉากข้างในห้อง ก็ไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าอย่างไรดี

ท่านประธานกำลังอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะ ดูไม่พึงพอใจเล็กน้อย

ส่วนเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอนหลังพิงอยู่ที่กำแพง มือทั้งสองข้างถือช่วยน้ำชาและจิบเบา ๆ ริมฝีปากของเธอสดใสราวกับดอกท้อในเดือนสาม คาดว่าเมื่อครู่คงจะได้รับความรักจากท่านประธานไม่เบา

“เนี่ยนเอ๋อร์ ทำไมถึงยืนอยู่ตรงนั้นละ?”

“ฉันถูกสามีลงโทษ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก้มหน้าลง แววตาอันเหมือนสายน้ำหลั่งไหล หอมหวานจนทำให้หัวใจของคนฟังมึนเมา

เซียวเซิ่งดึงเธอกลับมานั่งแล้วโยนกระเป๋าไปด้านข้าง “นี่มันบริษัทผม คุณเป็นภรรยาผม ใครกล้าไล่คุณออก?”

แม่ของนายไง...... เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกะพริบตาแต่ไม่ได้พูดอะไร

“นั่นสินะ อย่างมากก็แค่ลดตำแหน่ง” โอเล่ย์ปลอบเธอ “เงินในบริษัทหนี้ทั้งหมดเป็นของเธอ แม้แต่ท่านประธานก็เป็นของเธอด้วย เธอไม่ต้องกังวลเรื่องตำแหน่งอะไรนั่นหรอก”

เมื่อตระหนักได้ว่าไม่อาจหลบหนีพ้น เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจึงไร้ทางเลือกอื่น ได้แต่ก้มหน้าอ่านหนังสือเหล่านั้น ดูว่าจะพอจำได้สักข้อสองข้อไหม แต่ยิ่งอ่านเธอก็ยิ่งสับสน และใช้วิธีลัด

ถ้าเป็นคำถามปรนัยก็มั่วส่งไป แต่ถ้าเป็นอัตนัย...... เธอใช้ปากกาหมึกซึมขึ้นมาเขียนที่แขนเล็ก ๆ ของเธอ

เธอเขียนด้วยความรวดเร็วดุจดั่งไฟลนก้น ดูเหมือนเธอจะลอกคำตอบทั้งหมดลงในแขนของเธอหมดแล้ว เมื่อถึงเวลาค่อยเอาออกมาใช้......

“หึ ๆ”

โอเล่ย์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่างตลกเหลือเกิน โชคดีที่เธอมีลูกชายสาวละก็ คงไม่ต่างไปจากเธอมากนัก

“นี่เธอ ตอนเด็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม ลอกข้อสอบทุกครั้งที่สอบ?” นิ้วมือของเซียวเซิ่งดีดไปที่ปากกา แล้วนำปากกาเก็บเข้าใส่กล่อง เขาใช้นิ้วโป้งแตะไปที่น้ำลาย แล้วลบตัวอักษรทั้งหมดที่เธอเขียนไว้

“อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม ฉันโกงก็เพื่อนนายนะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสะบัดมือชายหนุ่ม แล้วดึงปากกามาเขียนที่ข้อมือของเธอต่อ

แขนเรียวยาวขาวผ่องของเธอเคยหักมาแล้วครั้งหนึ่ง มันบอบบางเสียจนทำให้รู้สึกปวดใจ

ริมฝีปากเรียวบางของเซียวเซิ่งเม้มเข้าเล็กน้อยแล้วกดโทรศัพท์ข้าง ๆ โทรออก พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เย่ลั่ว ยกเลิกการประเมิน”

“ขอโทษค่ะท่านประธาน คุณนายรอผลการประเมินอยู่” ผู้ช่วยเย่มีดาบอยู่ในมือ ดังนั้นเธอจึงสามารถกระทำการได้อย่างมีอำนาจและเด็ดขาด “คุณนายทำไปก็เพราะท่านนะคะ เพื่อไม่ให้ใครบางคนในบริษัทไร้ความสามารถแต่ยังอยู่ที่นี่ได้ และกินข้าวเปลืองไปวัน ๆ”

เซียวเซิ่งวางสายลง ริมฝีปากของเขาเผยอยิ้ม ดวงตาอันดำขลับคู่นั้นเผยแสงเย็นว่าทำให้รู้สึกน่ากลัว

โอเล่ย์ตกตะลึงไปชั่วขณะ คนอื่นอาจจะไม่รู้ มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ถึงความหมายอันน่ากลัวอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของประธาน

ท่านประธานคงจะไม่ได้คิดมีปัญหากับคุณนาย เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ใช่ไหม?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น