เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ นิยาย บท 46

กวินทร์มองไปยังกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ข้างหลัง

ทุกคนต่างพากันส่ายหัว

แผนการรักษาของพวกเขาสามารถคิดค้นได้หลายร้อยวิธี มูลเหตุสำคัญอันดับแรกตัวยาต้องมีประสิทธิภาพ

อาการดื้อยานี้ทำลายแผนการรักษาทั้งหมดที่มีจนสิ้น

“คนไข้ตัวน้อยไม่ตอบสนองกับยา นั้นก็หมายความว่าไม่ว่าจะกินหรือฉีดยาอะไรก็ไม่เกิดผล กรณีแบบนี้ ทำได้เพียงใช้ยาต้าน……”

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด มีเพียงเสียงติ๊ดๆของเครื่องวัดเท่านั้นที่ดังอยู่

ดีที่หลังจากที่หนูกะทิอาเจียนเป็นเลือดออกมาแล้วก็ทุเลาลง แล้วทำการตรวจอีกรอบ บันทึกข้อมูลต่างๆแสดงให้เห็นว่าอาการคงที่ หัวใจที่วูบไหวของทุกคนก็ถึงได้สงบลงได้

ด้านนอกท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว จอมพลคลึงไปที่หว่างคิ้วอย่างเหนื่อยล้า“พวกคุณไม่จำเป็นต้องมาเฝ้ากันอยู่ที่นี่หรอก เลิกงานไปเถอะ”

ทุกคนต่างถอนหายใจกันอย่างโล่งอก และออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

กวินทร์นั่งอยู่ข้างๆ พูดเสียงแผ่วเบา“เรื่องที่กะทิดื้อยา บางทีอาจจะต้องลองสกัดแอนติบอดีจากเลือดของแม่หรือไม่ก็ลองสกัดแอนติบอดีเลือดจากสายสะดือ”

เขาถามอย่างระแวดระวังว่า“แม่ของเธอ……ยังได้ข่าวอยู่ไหม?”

อาการของหนูกะทิ ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศคิดหามาแล้วทุกวิธี ก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเสนอมาแนวคิดหนึ่ง ว่าอาจจะใช้เลือดจากคนในครอบครัว หรือลองสกัดแอนติบอดีเลือดจากสายสะดือ

แต่กรุปเลือดของจอมพลไม่เข้ากัน และแม่ของหนูกะทิก็เป็นปริศนามาตลอด

หาตัวแม่ไม่เจอ เลือดจากสายสะดือก็คงไม่ต้องพูดถึง

ใบหน้าของจอมพลเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง“คนตายไปแล้ว ให้ฉันไปขุดมาจากหลุมหรือไง ?”

กวินทร์“……”

เขาครุ่นคิดในคำพูดนี้“อันที่จริง ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นแม่เท่านั้น หากรู้ตัวตนของเธอ ก็ดูจากเลือดของคนในครอบครัวว่าจะสามารถใช้แทนกันได้ไหม แล้วเอาไปลองดูก็ได้เหมือนกัน ”

ใบหน้าของจอมพลอึดอัดอย่างมาก“กรุ๊ปเลือดRH negativeเดิมทีก็หายากอยู่แล้ว ต่อให้หาจนเจอ นายคิดว่าทั้งครอบครัวเธอจะมีคนกรุ๊ปเลือดRH negativeทั้งหมดหรือไง?”

หากมีครอบครัวแบบนี้จริง คงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว

กวินทร์เกาไปที่จมูกอย่างกระดากอาย

มองดูเด็กน้อยที่ทุกข์ทรมานอยู่บนเตียงอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความทุกข์ระทม

ภายในห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง

กวินทร์นึกถึงข้อความที่วันวิวาห์ส่งมาให้ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วรีบตอบกลับไปหาเธอ

【ไม่ค่อยดีเท่าไร เมื่อครู่ก็เพิ่งอาเจียนเป็นเลือด อาการของเธอค่อนข้างพิเศษ ใช้ยาอะไรก็ไม่เป็นผล แม้อาการทั่วไปไม่อันตรายถึงชีวิต แต่จะป่วยไม่ได้อย่างเด็ดขาด】

หากป่วยขึ้นมา ก็จะยิ่งเปราะบางมากขึ้นไปอีก

คำพูดนี้อาจจะเกินจริงไปบ้าง แต่มันคือเรื่องจริง

วันวิวาห์ที่รอข้อความตอบกลับอยู่นานก็อยู่ไม่สุข แต่แล้วข้อความของกวินทร์ก็ส่งเข้ามา

เธอรีบเปิดดู พอเห็นเท่านั้นหัวใจก็หล่นไปที่ตาตุ่ม

ไม่แปลกใจเลยที่จอมพลจะโมโหขนาดนั้น

วันวิวาห์ไม่สนใจกับความผิดปรกติใดๆอีก กดโทรหากวินทร์ทันที

ในห้องพักผู้ป่วย

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กวินทร์เหลือบมองไปยังจอมพล แล้วกดตัดสาย

