เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 66

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนระวังไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงเลี่ยงไม่ได้

หมวกถูกถอดออกแล้ว เซียวเซิ่งมองลงไป มองเห็นเพียงหัวฟูๆ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้ว่าแรงของตัวเองไม่สามารถสู้เซียวเซิ่งได้ จึงขยับตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างชาญฉลาด ไม่ยอมโผล่ออกมาราวกับนกกระจอกเทศ

“......เธอจะซุกได้นานแค่ไหนกัน?” เซียวเซิ่งถามขึ้นนิ่งๆ แน่นอนว่า เขาไม่ได้ต้องการให้เธอตอบ แล้วโอบกอดร่างบอบบางของเธอไว้แน่นขึ้นด้วย ดวงตาเฉียบคมที่เย็นชามองไปยังพ่อบ้านเซี่ย “เธอมีความลับอะไรที่ให้ฉันดูไม่ได้?”

“ผมเองก็ไม่ทราบครับคุณชาย ถ้าจะมีความลับจริงๆ อาจเป็นใบหน้าได้รับบาดแผลนะครับ ไม่อย่างนั้นจะบังใบหน้าไว้ทำไม?” พ่อบ้านเซี่ยคาดเดาด้วยความกล้า และขอพิสูจน์ “อีกอย่างสองสามวันมานี้ก็ไม่ยอมให้ใบหน้า เพราะงั้น......ลองดึงเธอออกมาดูไหมครับ หากได้รับบาดแผลต้องรักษา อย่าเสียเวลาอยู่เลยครับ”

“หน้าเป็นแผล?” ภาพโดนตบในคืนฝนตกนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของเซียวเซิ่ง เขาตกใจไปทันที ตอนนั้นเขาฟิวส์ขาดไป ไม่ได้กะแรงตอนลงมือ กระดูกของเธอเปราะบาง ผิวก็เป็นแผลได้ง่าย หรือว่าจะทำให้เสียโฉมไป?

“เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เงยหน้า”

“ฉันจะนับถอยหลังแค่สาม เงยหน้าขึ้นมา!” น้ำเสียงดุขึ้น

“เสี่ยวเนี่ยน......คำพูดฉันมันไม่มีประโยชน์ใช่ไหม?” และแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลง เซียวเซิ่งดันหน้าผากของเธอออก แต่เธอกลับกอดแน่นกว่าเดิม และไม่ยอมพูดอะไร ช่างน่ากลุ้มใจนัก

“แกสองคนมาดึงเธอออก”

โอเล่ย์ทนไม่ไหวมานานแล้ว เขาดึงพ่อบ้านเซี่ยเดินไปอย่างห้าวหาญและมีชีวิตชีวา เข้าไปล็อกแขนของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแล้วดึงออก

“ไม่ ไม่......” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย กอดเอวบางของเซียวเซิ่งไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ท่าทางอ่อนแอและพึ่งพิง ทำให้เซียวเซิ่งกังวลใจและปวดใจมาก “ปล่อย ปล่อย......เอากีบเท้าของพวกแกออกไป!”

เขาพูดขึ้น ราวกับกลัวจะมีใครมาแย่งไป แล้วแขนสองข้างก็โอบกอดเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไว้แน่น ริมฝีปากบางๆประทับลงบนหัวของเธอ หลับตาลงอย่างปวดใจ

นี่มัน......โอเล่ย์และพ่อบ้านเซี่ยหมดคำจะพูด ทั้งคู่เก็บทรงอย่างรู้งาน เฮ้อ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ให้เจ้านายรับมือไปละกัน

“เสี่ยวเนี่ยน เป็นเด็กดีนะ ขอฉันดูหน่อย......เพราะคืนนั้นฉันลงมือหนักไปหรือ? ได้ ฉันไม่ดู งั้นไปทานอาหารเช้าก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกันละกัน......”

เซียวเซิ่งใจเย็นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปลอบโยนหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน แต่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่พูดใดๆ และไม่ร้องไห้ด้วย เธอเย็นชาไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆเลย ทำให้เซียวเซิ่งจับทางไม่ถูก ร้อนรนไปหมด

คู่แค้นตัวน้อยที่ทรมานคน ห้ามลงไม้ลงมือห้ามด่าทอ ห้ามเจ็บปวดห้ามเกลียดชัง ช่าง......ต่อต้านเสียจนทำอะไรไม่ได้เลย

เอียนหยู่โรวหาวแล้วเดินลงบันได นาทีที่เห็นเซียวเซิ่ง ก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง หันหลังคิดจะหนีไปซ่อน แต่ก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว พยายามควบคุมอารมณ์ไว้ ถ้าหากผิดปกติไป ด้วยความฉลาดเฉียบแหลม เขาจะต้องสงสัยทันทีแน่นอน......

เพราะฉะนั้น เอียนหยู่โรวจึงยกมุมปากขึ้นเผยรอยยิ้มออกมา แล้วเดินเข้าไปอย่างดีอกดีใจ “ที่รัก กลับมาแล้วหรือ”

เซียวเซิ่งไม่ได้ขานรับ เขาใจจดใจจ่อแต่กับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ไม่มีใครอยู่ในสายของเขาอีกเลย แยกจากกันไปหลายวัน คิดถึงทุกวินาที......

