เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 65

กลางดึก ไฟในห้องผู้ป่วยยังคงสว่างอยู่

เซียวเซิ่งพลิกเอกสารทีละหน้า หลังจากตรวจอนุมัติแล้วจึงเซ็นต์ชื่อตนเองลงไป บางครั้งก็ทำงานในโน้ตบุ๊ก ส่งอีเมล์สั่งงาน

โอเล่ย์หอบแฟ้มเอกสารเข้ามาอีก เมื่อเห็นว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของประธานไม่มีความเหนื่อยล้า จึงได้แต่ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย มอบดัชนีความน่าดึงดูดของชายผู้มากความสามารถมาให้ประธาน ยังมอบพรสววรค์อันฉลาดหลักแหลม และบุคลิกลักษณะที่สุขุมหนักแน่น.....

โอย เถ้าแก่ต่อให้ป่วยก็ยังจะลากลูกน้องไปเหนื่อยด้วย มีผู้บริหารชั้นสูงจำนวนมากที่ทั้งคืนไม่กล้าไปนอน

เซียวเซิ่งมาอยู่ที่โรงพยาบาลสี่วันแล้ว ไม่มีใครมาอยู่เป็นเพื่อนและคอยดูแล จังหวะพอดีสุดสัปดาห์ เอี๋ยนต้าฟาจึงได้มาอยู่เป็นเพื่อนเขาสามวัน พ่อลูกกินด้วยกันอยู่ด้วยกัน นับว่ามีความสุข เอี๋ยนต้าฟาแม้จะยังเล็ก แต่กลับเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ดูแลพ่อได้ พ่อลูกผลัดกันถ่ายวีดิโอไม่น้อย เก็บไว้เป็นที่ระลึก

เช้านี้เด็กไปโรงเรียนแล้ว เซียวเซิ่งกลางคืนไม่ยอมนอน

“ประธานครับ ตอนนี้ตีสองแล้ว ไม่นอนพักสักหน่อยหรือครับ?” โอเล่ย์เอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะ

เซียวเซิ่งเม้มปากไม่พูดอะไร มองไปที่เวลาที่อยู่ด้านขวาของโน้ตบุ๊ก โอเล่ย์ถึงพบว่า นัยน์ตาแต่เดิมดำประดุจหยกดำของประธาน ตอนนี้ได้เห็นเส้นเลือดสีแดงกระจายอยู่อย่างชัดเจน เหนื่อยแล้วนี่

“ประธานครับ หรือพรุ่งนี้ให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมาอยู่เป็นเพื่อนไหมครับ?”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน?

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน?

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน!

เหมือนคมมีดมากรีดที่ใจอย่างโหดเหี้ยม รสชาติที่ขมและฝาดเอ่อท่วมอยู่ภายในอก มือของเซียวเซิ่งที่พลิกเอกสารบีบแน่นเข้าหากัน พูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่มีเหตุผลอะไร พูดถึงเธอทำไม?”

โอเล่ย์หลักแหลมมาก เห็นประธานมองไปไกล ไม่ดูเอกสาร ก็รู้ว่าเขารอคอยข่าวคราวของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน จึงกล้าเอ่ยออกมาว่า__

“ได้ยินลุงเซี่ยพูดว่า เธอย้ายกลับไปที่ห้องของเธออีกแล้วครับ ปิดประตูไม่ออกมา ส่งอาหารไปให้ก็ไม่ทาน ลุงเซี่ยหมดหนทาง จึงได้แต่ส่งของว่างที่เก็บรักษาได้ง่ายไป เกรงว่าผ่านไปนานเกินไป ร่างกายของเธอจะทรุดนะครับ....”

เซียวเซิ่งหรุบตาต่ำมองเอกสาร ถามเหมือนไม่ใส่ใจว่า “แล้วของว่างกินหรือยัง?”

“ไม่แน่ใจเลยครับ เธอดันประตูจากด้านหลัง ไม่ให้ใครเข้าเลยครับ”

“ปัง!” กองเอกสารหล่นไปที่เท้าของโอเล่ย์ สักครู่โน้ตบุ๊กก็ถูกคุณชายท่านนั้นกวาดทิ้งไปด้วย แล้วคำรามด้วยความโกรธ “นี่เธอเล่นอารมณ์กับใครอยู่? เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครหรือ? โทรไปหาพ่อบ้าน ให้พาคนรีบไปถอดประตูห้องของเธอออก! แค่กๆ....”

โอเล่ย์สะดุ้งตกใจ ความหงุดหงิดนี้ของประธาน....เมื่อรู้ว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอยู่ในสภาวะที่เลวร้าย ก็วิตกกังวลแล้ว ปวดร้าวใจแล้ว?

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนช่างเก่งกาจเหลือเกิน ประธานที่เย็นชาไร้ความรู้สึก หน้าน้ำแข็งที่พันปีก็ไม่สลาย โดนเธอแซะจนมีช่องโหว่ อารมณ์ก็ถูกเธอทำให้พลิกกลับไปมา

เซียวเซิ่งกำหมัดพลางไอไม่หยุด มีอาการวิตกกังวลเฉียบพลันเกินกว่าจะอธิบาย เขาคิดว่าเธอไม่อยากพบเขา แค่เพียงเขาไม่อยู่ เธอก็จะกินได้ดื่มได้เล่นได้ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเหมือนดอกไม้ งามเหมือนภาพวาด ใครจะรู้ ใครจะรู้.....ช่างน่ารังเกียจ!

