กลับถึงบ้าน
วันวิวาห์กล่อมเด็กน้อยเข้านอน แล้วกดโทรหาโมโมะ“โม ทำไมหนูกะทิถึงไม่รู้จักภาชิระกับภวิกา?”
เธอเล่าเหตุการณ์ในตอนหัวค่ำให้ฟังแบบสั้นๆ
โมโมะที่อยู่ปลายสายก็อึ้งไปด้วยเช่นกัน
“ไม่……ไม่หรอกมั้ง?นี่วิวาห์ เธออย่าตื่นตระหนกไป ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ หรือไม่จอมพลก็อาจไม่ได้บอกใครเรื่องที่เขามีลูกก็เป็นได้ ?”
“เธอลืมวันเกิดของฉันหรือไง จอมพลบอกเองว่าอาหญิงของเธอมารับลูกของเขาไป ? หรือบางที ที่ตระกูลจรัสพิบูรณ์ยังมีอาหญิงคนอื่นอีกงั้นเหรอ?!”
โมโมะสับสนขึ้นในทันที เรื่องนี้มันดูค่อนข้างมีพิรุธเหมือนกัน
วันวิวาห์มือกุมไปที่หน้าอก“โม เรื่องนี้มันแปลกประหลาด ฉันรู้สึกกังวลใจมาก รู้สึกเหมือน……”
“ไม่เป็นไรนะไม่เป็นไร มันยังไม่ได้รับการยืนยันเลย”
โมโมะปลอบเธออย่างไม่มั่นใจ“เธออย่าเพิ่งคิดมาก รอฉันตรวจสอบทุกอย่างก่อน ต่อให้จอมพลจะไม่ใช่น้าเล็กของภาชิระ เธอแต่งงานกับเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร คนคนนี้ภายนอกเหมือนจะเย็นชา แต่เขาก็ดีกับเธอมาก เธอดูบัตรเครดิตที่ไม่จำกัดวงเงินกับบัตรเงินเดือน เขาแทบไม่คิดก็ให้เธอเลย ไปทำงานที่ต่างเมืองยังไว้ใจฝากลูกสาวให้เธอดูแล เชื่อใจเธอมากนะ……”
“เชื่อใจแล้วจะมีประโยชน์อะไร!”
วันวิวาห์กัดฟันกร่อน แผดเสียงแผ่วเบา“เขาไม่ใช่น้าเล็กของภาชิระ ฉันแต่งงานกับเขาไปจะมีประโยชน์อะไร ?”
โมโมะยิ่งอยู่ไม่สุขมากขึ้นไปอีก
ในใจของวันวิวาห์สับสนอย่างมาก“ช่างมัน เธอรีบตรวจสอบให้ฉันด้วยแล้วกัน ”
กดวางสาย วันวิวาห์ก็ล้มตัวลงนอน
นอนไปได้แค่ครู่เดียว เสียงเคาะของประตูก็ดังขึ้น
“วันวิวาห์……”
เสียงอ่อนของเด็กน้อยดังขึ้นที่หน้าประตู
วันวิวาห์ดีดตัวลุกลงจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดประตู
เด็กน้อยทนไม่ไหวอีกต่อไป ใบหน้าซีดเซียว เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้ามือกุมไปที่ท้องและนั่งร้องไห้“……หนูปวดท้อง”
วิญญาณของวันวิวาห์แทบหลุด“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
ไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ช้อนร่างของเด็กน้อยขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไป
วิ่งออกพ้นจากบานประตูอย่างตื่นตระหนก ชายชุดดำสองคนก็ปรี่เข้าหา“ เกิดอะไรขึ้น?”
ขณะที่พูดก็พลางเดินเข้ามาจะรับตัวเด็กน้อย
วันวิวาห์ก้าวถอยหลังอย่างระแวดระวัง
หนูกะทิที่โรยแรงอยู่ในอ้อมแขนก็ดึงไปที่เสื้อของเธอ “พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดที่ตาพลให้มาดูแล”
รถยนต์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามา
บอดี้การ์ดเปิดประตูรถ“ขึ้นไปเร็ว”
วันวิวาห์ไม่คิดอะไรอีก อุ้มร่างของเด็กน้อยแล้วขึ้นรถ
รถยนต์เคลื่อนตัวออกไป
วันวิวาห์ฟังบอดี้การ์ดโทรหาโรงพยาบาลและหมออย่างสงบนิ่ง จิตใจที่วุ่นวายก็จึงค่อยๆสงบลง
เธอปลอบหนูกะทิที่กำลังร้องไห้เพราะรู้สึกไม่สบาย ภายในใจมีความประหลาดใจและวิตกกังวลท่วมท้น
จอมพลเป็นใครกัน?!
