นี่ก็ปาเข้าไปแปดโมงแล้ว เป็นช่วงเวลาที่พนักงานบริษัทเข้างานเก้าโมงเร่งรีบมากที่สุด
ที่จุดสแกนบัตรของเอ็นซีกรุ๊ป ถังเหวยในตำแหน่งรักษาการผู้คุมงานยืนสวมสูทเครื่องแบบและมีผู้ช่วยเย่ยืนอยู่ด้านข้าง ท่าทางสง่างามทรงพลัง
“สวัสดีค่ะผู้ช่วยเย่” พนักงานที่เดินทางไปมาพากันทักทายอย่างนอบน้อม ผู้ช่วยเย่เป็นตัวแทนของผู้บริหารระดับสูง ใครกล้าจะทำให้เธอขุ่นเคืองใจ ส่วนถังเหวยมีคำสั่งมาจากเบื้องบนว่าให้ยืนเฉย ๆ หากเธอถูกจับได้ว่าทำผิด ให้ไล่ออกทันที
เมื่อใกล้เวลาเก้าโมง เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจึงได้ปรากฏกายขึ้นที่บริษัท
จะโทษที่เธอมาสายแบบนี้ก็ไม่ได้ นั่นเป็นเพราะเซียวเซิ่งบังคับให้เธอไปซื้อรถ
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกำลังครุ่นคิดว่า ตัวเธอก็ไม่ใช่คนยิ่งใหญ่อะไร ขับเพียงเบนซ์ธรรมดาไปทำงานก็พอแล้ว แต่เซียวเซิ่งกลับไม่เห็นด้วย เพื่อความปลอดภัยของภรรยาสุดที่รักของเขา รถยนต์จะต้องเป็นระดับไฮเอนด์ที่สามารถกันกระสุนได้ กันกระแทก และไม่พังง่ายหากเกิดอุบัติเหตุ......
เธอมีสามีที่รักภรรยาดุจดั่งชีวิตแบบนี้ ก็คงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
ตำแหน่งใหม่ไฟแรง เหตุผลที่ถังเหวยมาที่นี่เพื่อสังเกตระบบระเบียบวินัยของพนักงาน ไม่ใช่เพราะว่าเธอทุ่มเทกับการงานมากเพียงใด แต่เพราะต้องการมารอเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน และฉวยโอกาสนี้ สร้างความลำบากใจให้กับหล่อน
แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนเดินออกมาพร้อมกับชายหนุ่มรูปงามสองคน ถังเหวยก็ทำจมูกฮึดฮัด แววตาฉายความหึงหวงออกมา
นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คนนี้ใช้มารยาอะไรกัน โอเล่ย์หลงใหลในตัวเธอก็ยังไม่เท่าไหร่ แม้แต่ท่านประธานก็ดูแลเธออย่างดี พวกผู้ชายเหล่านี้ตาบอดหรือไงกัน เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหน้าตาไม่สวยเท่ากับเธอเสียด้วยซ้ำ และก็ไม่มีความสามารถเท่ากับเธอ ทำไมทุกคนถึงไม่ชอบหล่อน?
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” ผู้ช่วยเย่และถังเหวยโค้งกายทำความเคารพ
เซียวเซิ่งเดินผ่านเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตรงเข้าไปบริเวณที่สแกนบัตร สายตาเหลือบไปยังลิฟต์ของประธาน แววตานั้นยังคงเลือดเย็นดูโหดเหี้ยม ราวกับจักรพรรดิพู่สง่างามและเคร่งขรึม ทั้งยังทรงพลัง
เมื่ออยู่ต่อหน้าประธาน ถังเหวยก็ไม่กล้าพูดมาก เธอเพียงส่งสายตาไปให้ผู้ช่วยเย่ว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้รูดบัตรพนักงานของตน แต่กลับใช้ช่องทางพิเศษ
“ขอโทษนะคะ กรุณารอสักครู่” ผู้ช่วยเย่ถอยหลังออกไปสองสามเก้าแล้วรั้งเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาไว้ ก่อนจะยิ้มอย่างนิ่มนวลว่า “ประทานโทษทำไมคุณถึงไม่สแกนบัตร?”