โอเล่ย์กู้โน้ตบุ๊กกลับมาได้ แล้วก้มเก็บเอกสารกองไว้อีกฝั่ง หัวเราะเบาๆเอ่ยว่า “ประธานอย่าเพิ่งโกรธครับ เธอไม่ใช่ทำให้คุณโกรธ เพื่อหวังให้คุณกลับไปง้อเธอหรอกหรือครับ? ถูกคุณทำให้เคยชินไปแล้ว อย่าไปพูดถึงถอดประตูเธอออกเลยครับ ได้ยินมาว่าเอี๋ยนหยู่โรวไม่ได้ไปยั่วเธอ ยังถูกเธอข่วนมาเลย….”

“นั่นก็ยั่วแล้ว” เซียวเซิ่งโมโหอีก เข้าไปในแถวของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเหมือนเช่นเคย เมื่ออารมณ์สงบลงแล้วจึงเอ่ยว่า “ให้เธอทำไป ฉันจะดูว่าจะทำได้ถึงเมื่อไหร่!”

“เธอไม่สั่นคลอนในความมุ่งมั่นที่ต้องการจะพบลูกของตนเอง ก็จะทำต่อไป ประธานครับ หรือจะให้พวกเขาแม่ลูกได้พบกันอีก เธอก็จะรู้สึกขอบคุณคุณชายอย่างสุดซึ้ง”

“แกว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณฉันหรือ?” ดวงตาที่เยือกเย็นและลุ่มลึกมองไปทางโอเล่ย์ เซียวเซิ่งถามขึ้นมาเบาๆว่า “เอี๋ยนต้าฟายังจะคงยอมรับฉันที่เป็นพ่ออยู่ไหม?”

เซียวเซิ่งเข้าครัวลงมือต้มโจ๊กไก่ด้วยตัวเอง เชฟทั้งสองต่างกลัวและกังวลใจ กลัวจะสูญเสียงานจากเหตุนี้ เซียวเซิ่งก็มีความคิดที่จะให้เขาสูญเสีญงานจริงๆ เขาจู่ๆต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ไม่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ต้องการพ่อบ้าน และไม่ต้องการเชฟ ยิ่งไม่ต้องการคนรับใช้ มีแค่เขากับเธอ ทำกับข้าวด้วยกัน ทำงานบ้านด้วยกัน เวลาว่างก็เจี๊ยวจ๊าวสักช่วง จากนั้นก็อิงแอบกันดูโทรทัศน์ ปอกเปลือกวอลนัทให้เธอ นี่เป็นความสุขที่ใหญ่ที่สุดแล้ว

แน่นอน ไม่ต้องไล่เชฟออกก็ได้ คนรับใช้และพ่อบ้าน ตรงนี้เก็บไว้ให้เอี๋ยนหยู่โรว ส่วนเขาพาเสี่ยวเนี่ยนไป ผัดอาหารง่ายๆเบาๆสักสองสามจาน เซียวเซิ่งจัดการอย่างชาญฉลาดให้แต่ละคนๆไป พลางขึ้นไปเรียกเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกินข้าว กำลังกังวลว่าจะง้ออย่างไรให้แม่เจ้าประคุณเปิดประตู แต่เมื่อกำลังขึ้นบันได ก็เห็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนลงมาแล้ว

เธอใส่ชุดกีฬาสีม่วงทั้งชุด หมวกของชุดกีฬายกขึ้นมาปิดหน้าผากไว้ ผมที่ปรกหน้าผากถูกปัดกระจัดกระจายไป บังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง มีเพียงแค่จมูกที่ตรงและสวยงามเท่านั้นที่โผล่ออกมาข้างนอก เค้าโครงสง่างาม

เมื่อรู้ว่าด้านหน้ามีคนมา เธอก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่หรุบตาลงแล้วเดินต่อไป ชุดที่เดิมพอดีกับร่างกายกลายเป็นหลวมโพรก เดินแล้วสะดุดตา

เด็กสาวผอมลงจริงๆ ใจของเซียวเซิ่งสั่นขึ้นมาทันที จึงขวางทางเธอไว้ แล้วถามอย่างอ่อนโยนว่า “ไปออกกำลังตอนเช้าหรือ?”

นี่ไม่ใช่ชัดเจนหรอกหรือ? เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่พูดอะไร เอี้ยวตัวแล้วเดินเฉียดไหล่ของเขาไป พ่อบ้านและโอเล่ย์ต่างอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เห็นฉากนี้จึงรีบแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็น คนหนึ่งรดน้ำต้นไม้ คนหนึ่งเช็ดโต๊ะ คุณชายถูกเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง

“เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน” เซียวเซิ่งต้องใช้กำลังอย่างมากจึงจะสามารถกดความโกรธในใจไว้ได้ หันหลังกลับไป มือหนึ่งล้วงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างสง่างาม มองลงไปจากด้านบนเห็นรูปร่างที่ผอมบางนั่น

“อะไร?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหยุดชะงักเท้า ย่นคออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว จัดการผมด้านข้างแก้ม ให้มาปรกหน้ามากขึ้น เหมือนกลัวคนเห็นอะไร

เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?

ตาของเซียวเซิ่งเข้มขึ้นสองสามส่วน จ้องมองเธอเขม็งพลางเดินเข้าไป บรรยากาศพลันเงียบสงบจนน่ากลัว เป็นไปได้ที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา เหมือนเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจ

“คุณชายคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดอย่างราบเรียบ

คุณชายหนึ่งคำที่เรียกออกมาทำเซียวเซิ่งหัวใจแหลกสลาย ขอบตาแดงก่ำ เขารีบเดินเข้าไปหา โอบไหล่ของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเข้ามา ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเธอผอมบางและอ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดอีก จึงยกมือไปเปิดหมวกของเธอ......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น