เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หยุนชางสั่งให้เฉี่ยนอินหาชุดผู้ชายมาใส่แล้วแอบออกจากจวนไป ข่าวการโจมตีในคืนถูกสกัดไว้ คนในเมืองที่รู้เรื่องนี้มีไม่มากนัก ในเมืองยังคงคึกคักเช่นเดิม
หยุนชางเดินไปรอบเมืองอย่างรู้สึกหนักใจ ในไม่ช้าก็เร็วการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเกิดขึ้น ประชาชนผู้บริสุทธิ์เหล่านี้กลับต้องได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้
เมื่อนางกำลังจะกลับไปที่จวนฉีก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย นั่นก็คือฉีอวี้เฟิงคุณชายใหญ่แห่งสกุลฉี เขาก็เห็นหยุนชางเช่นกัน เพียงแต่ในแววตาฉายแววข้องใจ นางดูไม่แน่ใจและไม่ได้ก้าวเข้ามา สายตาของเขาจับจ้องที่หยุนชางอยู่นานแล้วเบนสายตาไปมองเฉี่ยนอินที่อยู่ด้านหลังนาง ทันใดนั้นจึงได้เข้าใจ
หยุนชางนึกว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว ฉีอวี้เฟิงคงจะเกรงกลัวนางเล็กน้อย แม้เจอหน้าก็จะเลี่ยงไป แต่คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแสดงสีหน้าตกใจแล้วจึงสาวเท้าเข้ามาหาหยุนชาง
"พระชา…" ทันทีที่เขาเอ่ยปากออกมา หยุนชางก็กวาดตามองเขาอย่างเรียบเฉย เขาจึงคิดได้ว่าไม่เหมาะสมจึงรีบเปลี่ยนคำเรียกในทันที "คุณชายแต่งตัวเช่นนี้ยิ่งดูหล่อเหลามีเสน่ห์มากกว่าชายหนุ่มธรรมดาเสียอีก เกือบจำไม่ได้เสียแล้ว คุณชาย เมื่อครู่ก่อนที่ข้าจะออกจากจวนมาดูเหมือนท่านพ่อกำลังตามหาท่านอยู่ เกรงว่าคงจะเป็นเรื่องการทหาร เมื่อเห็นว่าคุณชายไม่ได้อยู่ในจวนจึงให้คนออกมาตามหาไปทั่วเมือง แต่คุณชายแต่งตัวแบบนี้ เหล่าลูกน้องก็คงจะหาพบยาก หากคุณชายไม่ได้มีอะไรก็รีบกลับไปเถอะ"
หยุนชางตอบรับอย่างราบเรียบ "อืม ข้าจะกลับจวนเดี๋ยวนี้ ว่าแต่คุณชายใหญ่จะไปไหนหรือ?" หยุนชางจ้องมองไปด้านหลังฉีอวี้เฟิง ด้านหลังของเขามีชายหลายคน เสื้อผ้าอาภรณ์บนร่างของพวกเขาล้วนแต่เป็นผ้าชั้นดี คงไม่ใช่คุณชายจากตระกูลธรรมดา
ฉีอวี้เฟิงหันศีรษะมองตามสายตาของหยุนชางไปและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คุณชายเหล่านี้ล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับข้า วันนี้เป็นโอกาสดีที่พวกเขาไม่ต้องไปลาดตระเวนจึงได้มีเวลาว่างมารวมตัวกัน หากคุณชายไม่มีธุระอะไรก็สามารถไปดื่มกับพวกข้าได้ หาเวลาว่างวันอื่นก็ได้"
หยุนชางพยักหน้า ประสานมือคารวะแก่พวกเขาแล้วจึงนำเฉี่ยนอินกลับจวนสกุลฉีไป
"คุณชาย..." เฉี่ยนอินก้าวไปข้างหน้าจนมาอยู่ด้านหลังหยุนชางเพียงเล็กน้อยก่อนจะพูดเบาๆ "คุณชายใหญ่ช่างมีน้ำใจเสียจริง ท่านปฏิบัติต่อเขาอย่างนั้น เขายังยิ้มทักทายท่านได้ ข้านับถือจริงๆ"
หยุนชางลูบแหวนบนนิ้วของนางเบาๆ "ที่ชายบ้าบิ่นอย่างฉีหล่างจะสั่งสอนลูกชายแบบนี้ออกมาได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมอยู่บ้าง เพียงแต่ความฉลาดนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากใช้ความฉลาดนี้ในทางที่ไม่ควรใช้มันก็ออกจะทำให้คนชิงชังไปสักหน่อย"
ทันทีที่หยุนชางมาถึงที่ประตูจวนฉี นางก็เห็นพ่อบ้านของตระกูลฉีรออยู่ที่ประตู เมื่อเขามองเห็นการแต่งกายของหยุนชางก็ตะลึงไปเล็กน้อยแล้วจึงรีบกล่าวว่า "พระชายา ท่านแม่ทัพกล่าวว่า มีรายงานด่วนเข้ามา หากพระชายากลับมาที่จวนแล้วให้รีบเชิญไปที่ค่ายทันทีขอรับ"
หยุนชางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่ทันเข้าประตูจวนฉีนางก็พาเฉี่ยนอินหมุนตัวจากไปทางค่ายทหารใหญ่นอกเมืองคังหยาง