เซียวเซิ่งชะงักฝีเท้าลง เขามองไปทางผู้ช่วยเย่อย่างเย็นชา แววตานั้นเฉียบแหลมและโหดร้ายฉายแววน่ากลัว
กล้าหาเรื่องเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนต่อหน้าเขา รนหาที่ตายหรืออย่างไร?
แม้ผู้ช่วยเย่จะมีประสบการณ์มากมาย แต่เมื่อเห็นพลังอันท่วมท้นที่มองไม่เห็นเล็ดลอดออกมาจากร่างของเซียวเซิ่ง ทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก หลังจากพยายามหลีกเลี่ยงแววตาอันเฉียบแหลม ก็ได้แต่รอให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตอบ
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองซ้ายทีขวาที หันไปทางเซียวเซิ่งและโอเล่ย์ ก่อนจะพูดอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า “ทำไมพวกนายถึงไม่สแกนบัตรล่ะ ทำให้ฉันลำบากไปด้วยเลย!”
“หึ!” โอเล่ย์แทบจะหัวเราะออกมา ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ก้มศีรษะลงด้วยความสุภาพ “ผู้ช่วยเย่อาจจะไม่รู้ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเป็นพนักงานใหม่ของบริษัทเรา ดังนั้นบัตรจึงยังไม่พร้อม ในวันนี้เธอไม่ต้องสแกนบัตร”
ส่วนเซียวเซิ่งไม่ได้เกรงใจเช่นนั้น น้ำเสียงอันน่าดึงดูดใจคนพูดขึ้นว่า “เพื่อไม่ให้พนักงานคนอื่น ๆ เข้าใจเธอผิดไป เธอช่วยไปที่แผนกธุรการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ก่อน แล้วค่อยเอ่ยออกมาตามตรรกะที่ถูกต้อง อย่าทำให้ขายหน้าเจ้านาย”
ประโยคนี้ช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย
ผู้ช่วยเย่ตกตะลึงก่อนจะหันไปเอ่ยขอโทษเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “ขอโทษค่ะ เป็นฉันเองที่ไม่ทำความเข้าใจชัดเจนล่วงหน้า ฉันจะเสนอต่อฝ่ายธุรการอย่างเร่งรีบเพื่อดำเนินขั้นตอนสำหรับพนักงานใหม่”
ถังเหวยเห็นผู้ช่วยเย่ถูกตำหนิเช่นนั้นก็ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ากล่าว
ที่จริงแล้วฝ่ายธุรการทำบัตรให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาไว้เสร็จแล้ว แต่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี้ทำงานแค่ครึ่งวัน การที่เธอไม่ได้รับบัตรจะโทษฝ่ายธุรการได้หรือ?
ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของเซียวเซิ่ง เขาเดินตรงไปที่ลิฟต์สำหรับประธานบริษัทด้วยท่าทางสง่างาม
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ต้องการให้ใครต้องขุ่นเคืองใจ เธอจึงหันไปยิ้มให้กับผู้ช่วยเย่ว่า “เอาไว้ฉันจะระวังให้มากกว่านี้นะคะ”
ผู้ช่วยเย่เห็นแก่สถานการณ์นั้นจึงได้เผลอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “เฮ้อ” หากว่าคุณนายยืนอยู่ที่นี่ คุณชายก็คงไม่กล้าทำกับเธอแบบนี้
ราวกับมีภาพลวงตาจับจ้องปรากฏขึ้น เซียวจุนหรูมาถึงแล้ว อำนาจของคุณนายกำลังหายไป ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร เธอไม่อาจจัดการเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้เลย
โอเล่ย์หันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้กับผู้ช่วยเย่แล้ววางมือข้างหนึ่งลงบนหลังของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน กล่าวอย่างสุภาพว่า “ผู้ช่วยพิเศษเอี๋ยน เชิญทางนี้ครับ”
ทั้งสองคนสนทนากันเรื่องงานอย่างจริงจังสักพัก เซียวเซิ่งเหลือบมองไปทางเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้อีคิวสูงไม่เบา ความสามารถก็มี หาหนังสือระดับมืออาชีพให้เธออ่านสักหน่อย ค่อย ๆ ฝึกฝนเธอไป แต่อย่าฝึกให้เธอเหมือนกับแม่สามี เพียงแค่ให้เธอสามารถเอาตัวรอดได้ ไม่จำเป็นต้องให้เธอทำอะไรเพียงลำพังคนเดียว เธอมีผมอยู่”
ประโยคนี้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนฟังเข้าใจดี นั่นก็เท่ากับว่า เขาต้องการให้เธอมีความสามารถในการหาเงิน แต่เธอไม่ต้องไปหาเงินเอง เพราะมีเขาอยู่ด้วย เขาจะหาเงินให้เธอใช้เอง ให้ตายสิ มันช่างหวานเข้าไปในจิตใจเชียว
“ครับ” โอเล่ย์ออกไปหยิบหนังสือให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน
ส่วนเซียวเซิ่งก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ไม่ได้สนใจเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอีกแม้แต่เหลือบมอง พระเจ้า!
“ที่รักคะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนบีบใบหน้าอันเนียนและหล่อเหลาของเซียวเซิ่ง “ฉันบอกให้คุณดื่มชาและทานของว่าง คุณไม่ได้ยินเหรอ คุณจะทำงานนาน ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ คนเราต้องพักผ่อนใช่ไหม?”
สามีของเธอ เธอจะดูแลทะนุถนอมเขา
“เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน พอได้แล้วนะ!” นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเซิ่งถูกคนบีบหน้า ทั้งยังอยู่ในห้องทำงานซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของเขา แน่นอนว่าเขาต้องทำหน้าบูดบึ้ง
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนปล่อยมือเขาอย่างรวดเร็ว แล้วหดตัวกลับไปที่โต๊ะ ราวกับนกกระจอกเทศตัวน้อยที่ทำอะไรผิดพลาดและกระตือรือร้นที่จะซุกซ่อนตนเอง
เซียวเซิ่งใจอ่อนและรู้สึกสงสารเห็นใจเธอขึ้นมา เขาวางงานตรงหน้าลง หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบไปสองอึกก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “ขนมอยู่ไหนละ?”
“นี่ไงคะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนลุกขึ้นยืน เธออ้อมโต๊ะทำงานของเขาอย่างระมัดระวังแล้วบรรจงจูบริมฝีปากของเซียวเซิ่งเบา ๆ ก่อนจะปล่อยมือ
กลิ่นชาหอมของเซียวเซิ่งผสมผสานกันกับกลิ่นของเขาติดอยู่ที่ริมฝีปากเธอ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนดูตกตะลึงเล็กน้อย ใบหน้าอันงดงามของเธอแดงก่ำด้วยความอายมองไปช่างสวยมาก
เซียวเซิ่งจับคางของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยกขึ้นเล็กน้อย แล้วดึงเข้าหาตัว จ้องมองอยู่เนิ่นนานทีเดียว เขายิ่งมองก็ยิ่งชอบ
และอดไม่ไหวที่จะใช้มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยของเธอ จูบไปที่ริมฝีปากของเธอ ครั้งแล้วครั้งเล่า......
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนชะงักลง บรรยากาศอันหอมหวาน ทำให้หัวใจของเธอและเขาตกอยู่ในอาการมึนเมา เธออยากจะมีความสุขแบบนี้ตลอดไปจริง แต่ว่า......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น