เขาหาช่องทางการแชทของวันวิวาห์ออกมา【ไม่สะดวกรับสาย ไว้เจอกันแล้วจะเล่าให้ฟัง 】

【โอเค】

จอมพลไม่มีทางอยู่ห่างหนูกะทิ เจ้าตัวเล็กอาการไม่ดี กวินทร์ก็ไม่กล้าไปไหน

เขาล้มตัวลงอย่างยอมรับชะตากรรมที่โซฟานอกห้อง ค้นหาเบอร์ผู้เชี่ยวชาญที่เมืองนอกที่เคยปรึกษามาก่อนหน้า ถามเรื่องความคืบหน้าของงานวิจัยการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดและรักษาอาการดื้อยา

หลังจากที่พูดคุยจบก็เก็บมือถือเข้าที่ กำลังจะหลับตาลง สายตากวาดมองไปยังประตู เห็นช่องของประตูมีเงาผาดผ่าน แล้วหายวับไป

กวินทร์ชะงัก หยัดกายลุกขึ้น และเปิดประตูออกทันที

หลังจากที่กวินทร์ยื่นน้ำอุ่นไปให้ ก็กดโทรหาคนขับรถ “ขับรถมาที่ใต้ตึกของอาคารผู้ป่วย แล้วไปส่งใครคนหนึ่งให้ผมที ”

“คุณชายกวินทร์ ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้……”

“ตีสี่แล้ว ต่อให้จะหารถได้ ผมก็ไม่กล้าปล่อยให้พี่กลับไปเองคนเดียวหรอก ”

วันวิวาห์ไม่ได้พูดอะไรอีก

กวินทร์นั่งลงตรงข้ามเธอ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ พี่พลไม่ใช่คนเมืองนราวัณ อันนี้พี่รู้ใช่ไหม?”

วันวิวาห์“……”

เธอแทบจะบ้า

หากไม่ใช่เพราะหนูกะทิป่วย เธอก็คงยังไม่รู้ว่าจอมพลคนนี้ไม่ใช่“จอมพล”คนนั้น!

กวินทร์นึกว่าเธอรู้ ก็จึงไม่ได้คิดอะไรมาก

“ร่างกายกะทิไม่เหมือนคนทั่วไป ต่อต้านยา ยาที่มีส่วนผสมเหมือนกัน การดูดซึมของคนอื่นสามารถทำได้80% แต่กับกะทิจะมีผลแค่3%—4%เท่านั้น หรือไม่ได้เลย เด็กยังเล็กมาก เพิ่มปริมาณไม่ได้ ดังนั้นพี่พลก็ถึงได้โกรธพี่มาก บ้านเขาอยู่เมืองโตตู สถานการณ์ที่โน่นค่อนข้างที่จะซับซ้อน กะทิไม่มีแม่มาตั้งแต่เด็ก มีครั้งหนึ่งพี่พลไปทำงานที่อื่น เด็กถูกทำร้ายที่บ้าน ตอนนั้นเสียเลือดมากจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด……”

วันวิวาห์นั่งฟัง หัวใจก็หวิวไปด้วย และเกือบจะหยุดเต้น

เธอกำผ้าห่มบนตัวแน่น ตัวเกร็งจนอึดอัดไปทั้งร่าง “แล้วจากนั้นล่ะ……”

“ต่อมาเด็กก็หายดีขึ้น พี่พลก็เลยพาเธอมาที่เมืองนราวัณ ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ดูแลลูกเอง ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใคร”

วันวิวาห์รู้สึกผิดมากจนอยากจะทุบตีตัวเอง

ตอนที่จอมพลฝากลูกเอาไว้กับเธอ เขาเชื่อใจเธอมากแค่ไหนกัน

แต่ดูสิ่งที่เธอทำ?!

วันวิวาห์ถามต่อว่า“งั้นอาการป่วยของกะทิ ทำอะไรไม่ได้แล้วเหรอ?”

กวินทร์ส่ายหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความจนใจ “ตอนนี้ยังไม่ได้ ทำได้แค่ปรับภูมิคุ้มกันของเด็ก อย่าบาดเจ็บอะไรอีก ไม่ว่าจะปวดหัวเป็นไข้หรืออะไรก็ตาม ทำได้แค่อดทน ที่ผ่านมา พี่ดูแลเอาใจใส่กะทิมาเป็นอย่างดี พี่พลก็รู้ก็เห็น ดังนั้นก็จึงกล้าฝากลูกไว้ให้พี่ช่วยดูแล……”

แม้วันวิวาห์จะพอคิดได้ แต่การได้ยินเองกับหูนั้นก็น่าตกใจกว่ามาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