ดวงตาของจีรวรรณมองมาอย่างเหยียดๆ แต่น้ำเสียงที่ออกมานั้นกลับดูอบอุ่น : “ฉันสามารถเรียกเธอว่าวิวาห์ได้ไหม?”
“ตามสบายเลยค่ะคุณน้า”
“วิวาห์ น้าเป็นพวกไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จะพูดออกมาตรงๆ วันนี้ที่มารบกวนก็เพียงเพราะเรื่องเดียว คือขอให้เธอออกห่างจากจอมพลซะ!”
ตรงไปตรงมามากจริงๆ
มุมปากของวันวิวาห์กระตุกขึ้นเบาๆ นิ้วมือทั้งห้าที่วางอยู่บนขานั้นรวบเข้าหากันอย่างเงียบๆ
จีรวรรณยิ้มออกมาบางๆอย่างสง่างาม แล้วเอ่ยพูดต่อ : “แน่นอนว่า ฉันไม่ได้บอกว่าเธอไม่ดี ในทางกลับกัน เธอดีมาก มีความสามารถมาก แล้วก็สวยมากด้วย ฉันประทับใจในตัวเธอมาก เพียงแต่เธอกับจอมพลเธอสองคนอยู่กันคนละโลก พวกเธอสองคนไม่เหมาะสมกัน จอมพลเกิดในตระกูลจรัสพิบูรณ์ที่เมืองหลวง ในสถานที่ที่มีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งว่าจะอยู่รอดแบบนั้น ภรรยาของเขา จำเป็นที่จะต้องมีเบื้องหลังฐานะทางครอบครัวที่แข็งแกร่งพอ เป็นผู้หญิงที่จะสามารถช่วยกิจการเขาได้”
อีกความหมายหนึ่งก็คือ เธอวันวิวาห์ไม่ใช่เลย
“ขอบคุณที่คุณน้าให้ความสำคัญกับฉันนะคะ”วันวิวาห์ตอบกลับอย่างมีมารยาท
แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนคลื่นที่โหมซัดสาดขยายเป็นวงกว้างออกไป
ครอบครัวของจอมพล คือตระกูลจรัสพิบูรณ์ที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองหลวงจริงๆอย่างนั้นหรือ?
จีรวรรณยกริมฝีปากขึ้นอย่างเหยียดๆ : “สถานการณ์ของเธอ ฉันเองก็พอเข้าใจมานิดหน่อยแล้ว ช่วงสองสามวันก่อนจอมพลรับซื้อกิจการทั้งหมดที่อยู่ในนามของโสธรณาลัยกรุ๊ปใช่ไหม? น้าไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเธอก็อยู่กับเขามา ในเมื่อเขาเอาโสธรณาลัยกรุ๊ปให้เธอ เธอก็รับไว้แล้วกัน ถือว่าเป็นค่าเลิกรากัน แล้วก็จะได้ไม่นับว่าเอาเปรียบเธอด้วย”
วันวิวาห์ไม่ได้พูดออกมา
จีรวรรณแววตาเย็นชา ยกกาแฟขึ้นมาจิบอย่างไม่ใส่ใจนัก : “ถ้าหากเธอจริงใจกับจอมพล ก็ไปจากเขาซะ อย่ามาคอยถ่วงเขาอยู่เลย นับว่าฉันในฐานะที่เป็นแม่มาขอร้องเธอแทนเขาแล้วกัน แน่นอนว่าถ้าหากเธอไม่พอใจกับค่าเลิกรา ก็สามารถเสนอมาได้ อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม เพิ่มอีกซักหน่อยฉันเองก็สามารถรับได้เหมือนกัน”
หัวใจของวันวิวาห์นั้นเหมือนกับถูกคนเอามีดมาเสียบเอาไว้
ช่างเป็นการดูถูกกันเสียจริงๆ
ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองที่ถูกคนอิจฉาว่าเป็นลูกสาวตระกูลที่ร่ำรวยมาตลอดนั้น จะมีวันที่ถูกคนอื่นมาใช้เงินทำให้จากไปอย่างวันนี้ด้วย
ในใจนั้นว่างเปล่า รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย รู้สึกแย่ และยังมีความรู้สึกอิจฉาอีกด้วย
เธอนับถือกับแม่ที่คิดวางแผนเพื่อลูก และยืนหยัดในจุดยืนของตัวเอง
กลั้นใจ แววตาของวันวิวาห์มีรอยยิ้มทั้งยังมองผู้หญิงที่สง่างามตรงข้ามอย่างมุ่งมั่น : “จอมพลโชคดีมาก ที่มีคุณน้าเป็นแม่แบบนี้ เพียงแต่คุณน้าคะ มีจุดหนึ่งที่ฉันคิดว่าคุณน้าอาจจะเข้าใจผิด ฉันไม่เข้าใจว่าจอมพลมีสถานะอะไร ในอดีตก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็ไม่ชัดเจนด้วย และในอนาคตก็ไม่ได้สนใจที่จะไปทำความเข้าใจอะไร ฉันกับเขา ตอนเริ่มต้นไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเข้าใจกันแล้วถึงได้สารภาพรักกัน หลังจากที่คบกันแล้วถึงได้พบว่านี่เป็นสิ่งที่เรารับรู้กันอยู่เพียงสองฝ่าย เขาเป็นคนดีมากจริงๆ มีเสน่ห์มาก จะบอกว่าไม่หวั่นไหวก็คงจะเป็นไปไม่ได้......ตอนแรกฉันอาจจะเห็นเขาหน้าตาดีแล้วอยากมีความสัมพันธ์ด้วย แต่ตอนนี้ฉันชอบเขาจากใจจริง ตรงจุดนี้ฉันไม่อยากจะปฏิเสธค่ะ”
วันวิวาห์เอ่ยพูดขึ้นอย่างจริงจัง : “ฉันไม่สามารถพูดเรื่องหย่ากับจอมพลได้ แต่ถ้าหากเขาตัดสินใจว่าจะหย่ากับฉัน ฉันจะไม่มาพัวพันอีกอย่างเด็ดขาด ขอโทษนะคะที่ไม่สามารถให้คำตอบอย่างที่คุณน้าต้องการได้”
เธอยืนขึ้นแล้วโค้งตัวลงเล็กน้อย หันหลังกลับกำลังจะออกไปนั้น ก็เห็นชายหนุ่มที่กำลังเดินมาทางพวกเธอ
จอมพลจับมือเธอเอาไว้ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ : “คุยเสร็จแล้วเหรอ?”