เมื่อหยุนชางมาถึงค่ายทหาร คนก็แทบจำนางไม่ได้ แต่สายตาของหลิวหัวชะงักไปและหัวเราะเสียงดัง "ถ้าใต้เท้าแต่งตัวแบบนี้ออกจากจวนมา เกรงว่าคงจะคว้าหัวใจของหญิงสาวในเมืองคังหยางมาได้ไม่น้อย"
หยุนชางก้มหน้าลงมองที่อาภรณ์บุรุษสีฟ้าอ่อนบนตัวนางและยิ้มบางๆ "สตรีอย่างข้าแต่งกายเป็นผู้หญิงเข้ามาในค่ายคงไม่ค่อยสะดวกนัก นอกจากนี้ได้ยินมาว่าหลิ่วหยินเฟิงนั่นชอบชายที่ดูเป็นหนอนหนังสือ ท่าทางอ่อนโยนสง่างาม ไม่รู้ว่าข้าจะเข้าตาเขาหรือไม่? ถ้าทำได้ข้าเองก็อยากจะใช้อุบายชายงาม*" (หมายถึง อุบายสาวงาม แต่ในที่นี้หยุนชางกล่าวว่าหลิ่วหยินเฟิงชอบชายหนุ่มที่ดูเป็นหนอนหนังสือ จึงได้เปลี่ยนคำเป็นอุบายชายงาม)
เหล่าแม่ทัพในค่ายอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่มีเพียงฉีหล่างเท่านั้นที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย "มีเพียงผู้หญิงเช่นใต้เท้าเท่านั้นที่สามารถคิดกลอุบายชั่วร้ายเช่นนี้ได้"
เมื่อนายพลคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหุบยิ้มและแสร้งทำเป็นมองดูแผนที่บนโต๊ะอย่างนิ่งสงบ
ฉีหล่างมองแผนที่อย่างเงียบๆ สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก ทุกคนต่างมองมาที่เขา ผ่านไปครู่ใหญ่ ฉีหล่างจึงกัดฟันพูด "ในเมื่อใต้เท้ายืนยันเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ห้าม..."
"ท่านแม่ทัพวางใจเถอะ หากคังหยางเสียหายก็นับว่าเป็นความผิดของข้า ข้าจะรับโทษทุกอย่างเอง" หยุนชางมองคำว่าคังหยางในแผนที่บนโต๊ะอย่างสงบนิ่ง ดวงตาของนางเป็นประกายแน่วแน่
เพราะกำลังจะมีการสู้รบกัน หยุนชางจึงได้ให้คนทำความสะอาดกระโจมแล้วพักอาศัยอยู่ในค่ายและมักจะแต่งตัวเป็นบุรุษ เฉี่ยนอินก็สวมใส่อาภรณ์ของบุรุษคอยอยู่รับใช้นาง
ตลอดทั้งวันหยุนชางศึกษาตำแหน่งแผนที่ ศึกษาการรบของหลิ่วหยินเฟิงในช่วงหลายปีมานี้และเรื่องของเซี่ยโหเหยียน องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเซี่ย ทุกวันนางจะนำเฉี่ยนอินไปยังชัยภูมิที่สำคัญสามจุด ได้แก่ หุบเขาชิงเฟิง ชุนเฟิงตู้และเนินเขาหลิวหยุนและตรวจตราดูแทบจะทุกตารางนิ้ว
วันนั้นนางกำลังสำรวจหุบเขาชิงเฟิงอยู่ เมื่อเหนื่อยจึงนั่งพักริมลำธารในหุบเขา แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงเกือกม้าแว่วมาเบาๆ หยุนชางตกใจมาก ผู้คนที่อยู่ในหุบเขาในเวลานี้คงไม่ได้มาดีแน่ เพียงแต่รอบด้านไม่มีที่หลบซ่อน หยุนชางจึงรีบลุกขึ้น ดึงเฉี่ยนอินแล้วกำลังจะขี่ม้าออกไป แต่กลับสายไปแล้ว นางได้ยินเสียงราบเรียบระคนน่าเกรงขามดังแว่วมาจากด้านหลัง "หยุด!"
หยุนชางตกตะลึงและจับมือของเฉี่ยนอินไว้ ในสมองคิดอยู่หลายครั้งและในที่สุดก็เลือกที่จะหยุดฝีเท้าลง
นางได้ยินเสียงดาบถูกดึงออกจากฝัก ดาบอันคมเฉียบทาบคอของหยุนชาง ร่างกายของหยุนชางสั่นสะท้านอย่างหนักแล้วจึงได้ยินเสียงบุรุษถามมาจากด้านหลัง เป็นเสียงเดิมที่ได้ยินเมื่อครู่ "เจ้าเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี่?"
หยุนชางหลับตา กลืนน้ำลายแล้วดัดเสียงใหญ่กล่าวตอบ "ข้าน้อยเป็นชาวคังหยาง ต้องการหญ้าเจ็ดเซียนไปช่วยคน แต่ช่วงนี้ชายแดนไม่สงบนัก หญ้าเจ็ดเซียนนี้ก็ขึ้นเพียงที่หุบเขาชิงเฟิง ร้านขายยาในเมืองไม่มีของเช่นนี้ไปนานแล้วและไม่มีใครกล้าเก็บ ข้าน้อยจึงต้องพาเด็กรับใช้มาด้วยตนเอง..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...