เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหยิบโทรศัพท์ของสามีขึ้นมาอีกครั้ง ส่งข้อความหาเซี่ยจิ่น “แม่ครับ ผมเซียวเซิ่งนะ นอนหรือยังครับ?”
เซี่ยจิ่นตอบข้อความกลับทันที “เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน อย่าเรียกฉันว่าแม่”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตกใจ ไม่รู้ว่าเธอรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ใช่เซียวเซิ่ง ในเมื่อถูกจับได้แล้ว ก็ไม่ต้องแสร้งทำอีกต่อไป เธอพิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็ว “หญิงสาวแต่งงานแล้วก็ต้องยึดถือตามสามีสิ เซียวเซิ่งเรียกคุณอย่างไร ฉันก็เรียกแบบนั้น ไม่งั้นฉันเองก็พูดมันไม่ออกเหมือนกัน เพราะยังไงคุณก็ยังสาวยังสวยอยู่เลยนี่นะ”
เซี่ยจิ่น : “กวนประสาทจนฉันแทบหัวใจวาย อย่าติดต่อหาฉันอีก ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปเพราะคำพูดหวานๆไม่กี่คำหรอกนะ”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน : “แต่แผนการของคุณในตอนนี้มันทำอะไรฉันไม่ได้เลยนะ ถ้าต่อไปนี้ไม่มีทีเด็ด ก็รามือได้แล้วนะ เอียนหยู่โรวเอยถังเหวยเอย ไม่ต้องเรียกใช้งานต่อแล้วนะ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกค่ะ”
เซี่ยจิ่นโกรธจนหน้าเขียว เธอโทรหาจงเสวี่ยม่าน “เสวี่ยม่าน เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจะถูกฉันกำจัดทิ้งเร็วๆนี้ พรุ่งนี้ให้กงเจี๋ยหรูไปหาเซียวเซิ่ง เพื่อให้ทั้งคู่ได้สานสัมพันธ์กันหน่อยดีไหม?”
“ได้สิ” จงเสวี่ยม่านตอบตกลง “เรื่องของกงซ่วนโม่ เธอคุยกับเซียวซาหรือยัง? เขาสองคนก็ต้องสานสัมพันธ์กันนะ”
“บอกไปแล้วล่ะ ทางด้านของเซียวซาไม่มีปัญหาอะไร เธอรีบให้กงเจี๋ยหรูช่วยฉันไล่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไปที ฉันจะบ้าตายแล้ว”
“ได้ พรุ่งนี้จะให้กงเจี๋ยหรูไปหาเซียวเซิ่งที่เอ็นซี แล้วชวนไปทานข้าว”
“งั้นเอาตามนี้” หลังจากวางสาย ดวงตาของเซี่ยจิ่นปรากฏความเย้ยหยันออกมา
ยัยเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่รู้จักคิด หญิงสาวฉาวโฉ่ที่เคยผ่านการแต่งงาน แล้วยังเคยมีลูกอีก ยังคิดจะเข้ามาเป็นคุณนายเศรษฐีอย่างสบายอีกงั้นหรือ?”
เธอเกาะติดเซียวเซิ่ง เพียงแค่อยากมีชีวิตที่หรูหราเท่านั้น ผู้หญิงโลภมากก็เป็นแค่ปลิงคอยดูดเลือดจากคนอื่น สมควรถูกใครย้ำยีอย่างไรก็ได้
เมื่อคิดดังนั้น ความรู้สึกดีๆเพียงน้อยนิดที่เซี่ยจิ่นเคยมีให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็หายไปจนหมด
เมื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นว่าเซี่ยจิ่นไม่ได้ตอบกลับ คิดไม่ตกว่าเธอคิดอะไรอยู่ แก้ไขข้อความประจบสอพลอไม่กี่แถวนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กดส่งออกไป
“ที่รัก ดึกดื่นป่านนี้แล้ว หยุดเล่นก่อนไหม?”
ครั้งนี้เซียวเซิ่งถูกเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทำให้ตื่นแล้วจริงๆ เขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด มือที่เรียวยาวเคลื่อนไปโอบเอวเล็กนุ่มนวลของเธอ แล้วทำการยึดโทรศัพท์ไป “เป็นผู้หญิงไม่ควรนอนดึกนะ”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรีบแย่งคืนมาอย่างร้อนรน “คุณนอนเถอะที่รัก ฉันอยากเล่นอีกสักเดี๋ยว”
รู้สึกทะแม่งๆ เซียวเซิ่งเบิกตากว้างขึ้นมา แล้วพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนร่างของภรรยา “ยัยหนู เธอคงไม่ได้หาคู่ออนไลน์หรอกนะ?”
หา? สมองของที่รักนี่มันช่างกว้างใหญ่จริงๆ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกพูดไม่ออกเลยทีเดียว “เปล่า ใช้โทรศัพท์ของคุณหาคู่ออนไลน์เนี่ยนะ นี่ฉันโง่แค่ไหนกัน?”
“ตอนทานมื้อเย็น เธอนัดคุยกับพวกเพื่อนๆของฉัน คิดว่าฉันไม่ได้ยืนหรือ? คุยกับฉู่หยู้ซีอยู่หรือ?”