บอดี้การ์ดได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เตรียมความพร้อมอยู่ตลอด24ชั่วโมง รถที่ขับก็เป็นรถโรลส์-รอยซ์ ไม่ใช่รถพราโด้ที่เธอเคยเห็นอยู่บ่อยๆ
สิ่งเหล่านี้ ไม่มีสิ่งไหนที่จะเชื่อมเธอกับจอมพลที่เธอรู้จักเข้าด้วยกันได้
……
ถึงโรงพยาบาล แผนกฉุกเฉินก็เปิดช่องทางสีเขียว
กวินทร์นำทีมอาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญรออยู่ที่ห้องฉุกเฉินด้วยตนเอง ทันทีที่คนมาถึง ก็ส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที
วันวิวาห์ถูกกันตัวอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งกังวลและสับสน
นี่ตัวเองแต่งงานกับใครกันแน่?!
ต่อให้เขาจะเป็นหมอในโรงพยาบาลนี้ และเป็นเพื่อนกับกวินทร์ และกวินทร์ก็เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาล กับแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เขามีอำนาจอะไรให้โรงพยาบาลเปิดช่องทางสีเขียวให้ลูกของเขา และให้แพทย์ผู้ชำนาญการประหนึ่งเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรง จนเกิดความโกลาหลแบบนี้ ?
ทั้งหมดนี้กำลังอธิบายความเป็นไปได้เพียงสิ่งเดียวว่า——จอมพลคนนี้ไม่ใช่น้าเล็กของภาชิระที่เธอต้องการจะแต่งงานด้วย !
เขาหยิบแฟ้มรายงานข้อมูลผู้ป่วยที่ข้างเตียงมาดู ยิ่งดูคิ้วก็ยิ่งขมวดมากขึ้นเรื่อยๆ
วันวิวาห์ที่โทษตัวเองอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก“หมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบเฉียบพลัน……ฉันไม่ควรพาเธอไปกินหม้อไฟเลย ฉัน…”
“พูดจบหรือยัง!”
จอมพลช้อนตาขึ้นมองอย่างเย็นชา“ พูดจบแล้วก็ไสหัวไป!”
วันวิวาห์ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่“จอมพล……”
“ตอนผมไปคุณรับปากกับผมไว้ว่ายังไง ? ผ่านไปแค่วันเดียว คุณก็ทำเอาเธอต้องเข้าโรงพยาบาล วันวิวาห์ เธอไม่ใช่ลูกของคุณ คุณก็จึงไม่สนใจดูแล ไม่ให้ความสำคัญ ? เธออายุเท่าไร คุณถึงกล้าพาเธอไปกินหม้อไฟได้ แล้วต่อไปจะทำเรื่องอะไรได้อีก ?”
ใบหน้าที่เหนื่อยล้าของวันวิวาห์ซีดเซียว
ดวงตาเธอแดงก่ำอย่างเศร้าเสียใจ “ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนั้น”
“คุณไปซะ อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก!”จอมพลพูดไล่อย่างเย็นชา
สีหน้าของวันวิวาห์ก็ซีดเผือดหนักมากขึ้นไปอีก
เธอเม้มปากแน่น จากนั้นก็หันหลังให้อย่างเงียบๆ แล้วเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
ประตูห้องคนป่วยถูกปิดลง
วันวิวาห์มองร่างของเด็กน้อยที่ยังคงนอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงคนป่วยผ่านบานกระจกของประตู
ครั้งนี้เด็กน้อยเป็นเอามาก จากแก้มที่อวบอิ่มแค่ชั่วข้ามคืนก็ซูบลงไปอย่างเห็นได้ชัด บีบคั้นหัวใจของผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
“กะทิ ขอโทษ”เธอพูดขอโทษเสียงเบาก่อนจะเดินออกไป
มองดูวันวิวาห์เดินจากไป กวินทร์ก็ถึงได้เข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
“พี่พล อย่าโทษพี่สะใภ้เธอเลย อย่างแรกคือเธอไม่เคยมีลูกมาก่อน อย่างที่สองเธอไม่เคยเลี้ยงเด็ก จะไปรู้ได้ยังไงว่ากระเพาะอาหารของเด็กนั้นบอบบางแค่ไหน ? บวกกับสุขภาพร่างกายของกะทิก็ไม่เหมือนคนปรกติทั่วไป พี่สะใภ้กับพวกพี่ก็ไม่ได้มีเวลาเรียนรู้กันมากพอ ไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องที่พอให้อภัยกันได้”
จอมพลหลุบตาลงด้วยความโกรธ“คนปกติทั่วไปก็น่าจะรู้ว่าเด็กตัวเล็กขนาดนี้กินอาหารรสจัดไม่ได้ เธอเรียบจบตั้งปริญญาโทนะ แค่ความรู้ทั่วไปแค่นี้ก็ยังไม่รู้เลยหรือยังไง?”
กวินทร์ไม่ได้พูดตอบ
จอมพลระบายอารมณ์ใส่เขา“ หากกะทิเป็นลูกสาวของเธอ เธอยังจะกล้าทำแบบนี้ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