ณ โรงพยาบาลซูจี้ ในห้องพักวีไอพีสุดหรูสไตล์ยุโรป
เย่เฟิงเอนกายไปที่หัวเตียงแล้วเล่นเกมมือถืออย่างเบื่อหน่าย จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามันน่าเบื่อแล้วหลับตาลงถอนหายใจยืดยาว
นับตั้งแต่เอี๋ยนต้าฟาจากไป เขาก็รู้สึกว่างเปล่าไปทั้งหัวใจ ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันเป็นเดือน ผ่านทุกข์ผ่านสุขผ่านความตายมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงลึกซึ้งมาก เมื่อต้องจากกันทำให้รู้สึกไม่ดีใจเท่าไหร่นัก
ประกอบกับเมื่อคืนนี้ถูกโจมตีอย่างแรงจากอูเจินจู......ชีวิตคนเราช่างน่าเศร้า รู้สึกว่าชีวิตของเขาปราศจากซึ่งความรักไปทันที
หลังจากสับสนอยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน เขาก็นึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องทำ ท่านประธานกำชับว่าให้เข้าไปสืบดูเรื่องเซี่ยจิ่นจะจัดการกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอย่างไร เขาจะต้องโทรหาป้าก่อน......เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผู้ช่วยเย่กำลังขับรถไปที่เอ็นซีกรุ๊ป เนื่องจากได้รับคำสั่งให้ไปสนับสนุนถังเหวย
เธอเหลือบมองไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนรถ พบว่าเป็นสายจากหลานชายจึงได้ตัดสายทิ้งทันที ไม่ต้องคิดเธอก็รู้ถึงวัตถุประสงค์ของหลานชายได้ แต่ละคนล้วนทำเพื่อเจ้านาย ดังนั้นเธอจะไม่เปิดเผยคำพูดใดทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ถูกวางสาย เย่เฟิงก็หัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัยแล้วกดโทรออกอีก เขาจะโทรจนกระทั่งเธอปิดเครื่องให้ได้
“เจ้าเด็กนี่ หาที่ตายหรือไงกัน?” น้ำเสียงคำรามตะคอกดังขึ้น ผู้ช่วยเย่ถูกบีบบังคับให้โมโหไม่น้อย
“ป้า......”
“ป้าอะไร!”
โดยไม่รอให้หลานชายเอ่ยปากเธอก็รีบปฏิเสธขึ้นทันทีว่า คิดอยากจะหาข้อมูลจากที่ฉันเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก! การที่ตระกูลเย่ของเรามีชื่อเสียงที่ดีงามนั้นก็เพราะจงรักภักดีต่อเจ้านายไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเจ้านายจะถูกหรือผิดก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด นี่คือกฎของครอบครัวจำไม่ได้หรือไง?”
เย่เฟิงยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำก็ถูกตำหนิออกมายกใหญ่ เขายกมือขึ้นกุมหน้าผากอย่างเคอะเขิน “ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย ก็แค่โทรมาทักทายเฉย ผมแค่อยากแสดงความกตัญญูก็เท่านั้น”
“ถ้าอยากจะแสดงความกตัญญูกับฉันจริง ก็รีบแต่งงานสักที แล้วรีบมีลูกเสีย แต่ละคนวัน ๆ เอาแต่เล่นกับผู้หญิง นายนั่นแหละที่ทำเสียคน มีคนสอนยังไงก็เป็นตามนั้น!” ผู้ช่วยเย่ตำหนิเสร็จก็วางสายลง
อ้าว ถูกด่าเสียอย่างนั้น
เย่เฟิงถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่ เขาวางแขนไปที่ด้านหลังศีรษะ ตรงหน้าปรากฏภาพเงาของอูเจินจูขึ้นมาแล้วก็รู้สึกหดหู่ใจหาย......
เขาอยากจะดูแลผู้หญิงคนนี้จริง ๆ
หลายวันมานี้พวกเพื่อน ๆ ต่างล้อเลียนเขาเมื่อรู้ว่าเขาไปสนใจกับผู้หญิงที่แทบไม่มีความเป็นผู้หญิงแบบนี้ ในสายตาของคนอื่น อูเจินจูอาจจะดูโง่เง่า แต่เขาสามารถเห็นถึงเบื้องหลังความโง่เง่านั้นของเธอได้ว่ามันช่างเจ็บปวดใจ
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ เธอไม่มีความรู้สึกใดกับเขาเลย
เอาเถอะ......ด้วยรูปร่างหน้าตาและความสามารถของเย่เฟิง ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งไล่ตามสาวคนไหน มีแต่คนจะมาหาถึงหน้าบ้าน
“ก๊อก ๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เย่เฟิงลืมตาอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาเต้นรัว เธอมาหาเขา?
แม้เมื่อคืนนี้เขาทะเลาะกับอูเจินจูไป แต่เขาก็ยังหวังว่าเธอจะมาหาเขา จึงกดปุ่มปลดล็อกรีโมทคอนโทรล สายตาของเย่เฟิงก็จับจ้องไปที่ประตู เมื่อหูได้ยินเสียงของรองเท้าส้นสูง เขาก็ผิดหวังในทันที
อูเจินจูไม่ใส่รองเท้าส้นสูง เธอสวมใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์รองเท้าแตะธรรมดา แต่บางครั้งเธอก็ให้เสี่ยวเนี่ยนแต่งหน้าให้จาง ๆ มองไปดูสวยมาก
“hi พี่เฟิง!”