“ไม่ใช่ ในเครื่องฉันก็มีเบอร์ของฉู่หยู้ซีเหมือนกันนะ”
“ลบทิ้ง!” น้ำเสียงของเซียวเซิ่งเอาแต่ใจอย่างมาก “ต่อไปนี้ห้ามคุยกับฉู่หยู้ซี เขาคิดไม่ซื่อกับเธอ เธอไม่รู้หรือ? เป็นผู้หญิงห้ามนอนดึก เข้านอนซะดีๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอนอนเอง!”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ จึงยอมพูดความจริง “ฉันคุยกับแม่อยู่ อยากสานสัมพันธ์ดีๆกับเธอสักหน่อย”
“เธอนี่มันแน่จริงๆ!” เซียวเซิ่งหัวเสีย แล้วแย่งโทรศัพท์มา กำลังจะเข้าเช็คประวัติสนทนา “ไหนฉันดูหน่อยว่าดึกดื่นป่านนี้แล้ว เธอจะคุยอะไรกับแม่ยายที่อายุสี่ห้าสิบปี แม่ยายกับลูกสะใภ้เดิมทีก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว แม่ไม่ชอบเธอถือเป็นเรื่องปกติ เธอก็ไม่ต้องชอบกลับก็ได้แล้ว!”
“ฉันคิดหาวิธีให้ความสัมพันธ์กับเธอดีขึ้น คุณจะได้ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจแล้วไง!” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเข้าไปแย่งโทรศัพท์ ไม่อยากให้เขาเห็นประวัติการสนทนา
เซียวเซิ่งหลบได้อย่างเท่ระเบิด เปิดประวัติสนทนา สีหน้าไม่พอใจขึ้นทุกที ทันใดนั้นก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไป
“ต่อไปไม่ต้องไปประจบประแจงเธออีก! ท้าชนกับเธอไปเลย เอาให้เธอถึงกับต้องมาหาพวกเราเอง! ยัยผู้หญิงไร้สมอง ใช้ชีวิตกับฉันอย่างมีความสุขทุกวันก็พอแล้ว! ต่อไปนี้ถ้ายังไปสนใจว่าเธอพอใจหรือไม่พอใจอีก ฉันจะ......”
“จะอะไร?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหรี่ตาลง แล้วทำหน้ามุ่ย
ผิวสีแทนของเธอดูสุขภาพดี ผมลอนเล็กน้อย บอกตามตรงว่าไม่ถือว่าเป็นสาวสวยอะไร ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่
เย่เฟิงมองเธอด้วยแววตาที่อบอุ่น และยิ้มอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีเธออยู่ในห้อง ก็มีความรู้สึกว่าเป็นบ้านขึ้นมา
อูเจินจูพลิกตัว เกือบตกลงไปจากโซฟา เย่เฟิงตกใจจนลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน ขาของเขายังไม่หายดี เพียงขยับนิดเดียวก็เจ็บมาก แต่ในนาทีนี้เขากลับไม่รู้สึกถึงมันเลยแม้แต่น้อย
อูเจินจูไม่ได้ตกลงมาจากโซฟา แต่ผ้าห่มบางๆบนร่างของเธอได้ไหลตกลงไปบนพื้น เย่เฟิงตบขอบที่นอนเบาๆเพื่อเตือนเธอ “ไพน์นัท ห่มผ้าให้ดีสิ”
อูเจินจูไม่ตอบสนอง เหนื่อยแล้ว นอนหลับสนิท
หน้าร้อนแรกเริ่มอากาศจะเย็นเล็กน้อย เย่เฟิงเกรงว่าเธอจะเป็นหวัด จึงอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วลงจากเตียง ค่อยๆขยับเข้าไปตรงหน้าโซฟาทีละก้าว กัดฟันออกแรงมากถึงที่สุด จึงจะหยิบผ้าห่มขึ้นมา แล้วค่อยๆห่มลงบนตัวของคนที่นอนหลับอย่างสนิท จากนั้นก็เดินกลับไปทีละก้าว
อูเจินจูถูกรบกวน จึงลืมตาขึ้นมาทันที มองเห็นแผ่นหลังดูดีที่กำลังเดินอย่างยากลำบาก แล้วจึงมองผ้าห่มที่อยู่บนตัวอย่างดี ทันใดนั้นราวกับเธอได้เข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอน้ำตาคลอ
ทำไมตัวเองต้องทรมานเขาด้วยนะ ถ้ารักก็รักเถอะ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ไม่แปดเปื้อน?
“อึก” เย่เฟิงไม่ทันระวังชนโดนขาเข้า เจ็บปวดจนมีเหงื่อออกที่หน้าผากทันที มืออีกข้างกำหมัดแน่น อดกลั้นไม่ให้ส่งเสียงออกมา
ในที่สุดอูเจินจูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป พลิกตัวลงจากโซฟา แล้ววิ่งไปประครองเย่เฟิง “เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฉัน......” เย่เฟิงหันไปมองเธอ มองไปสักพักจึงจะพูดขึ้น “ขาขวาฉันหัก ที่เธอประคองอยู่คือด้านซ้าย เธอจะทำฉันล้มแล้วนะ”
“ขะ ขอโทษ” อูเจินจูคลายมือออกจากเขา คิดจะอ้อมไปอีกด้าน แต่ใครจะคิดว่าแค่เดินเซ จะทำให้เธอกับเย่เฟิงล้มลงไปที่ขอบเตียง เธออยู่ด้านล่าง
ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของชายหนุ่มพ่นออกมา มันหอมสดชื่น อูเจินจูเขินจนร้อนไปทั่วร่างกาย เธอหันหน้าหนี ไม่กล้ามองเขาแม้แต่น้อย......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น