ตอนนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้น ผู้คนบนถนนจึงน้อยลงกว่าเดิมมาก หลิวลี่ซงยังคงยืนอยู่ที่ถนน ในมือถือใบปลิวที่ยังมิได้แจกออกไปเอาไว้
ซูหนานอีดึงมือหยุนจิ่งเดินตรงเข้าไป หลิวลี่ซงเดินตรงเข้ามาหากล่าวด้วยน้ำเสียงและแววตาอันโศกเศร้าว่า "คุณชาย คุณหนู โปรดช่วยข้าด้วยเถิด โปรดสละเวลาดูซักเล็กน้อย และช่วยเป็นหูเป็นตาให้แก่ข้าด้วย"
ซูหนานอีรับแผ่นกระดาษที่เขายื่นมาให้ไปดู "ท่านช่างเป็นผู้ให้ความสำคัญแก่ความรักยิ่งนัก"
"นางและข้ามีความรักอันลึกซึ้งต่อกัน ข้าจะมิยอมแต่งงานกับผู้ใดถ้ามิใช่นาง" ดวงตาของหลิวลี่ซงเต็มไปด้วยความรัก แต่กลับสอดส่องไปที่ซูหนานอี
ซูหนานอีเพิกเฉยต่อดวงตาของเขา "แม่นางผู้นี้มีนามว่าไร?"
หลิวลี่ซงชะงักลงเล็กน้อยก่อนจะลังเลกล่าวว่า "ข้ามิสะดวกที่จะกล่าวชื่อของนางออกมาโดยตรง"
"หากเจ้าไม่บอกข้าแล้วจะหาเจอได้อย่างไร?" ซูหนานอีทำท่าทางสงสัยงุนงง "กล่าวเพียงว่าเป็นคุณหนูของตระกูลหลี่ แต่ที่นี่มีคนแซ่หลี่มากมายเหลือเกิน"
"ข้าหมายถึงคุณหนูตระกูลหลี่ค้าผ้าไหมที่ถนนหย่งติ้ง" หลิวลี่ซงรีบอธิบายอย่างเร่งร้อน
ซูหนานอีทำท่าทางตื่นตระหนก "อ้อ เป็นนางเองหรือ!"
"คุณหนูรู้จักนางงั้นหรือ?" ดวงตาของหลิวลี่ซงเป็นประกาย
ซูหนานอีมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา ดูเหมือนนางกำลังครุ่นคิด
หลิวลี่ซงจะปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไรเล่า เขาโค้งคำนับซูหนานอีก่อนจะร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนว่า "คุณหนู หากคุณหนูรู้ได้โปรดบอกแก่ข้าน้อยด้วย หากข้าน้อยหานางจนพบ รับรองว่าจะขอบพระคุณคุณหนูอย่างงาม"
ซูหนานอีเอี้ยวตัวหลีกการคารวะของเขา เมื่อมองไปทางซ้ายขวามิพบว่าไม่มีผู้ใดให้ความสนใจนางจึงได้กล่าวว่า "คุณชาย มิใช่ว่าข้ามิอยากบอก แต่แม่นางผู้นั้นกำชับเอาไว้ นางไม่อยากให้คนอื่นรู้"
"ข้ามิใช่คนอื่นใด ข้าคือคนรักของนางเอง" หลิวลี่ซงรีบกล่าวขึ้นอย่างเป็นกังวล
ซูหนานอีขมวดคิ้วเข้าหากัน คุณชายโปรดระวังคำกล่าวด้วย! แม่นางผู้นั้นมิเคยกล่าวว่านางมีคนรักแต่อย่างใด การที่ท่านกล่าวเช่นนี้เกรงว่าจะทำลายชื่อเสียงของนาง"
มิรอให้หลิวลี่ซงกล่าวสิ่งใดมากกว่านี้ นางก็ได้จูงมือหยุนจิ่งเดินจากไป
หลิวลี่ซงจะยอมปล่อยไปได้ง่ายได้หรือ เขารีบก้าวเข้ามาอีกสองเก้าอย่างรีบร้อนกล่าวว่า "เชิญคุณหนูหยุดก่อนขอรับ และโปรดชี้นำข้าด้วย"
เมื่อหยุนจิ่งเห็นว่าเขาตามตื๊อซูหนานอีมิหยุด ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นก็เคร่งขรึมลงเล็กน้อยแล้วก้าวเข้ามายืนขวางข้างหน้าซูหนานอี กล่าวว่า "เจ้าจะทำอะไร? อย่าได้มารบกวนเหนียงจื่อของข้า!"
