หลังจากที่ออกจากร้านกาแฟรสิกาก็ตรงกลับบ้าน สีหน้าของเธอเยือกเย็น ขมวดคิ้วแน่น
เมื่อเจอกับนันท์นรีในวันนี้ การต่อสู้ระหว่างพวกเธอสองคนก็ถือว่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
นันท์นรีไม่ใช่คนใจกว้าง หล่อนย่อมก็ไม่มีทางปล่อยรสิกาไว้ ประกอบกับว่าข้างกายยังมีชรรินค่อยยุยงให้ผิดใจกันตลอดเวลา รสิการู้สึกว่าสถานการณ์ต่อไปของตัวเองจะยิ่งอยู่ยิ่งยากลำบากมากขึ้น
แต่จะทำยังไงได้ นี่เป็นผลที่ตัวเธอเองก่อขึ้นมา
ถ้าหากตอนนั้นไม่ได้ขึ้นลิฟต์รอบเดียวกันกับถนิตในโรงแรม ไม่แน่ตอนนี้ก็ไม่มีทางเกิดเรื่องราวมากมายขนาดนี้ขึ้นได้
แต่บนโลกใบนี้ ไม่มีคำว่าถ้าหาก
รสิกาออกมาจากลิฟต์ด้วยอารมณ์หดหู่ ตอนที่กำลังจะหยิบกุญแจเปิดประตู จู่ๆข้างหลังก็มีเสียงเปิดประตูเบาๆดังมา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เธอหันกลับไปโดยไม่รู้ตัว ยังคิดว่าถนิตกลับมา ผลปรากฏว่ากลับเห็นนีรชายืนอยู่หน้าประตู
นีรชามองเห็นเธอก็เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างแปลกใจ แต่ว่าหลังจากที่แปลกใจใบหน้าก็กลับมาใบไร้ความรู้สึก: "เธอก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?"
รสิกาเก็บความรู้สึกประหลาดใจของตัวเอง และพยักหน้า: "อือ"
นีรชากอดอก มองดูเธอด้วยความสงสัย: "เธอคงไม่ใช่ว่าตั้งใจตามมาเพราะว่าพี่ชายของฉันอยู่ที่นี่หรอกนะ"
ไม่ว่าเป็นใคร รู้ว่ารสิกาอาศัยอยู่ตรงข้ามบ้านของถนิต น่าจะคิดแบบนี้ ดังนั้นนีรชาถามแบบนี้ก็สมเหตุสมผล
"ไม่ใช่"รสิกาปฏิเสธ"ฉันย้ายเข้ามาแล้วถึงได้รู้ว่าเขาก็พักอยู่ที่นี่"
นีรชาไม่อยากเชื่อ เพียงแค่กระตุกริมฝีปากเล็กน้อย: "พวกเธอพักใกล้กันขนาดนี้ สะดวกมากเลยนะ"เยาะเย้ยเป็นอย่างมาก
อย่ามองว่านีรชาเป็นแค่เด็กสาวอายุยี่สิบต้นๆ แต่ตอนที่พูดขึ้นมาทำร้ายจิตใจมากกว่าผู้ใหญ่คนอื่นๆ
รสิกาเห็นว่าหล่อนอายุก็น้อยกว่าตัวเองมาก ไม่ถือสาหล่อน: "แล้วแต่เธอจะคิดยังไง"หลังจากทิ้งท้ายประโยคนี้ ก็เปิดประตูบ้านของตัวเองในทันที จากนั้นเดินเข้าไป ปิดประตู และปิดกั้นนีรชาอยู่ข้างนอก
กลับถึงบ้านของตัวเอง รสิกาถึงได้ถอนกายใจยาวๆด้วยความโล่งอก
เธอยืนอยู่ที่ทางเดินสักพัก จนกระทั่งเริ่มปวดเมื่อยขาถึงได้ค่อยๆเดินเข้าไปข้างใน
ฟ้าก็มืดแล้ว เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย ตอนที่กำลังจะไปทำอะไรกินที่ห้องครัวของตัวเอง เสียงเคาะประตูก็ดังมาจากทางเดิน
รสิกานิ่งอึ้ง ในเวลานี้ ใครกันที่จะมาเคาะประตูได้?
เธอเดินไปที่ทางเดิน มองผ่านตาส่องประตูไปที่ข้างนอกแวบหนึ่ง กลับเห็นนีรชา
นีรชามาทำไม? หรือว่ายังอยากพูดเหมือนกับที่นันท์นรีพูดงั้นเหรอ? ก็อยากถามว่าเธอกับถนิตเป็นอะไรกันแน่เหรอ?