ผู้หญิงคนหนึ่งในมือมีกุหลาบสีชมพูเดินตรงเข้ามา ร่างกายอรชรอ้อนแอ้นของเธอขยิบตาให้กับเย่เฟิงครั้งหนึ่ง แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะหมุนตัว “พี่คะ วันนี้หนิงหนิงสวยไหม?”
“สวยมาก” เธอสวมชุดกระโปรงสั้นไหล่ต่ำ เผยให้เห็นร่องอกอย่างชัดเจน ชนิดที่ว่าผู้ชายคนไหนเห็นก็ต้องถึงกับเลือดกำเดาไหล หากใครได้กินเข้าไป......อืม น่าจะรู้ดี
ผู้หญิงทุกคนที่เย่เฟิงนอนด้วยนั้นล้วนเป็นคนที่สวยไร้ที่ติ พวกเธอเป็นสุดยอดในบรรดาเหล่าผู้หญิง ไม่อย่างนั้นคงไม่คู่ควรกับเขา หนิงหนิงเป็นนางแบบ ทักษะเธอไม่เลวทีเดียว
เย่เฟิงไม่พูดอะไรมาก เมื่อต้องอยู่กับผู้หญิงแบบนี้เขาไม่จำเป็นต้องพูดมาก เพียงแค่ “ทำ” คำเดียวเท่านั้น
เขายกแขนขึ้นแล้วถอดเสื้อช่วยผู้ป่วยโยนทิ้งไปด้านข้าง ส่วนกางเกงน่ะเหรอ โทษที ผู้ป่วยที่ได้รับอาการบาดเจ็บตรงขาไม่จำเป็นต้องใส่กางเกงหรอก
เมื่อเห็นกล้ามเนื้อที่หน้าท้องของชายหนุ่ม ฮอร์โมนในร่างกายเธอก็แทบระเบิด แววตาของหญิงสาวเปล่งประกาย ร่างของเธอบิดอย่างอ่อนโยนแล้วพุ่งตรงเข้ามาจูบริมฝีปากของเย่เฟิงด้วยความรีบร้อน
“โครม!” เย่เฟิงถูกสาดไปที่ใบหน้า เขาโมโหมาก แต่ยังไม่ทันจะได้ระบายอารมณ์ออกมา อูเจินจูก็ตรงเข้ามาแล้วเปิดผ้าห่มออก
ลมหายใจฟึดฟัดพุ่งขึ้นสู่ใบหน้า ผู้หญิงที่อยู่ข้างในเห็นว่าอูเจินจูมีเพียงรูปร่างหน้าตาแสนธรรมดา เธอก็ยืดอกขึ้นถามด้วยความภาคภูมิใจว่า “เธอเป็นใคร?”
“หุ่นดีนี่ เหมาะที่จะเป็นกะหรี่” อูเจินจูยกมือขึ้นจิกผมของผู้หญิงคนนั้นลากเธอออกไปตรงประตู ก่อนผลักออกไปข้างนอก......
“กรี๊ด เสื้อผ้าฉัน!” เสียงร้องตื่นตระหนกของผู้หญิงดังก้องไปทั่วทั้งทางเดิน
เย่เฟิงพูดด้วยความโมโห “บ้าไปแล้วหรือไง เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!”
อูเจินจูไม่พูดอะไรสักคำ เธอเพียงยืนจ้องเย่เฟิงอยู่อย่างนั้น จ้องไปจ้องมา จู่ ๆ ดวงตาเธอก็แดงเรื่อแล้ววิ่งออกไปทันที
เมื่อคืนนี้เธอนอนไม่หลับ ในสมองยังคงปรากฏภาพเขาอยู่ในใจ เมื่อนึกถึงคำพูดที่เอี๋ยนต้าฟาพูดมา เธอก็อบอุ่นอยู่ในใจลึก ๆ วันนี้เธอตั้งใจจะไปเจรจากับเย่เฟิง แต่เขากลับทำเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่นอยู่......พอที!
“ปึง” เย่เฟิงปล่อยหมัดไปที่เตียงอย่างแรง เมื่อเห็นเธอน้ำตาไหล หัวใจของเขาก็ราวกับถูกกรีดด้วยอะไรบางอย่าง มันเจ็บจริง
เย่เฟิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์โทรของอูเจินจูแล้ววางไว้ที่ข้างหู แต่อีกฝ่ายไม่รับสายเลย ทั้งยังกดปิดหนี เขาโทรไปอยู่หลายครั้งก็ยังเป็นเหมือนเดิม
เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงส่งข้อความไปหาเธอ “มาคุยกันหน่อยไหม?”
ผ่านไปเนิ่นนาน เธอก็ยังไม่ตอบกลับมาสักที เย่เฟิงลดศักดิ์ศรีของตนเองลงแล้วทำท่าทางออดอ้อนใส่เธอว่า “สาวน้อย ซุปของเธอร้อนมาก ผิวหน้าผมแสบไปหมดแล้ว เธอต้องรับผิดชอบนะ เด็กดี มาเช็ดให้หน่อย”
แต่เธอก็ยังคงไม่ตอบ เย่เฟิงหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดคราบอาหารบนใบหน้า เมื่อเขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็ได้ตัดสินใจส่งข้อความสุดท้ายไปว่า “ถ้าคุณชอบผม ผมขอโอกาสสุดท้าย”
ชอบเขาเหรอ?
อูเจินจูนั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบ สายตาของเธอจ้องไปที่ปลาคาร์ฟตัวหนึ่งด้วยความคิดมากมาย ผู้ชายหลายใจแบบนี้ เธอชอบเขาหรือเปล่า?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น