หลิวลี่ซงถูกตกใจจนสะดุ้งและมิกล้าเดินหน้าต่อไป แต่ยังไม่อยากยอมแพ้ "ข้าหาได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด แต่หากหานางไม่พบ ข้าเองก็จิตใจร้อนรุ่มดุจไฟ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าเพียงต้องการจะพบหน้านางสักครั้ง อยากจะรู้ว่านางสบายดีหรือไม่ ขอคุณหนูโปรดเห็นใจข้าด้วย"
ซูหนานอีเย้ยหยันอยู่ในใจว่า เจ้ากินอิ่มและนอนหลับมีความสุขยิ่งต่างหากเล่า แต่นางก็ไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกนั้นออกมาบนใบหน้า "เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าคงมิอาจตัดสินใจแทนนางได้ แต่ข้าจะกลับไปถามนางดูหากนางยินดีตกลงข้าจะมาแจ้งเจ้า"
"ตกลง ตกลง! ขอบคุณคุณหนูยิ่งนัก" หลิวลี่ซงคำนับอีกครั้ง
เมื่อเขายืดหลังตรงขึ้นก็พบว่าซูหนานอีจูงมือหยุนจิ่งเดินจากไปเสียแล้ว
กว่าจะสืบเรื่องมาได้มิใช่เรื่องง่าย หลิวลี่ซงจะยอมแพ้ได้อย่างไร ดังนั้นจึงตามไปอย่างเงียบๆ
ไม่นานต่อมา หยุนจิ่งก็รู้ตัว "เหนียงจื่อ มีคนกำลังสะกดรอยตามเรามา"
ซูหนานอีคาดเดาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วจึงได้กระซิบว่า "จิ่งเอ้อร์อย่าหันหลังกลับไปมอง พวกเราเล่นเกมกับเขาสักหน่อยแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่อง อีกประเดี๋ยวเราจะหลอกเขาไปที่อื่นและต่อยเขาสักยก"
"ตกลง!" ดวงตาของหยุนจิ่งเป็นประกายแวววาว เกมนี้น่าจะสนุกมากทีเดียว
เมื่อเดินผ่านซอยเข้าไป แน่นอนว่าซูหนานอีจะไม่ยอมให้หลิวลี่ซงรู้ถึงเรื่องเรือนเล็กๆนั้นแน่ นางและหยุนจิ่งจึงได้หยุดฝีเท้าลง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกรอให้เขาเดินมาถึง
แต่หลิวลี่ซงจะรู้ได้อย่างไร เขาก้าวเท้าไปในตรอกนั้น ต่อมาหยุนจิ่งจึงใช้สันมือฟาดลงมาที่ท้ายทอยของเขา จนทำให้เขาสลบไปทันที
ซูหนานอีปรบมือและยกนิ้วให้แก่หยุนจิ่ง "จิ่งเอ้อร์ช่างน่าทึ่งจริง ไปกันเถิดเราแบกเข้าไป"
ที่นี่อยู่ไม่ห่างไกลกับเรือนเล็กนั้นเท่าไร อีกทั้งมีผู้คนอาศัยอยู่น้อยมาก ดังนั้นหยุนจิ่งจึงได้ลากคอของหลิวลี่ซงเข้าไปในเรือน
หวังซิงฮั่นเดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นซูหนานอีหนังอยู่ตรงหน้าเตียงและกำลังฝังเข็มให้แก่หลินซิ่วเหนียงอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้เขาจะไม่รู้เรื่องการฝังเข็มแต่ก็รู้ว่าในค่ายทหารนั้นมีแพทย์ทหารไม่กี่คนที่รู้จักวิธีนี้ แต่แม่นางซูผู้นี้แม้อายุยังน้อยกลับมีทักษะการแพทย์ที่ดียิ่ง! หวังซิงฮั่นจึงรู้สึกชื่นชมนางขึ้นมา ท่ามกลางความงุนงง