แม้ว่าในใจของรสิกาค่อนข้างรำคาญ ไม่อยากเปิดประตู แต่คนที่เคาะประตูอยู่ข้างนอกคือนีรชา ทำอะไรไม่ได้ เธอทำได้เพียงเปิดประตู
"เธอมีอะไรหรือเปล่า?"
"บ้านของเธอมีอะไรให้กินมั้ย?"คาดไม่ถึงว่าประโยคแรกที่นีรชาพูดออกมาคือเรื่องนี้ ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอ่อนหวาน แตกต่างกับก่อนหน้านี้เป็นคนละคน
รสิกามองดูจนกระตุกมุมปาก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
สมกับที่เป็นพี่น้องกันนะ นีรชากับถนิตทำไมชอบมาทานข้าวฟรีที่บ้านของเธอ?
"มีก็มีอยู่......"รสิกาจ้องมองเธอครู่หนึ่ง"เธอจะกินได้เหรอ?"
ไม่ได้ประชดประชัน แต่เพียงแค่ถามอย่างเดียวเท่านั้นเอง
ในเมื่อนีรชาเป็นน้องสาวของถนิต ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเติบโตมาอย่างอยู่ดีกินดี และมีอาหารเลิศหรูมาตั้งแต่เด็ก
"เหลวไหล"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ น้ำเสียงของถนิตเอาจริงเอาจังเล็กน้อย
นีรชาหัวเราะเบาๆ: "สบายใจได้ ฉันไม่ได้เหลวไหลเลย"
พูดแบบนี้ แต่รอยยิ้มของเธอกลับเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
หลังจากที่วางสาย นีรชาเห็นกระดานวาดภาพของรสิกาวางอยู่บนโต๊ะกาแฟ ลังเลสักพัก เธอก็ถามรสิกาที่อยู่ในครัวเสียงดังว่า: "ฉันจะดูกระดานวาดภาพของเธอได้มั้ย?"
"ได้"รสิกาตอบกลับอยู่ในห้องครัว
นีรชาถึงได้เอื้อมมาหยิบไป จากนั้นก็เปิดดู
การออกแบบบนกระดานวาดภาพปรากฏขึ้นในสายตา นีรชามองดูจนดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาในทันที แม้ว่าเธอไม่เข้าใจสายงานการออกแบบ แต่ก็สามารถมองออกทุกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆจากการออกแบบได้ว่า รสิกามีพรสวรรค์ในด้านนี้มากจริงๆ
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นแค่ภาพสเก็ตช์ แต่นีรชารู้สึกว่า เสื้อผ้าบนภาพวาดการออกแบบเหล่านี้ถูกทำออกมาจริงๆ จะต้องกลายเป็นสไตล์ยอดนิยมอย่างแน่นอน
ประกอบกับว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่นั้นก็มีรสนิยมเป็นอย่างมาก จู่ๆนีรชาก็รู้สึกว่า รสิกาเหมือนจะไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่ตัวเองคิดแบบนั้น
เมื่อเทียบกับนันท์นรี แม้ว่ารสิกาไม่ได้มีฐานะเหมือนกับหล่อน แต่ถนิตจะแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งไม่เพียงแค่ดูฐานะทางบ้านของอีกฝ่ายเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นรสิกามีงานเป็นของตัวเอง ทำจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ตัวเองก็เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ก็ไม่ได้แย่ไปกว่านันท์นารี
ข้อเสียอย่างเดียว......ก็คือรสิกาเคยหย่า
นีรชารู้ดีว่าคุณปู่มีความคิดหัวโบราณ ตราบใดที่เขายังอยู่ ไม่ว่าถนิตจะชอบรสิกามากแค่ไหน รสิกาก็ไม่มีทางได้แต่งเข้าตระกูลวัชรเดชานนท์อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นีรชาก็วางกระดานวาดภาพลง จากนั้นลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัว เธอพิงที่กรอบประตู มองดูแผ่นหลังของรสิกาที่กำลังยุ่งอยู่นั้น อดไม่ได้ที่เปล่งเสียงออกมา: "เฮ้อ"
รสิกาหันกลับมา มองดูนีรชาอย่างแปลกใจ: "มีอะไรเหรอ?"
นีรชากัดริมฝีปากล่าง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับลังเลใจ แต่สุดท้ายก็ถามขึ้นว่า: "ถ้าหากว่า คุณปู่ของฉันไม่ชอบเธอ เธอจะเลิกกับพี่ชายของฉันมั้ย?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฝากแผลไว้ในใจคุณ