วันวิวาห์มองเขาอย่างอึ้งๆ แล้วพยักหน้าลง
เขา.....มาตั้งแต่เมื่อไหร่ คำพูดเมื่อครู่นี้ได้ยินหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?
มุมปากชายหนุ่มยกขึ้นบางๆ : “คุยเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ กะทิยังรออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลนะ”
ไม่รอให้เธอตอบรับ ก็จูงมือเธอเดินออกไปทางด้านนอก โดยไม่ได้หันไปมองมารดาของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
“ปึง!”
จีรวรรณวางแก้วกาแฟลงด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม : “จอมพล ท่าทางแบบนี้คืออะไร?”
จอมพลเหลือบมองทางวีระอย่างนิ่งๆ โดยไม่ได้หยุดเดิน จูงมือวันวิวาห์ออกไปจากร้านกาแฟ
จีรวรรณรู้สึกโมโหมาก : “จอมพล!”
วีระรีบเข้าไปดับไฟความโมโหนี้ : “คุณผู้หญิงอย่าโมโหไปเลยครับ นายรีบไปรับคุณหนูกะทิ มีอะไรเรากลับไปคุยกันที่บ้าน.....”
ออกจากร้านกาแฟ วันวิวาห์ดึงมือออกมา : “คุณไปทำงานเถอะค่ะ กะทิเดี๋ยวฉันไปรับเองก็ได้”
ว่าแล้วก็จะขึ้นรถไป
“ผมเสียสละอะไร?”
จอมพลย้อนถามมารดา ใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นชามีความเคร่งขรึม : “ผมจำได้ว่าผมเคยบอกไปแล้ว ว่าขอให้แม่ไม่ต้องยื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องส่วนตัวของผม!”
จีรวรรณเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง : “ฉันไม่สน? จะให้ฉันมองดูแกถูกพวกเพื่อนพี่น้องที่โหดเหี้ยมพวกนั้นไล่แกออกจากบ้านไปใช่ไหม?”
รู้สึกตัวว่าตัวเองลืมตัวไปเล็กน้อยแล้ว เธอจึงผ่อนน้ำเสียงลง : “ถ้าหากแกชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ จะเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”
สีหน้าแววตาของจอมพลนั้นเย็นชามาก อารมณ์ครุกรุ่นอยู่ในดวงตา : “เหมือนกับแม่อย่างนั้นเหรอ?”
ถูกลูกชายเปิดเผยจุดอ่อนต่อหน้าคนอื่น จีรวรรณก็โมโหขึ้นมา : “จอมพล!”
“ผมจะพูดอีกครั้ง ว่าอย่ายื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องความรู้สึกของผม วันแบบนี้ ผมกับแม่ผ่านกันมาพอแล้ว ผมจะไม่มีทางให้ลูกของผมต้องมาซ้ำรอยเดิมอีกเด็ดขาด”
จีรวรรณโมโหเสียจนหน้าอกขึ้นลงอย่างรุนแรง ขอบตาแดงก่ำ
“แกโทษฉัน? โทษว่าฉันไม่ให้ฐานะทางสังคมดีๆกับแกใช่ไหม?”
จอมพลหลับตาลง : “เปล่านี่ครับ”
“แกคิด!”
อากาศระหว่างทั้งสองคนนั้นเกาะรวมตัวกัน
น้ำตาคลออยู่ในดวงตาของจีรวรรณ : “ฉันรู้ว่าแกโทษฉัน โทษฉัน.....เป็นเพราะแบบนี้ ฉันถึงได้อยากจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ไง จอมพล แม่ไม่ได้อยากบีบบังคับแก ฉันกลัวว่าแม่จะรอได้ไม่ถึงวันนั้น”
เธอหยิบประวัติโรคออกมาเปิดออก แล้วยื่นไปตรงหน้าจอมพล
“เห็นแล้วใช่ไหม? โรคซึมเศร้า! จอมพล แม่ใกล้จะรับไม่ไหวแล้ว หลายปีมานี้ แม่นอนไม่หลับทุกคืน กังวลว่าพวกเขาจะทำอะไรแก กลัวว่าแกจะถูกพ่อแกทิ้ง ในอนาคตตระกูลจรัสพิบูรณ์ไม่มีที่ยืน....ลูกชายที่โดดเด่นขนาดนั้นของแม่ จะถูกคนอื่นมาเหยียบย่ำได้อย่างไร?”
น้ำตาไหลลงมา เธอเอ่ยพูดขึ้น : “แม่กลัวว่าวันไหนที่ความสามารถในการแบกรับของตัวเองพังทลายลง แล้วจู่ๆอาการกำเริบเสพยากระโดดตึกอะไรแบบนั้นขึ้นมา แล้วทิ้งแกให้อยู่สู้ต่อบนโลกนี้เพียงลำพัง ถึงตอนนั้นแล้วควรจะทำยังไง......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