เอียนหยู่โรวที่ท่าทีเขินอาย รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตัวติดกับเซียวเซิ่งอย่างกับกาว ก็อยากจะสับเนื้อของเธอให้ละเอียดแล้วไปห่อเกี๊ยว แจกให้คนที่ชอบกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทุกคนได้ลองชิม

แต่ในตอนนี้เธอจำเป็นต้องพูดปกป้องกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “ถ้าอย่างนั้น ให้เธอกลับทานที่ห้องไหม หลังจากที่ถูกคุณลงไม้ลงมือ ตาก็บวมไปเลย มีผลกระทบต่อการมองเห็น ล้มตอนลงบันได จนเป็นแผลบนใบหน้า คงเสียโฉม ก็เลยไม่ยอมพบใครเลย พอฉันไปพูดด้วยความหวังดี เธอก็ทำร้ายฉัน......”

เอียนหยู่โรวพูดอย่างมีเหตุผล แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น

สามวันก่อนในคืนฝนตก กู้ฮ่าวหนิงทำตามแผน คนฝีมือดีหลายคนที่ถูกส่งมาในนามของสวี่เจียน เตรียมร่วมมือกับเอียนหยู่โรวเพื่อช่วยเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนออกมาด้วย แต่ยัยเด็กที่ไม่ได้เรื่องนี่ กลับไม่ยอมจากไปอย่างไม่บอกกล่าว ในตอนที่ดิ้นรน ได้ตกลงไปจากหน้าต่าง ทำให้บอดี้การ์ดที่ตระเวนตรวจการณ์ในตอนกลางคืนตื่นตระหนก แผนการจึงล้มเหลวไป

เอียนหยู่โรวเคาะหัวตัวเองอย่างหัวเสีย ดูเหมือนว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้ลืมสวี่เจียนไปแล้ว ไม่งั้นทำไมคืนนั้นถึงไม่หนีไป? แน่นอนว่าถ้าเปลี่ยนเป็นเธอเอง เธอก็ไม่ไป ต่อให้สวี่เจียนจะหล่อแค่ไหน จะไปหล่อเท่าเซียวเซิ่งได้ไงกัน? รูปลักษณ์หล่อขนาดนั้น

ไม่ว่าอย่างไรด้วยไอคิวของเอียนหยู่โรวนั้น ไม่มีทางเข้าใจได้ แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนฉลาดกว่า แต่ในความเป็นจริง ยัยนั่นก็ฉลาดหลักแหลมกว่าเธอ

“ต้องให้น้ำเกลือคุณเอี๋ยน” คุณหมอวิเคราะห์อาการของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนให้เซียวเซิ่งฟัง “ท่านดูสิครับในมุมปากของเธอมีหนองเลือด จำเป็นต้องละลายทิ้งให้เร็วที่สุด อีกอย่างที่หนักที่สุดคือคาง ฉันถึงกับสงสัยเลยว่าคุณเอี๋ยนตกไปในสวนดอกไม้หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะเป็นแผลแบบนี้ เหมือนถูกไม้กวาด......”

คุณหมอยังพูดไม่ทันจบ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็กวาดตามองไปอย่างเย็นยะเยือก ดวงตาของเซียวเซิ่งปรากฏประกายความอันตราย จ้องดวงตาของเธอไปครู่หนึ่ง แล้วปริปากถามขึ้น “หนาวมากหรือ?”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกดความหวาดกลัวเอาไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะพูดขึ้น “ใช่ ฉันหนาวมาก รู้สึกเหมือนตกลงไปในบ่อจระเข้เลย”

เซียวเซิ่ง “......”

“คุณชายเซียว ให้คุณเอี๋ยนทานอาหารก่อนดีกว่าครับ จากนั้นจึงจะให้น้ำเกลือได้” คุณหมอทำลายความอึดอัดนี้ลงอย่างเหมาะเจาะ รู้สึกว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแต่งงานกับเซียวเซิ่งแล้ว คำเปรียบเทียบบ่อจระเข้สามารถใช้ได้ทั้งชีวิตเลย

“อืม อีกยี่สิบนาทีค่อยมา”

“ครับ อย่าให้เธอทานอาหารที่มีวัตถุเจือปนและอาหารบำรุงกำลัง เพื่อไม่ให้มีรอยแผลเป็น” คุณหมอเตือนอย่างละเอียด

“ต่อให้เธอจะเสียโฉมฉันก็ชอบอยู่ดี” เซียวเซิ่งยกชามข้าวต้มขึ้นหน้านิ่ง ราวกับกำลังพูดเรื่องธรรมชาติที่ดูเป็นเรื่องธรรมดา

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาเกิดร้อนผ่าวขึ้นอย่างประหลาด เธอรีบลดนำขนตาหนาๆปิดลง เหมือนอยากปิดบังอะไรบางอย่าง แต่ใจกลับเต้นรัว โกหกตัวเองไม่ได้......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น