ผ่านไปไม่นานหลังจากที่ฝังเข็มเรียบร้อย ซูหนานอีก็ได้เก็บเข็มเงินเหล่านั้นลง หลินซิ่วเหนียงค่อยๆตื่นขึ้น ทันทีที่นางลืมตาและเห็นว่าสภาพแวดล้อมแปลกตาไปอีกทั้งตอนนี้ยังมีหญิงสาวแปลกหน้าอยู่ข้างหน้า นางจึงพยายามดิ้นรนจะลุกขึ้น แต่กลับถูกซูหนานอีกดร่างเอาไว้กล่าวว่า "อย่าได้รีบร้อนไปเลย นอนพักสักหน่อยเถิด ข้าเพิ่งจะฝังเข็มเสร็จท่านอาจจะรู้สึกมึนงงเล็กน้อย อีกประเดี๋ยวค่อยลุกขึ้นก็ไม่สาย"
หยุนจิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้กล่าวขึ้นว่า "จงฟังที่เหนียงจื่อข้าแนะนำเถิด ทักษะทางการแพทย์ของเหนียงจื่อข้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก"
ซูหนานอีจึงยิ้มขึ้น ดวงตาของหลินซิ่วเหนียงอันแดงเรื่อกล่าวว่า "ขอบพระคุณคุณหนูที่ให้ความช่วยเหลือ"
"หลินซิ่วเหนียง ข้าพบท่านหมดสติอยู่บนถนน ข้าได้ยินผู้สัญจรกล่าวว่าท่านกำลังตามหาบุตรสาวหรือ?"
มิใช่ว่าซูหนานอีจะไม่เห็นอกเห็นใจนาง เพียงแต่ไม่อยากจะทำให้นางรู้สึกสับสนไปมากกว่านี้ การที่นางเสียสติไปนั่นก็เป็นเพราะอารมณ์และความรู้สึกที่กดดันอยู่ในใจ
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ น้ำตาของหลินซิ่วเหนียงก็หลั่งไหลลงมา "ใช่แล้ว บุตรสาวของข้านั้นมีเป็นคนดียิ่งนัก ในวันนั้นเดิมทีข้าจะเป็นคนไปซื้อเส้นไหมเอง แต่ในวันนั้นบังเอิญเหลือเกินที่ข้าเป็นไข้ นางจึงให้ข้าดูแลตนเองอยู่ที่เรือน แต่ใครจะรู้กันเล่าว่า......"
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้นางก็ร้องไห้ออกมาจนพูดจาฟังไม่ได้ความ "บุตรสาวของข้าหยู่เอ๋อร์ นางจากไปและมิได้กลับมาอีก……"
หัวใจของซูหนานอีรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อเห็นนางตรงหน้านี้ก็นึกถึงมารดาของตน มิรู้ว่ามารดาของตนเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ และคงจะเศร้าโศกเสียใจเนื่องจากตนตายไปแน่นอน
หลินซิ่วเหนียงร้องไห้อยู่เป็นเวลานาน จนในที่สุดเมื่ออารมณ์ของนางสงบลงก็รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายลงมากทีเดียว จึงได้พยายามลุกขึ้นจากเตียง "ขอบคุณแม่นางยิ่งนักที่ช่วยข้าเอาไว้ ข้าขอตัวก่อน ข้ายังต้องไปตามหาบุตรสาวอีก"
ซูหนานอีเข้าไปช่วยพยุงนาง "ท่าน…… อย่าได้รีบร้อนใจไปเลย บัดนี้บุตรสาวของท่านก็คงเป็นห่วงท่านมากเช่นกัน ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้เจ็บป่วยขึ้นมาอีก"
หลินซิ่วเหนียงน้ำตาหลั่งไหลอีกครั้งก่อนจะโค้งกายกล่าวว่า "ข้าเข้าใจแล้ว ขอบพระคุณคุณหนูยิ่งนัก"
เมื่อส่งนางออกไป หยุนจิ่งก็ได้กระซิบว่า "เหนียงจื่อ นางร้องไห้หนักหนาเหลือเกิน น่าสงสารยิ่ง"
"ใช่สิ น่าสงสารยิ่งนัก" ซูหนานอีบ่นพึมพำ
ในขณะเดียวกันนี้ หลิวลี่ซงที่ถูกมัดอยู่อย่างแน่นหนาก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาดังอู้อี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