ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 384

"ห้องขัง?" จิ่นกุ้ยเฟยตกใจ "องค์หญิงหัวจิ้งเพิ่งจะถูกคุมตัวไปที่นั่นคืนแรกก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นเลยหรือ? ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? คนเจ็บคนตายกันกี่คน? องค์หญิงหัวจิ้งเป็นอะไรหรือเปล่า?"

หยุนชางส่ายหน้า "ยังไม่ทราบเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ก็ได้ส่งคนไปสืบข่าวแล้ว แต่สถานที่อย่างศาลต้าหลี่นั้น เดิมทีมีการคุ้มกันและรักษาเวรยามแน่นหนา กลับปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้ ที่หม่อมฉันเข้าวังมาวันนี้ ก็เพื่อจะทูลขอให้เสด็จพ่อทรงเพิ่มมาตรการการคุ้มกันของที่นั่นเพคะ"

"เสด็จพ่อของเจ้า......" จิ่นกุ้ยเฟยเงียบไป "คงจะยังไม่ตื่นบรรทมกระมัง จะว่าไป เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เจ้าคงแก้ไขสิ่งใดไม่ได้ เมื่อวานนี้หนิงหัวจิ้งด่าทอเจ้าสารพัด หากนางจะตายในกองเพลิงข้าก็ไม่รู้สึกอะไร เป็นห่วงก็แต่นักโทษคนอื่นภายในห้องขัง เมื่อมีไฟลุกโชนขึ้นก็ย่อมลุกลามออกไปใหญ่โต"

หยุนชางได้ฟังคำพูดของจิ่นกุ้ยเฟยแล้วก็รู้ว่าจิ่นกุ้ยเฟยไม่ได้คิดอะไรล้ำลึก และนางก็ไม่อยากให้หยุนชางต้องคิดมากด้วย หยุนชางพยักหน้าแล้วพูดว่า "เพคะ ตอนนี้หม่อมฉันจะอยู่รอรับอาหารเช้าที่นี่กับเสด็จแม่ เสด็จแม่ช่วยส่งคนไปเฝ้ารอที่หน้าประตูวังชีอู๋ได้ไหมเพคะ หากเสด็จพ่อตื่นบรรทมแล้วก็ให้นางในไปกราบทูลเสด็จพ่อว่าหม่อมฉันมีเรื่องต้องการเข้าเฝ้าเพคะ"

จิ่นกุ้ยเฟยพยักหน้า นางให้เจิ้งมามาไปเฝ้ารอที่หน้าประตูวังชีอู๋ "นางกำนัลคนอื่นๆเสด็จพ่อของเจ้าไม่รู้จักหรอก อีกอย่างถ้าส่งคนอื่นไป เกรงว่านางจะกลัวเสด็จพ่อของเจ้าแล้วจะกราบทูลตะกุกตะกัก"

หยุนชางได้ฟังแล้วก็มองไปยังนางกำนัลคนอื่นๆ นางเลิกคิ้ว นี่นางไม่เคยคำนังถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย นางกำนัลในที่ประทับของเสด็จแม่ เมื่อจะเรียกใช้ก็ต้องเลือกคนที่เชื่อใจได้ เมื่อนางกลับถึงจวนอ๋อง จะต้องให้เฉี่ยนอินรวบรวมรายชื่อนางกำนัลฝ่ายตนเองออกมาให้หมด แล้วคัดเลือกผู้ที่หน่วยก้านดีมาคอยรับใช้เสด็จแม่

ในขณะที่เริ่มทานมื้อเช้า ก็เห็นเจิ้งมามาเชิญเสด็จจักรพรรดิหนิงเข้ามาแล้ว จักรพรรดิหนิงทอดพระเนตรไปที่จิ่นกุ้ยเฟยและหยุนชาง "ได้ยินว่าเจ้ารีบเข้าวังมาแต่เช้า มีเรื่องร้อนใจอะไรมาหรือ?"

เมื่อหยุนชางได้ยินจักรพรรดิหนิงตรัสถามเช่นนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าจักรพรรดิหนิงคงยังไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เมื่อจักรพรรดิหนิงเสด็จออกมาจากวังชีอู๋ก็ได้พบกับเจิ้งมามาเสียก่อน หากจักรพรรดิหนิงได้เสด็จไปยังตำหนักฉินเจิ้งมาแล้ว มีหรือจะไม่ทรงทราบข่าว ป่านนี้ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งศาลต้าหลี่คงจะไปคอยเข้าเฝ้าจักรพรรดิหนิงอยู่หน้าตำหนักฉินเจิ้งแล้ว ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งศาลต้าหลี่ไม่สามารถเข้ามาในเขตวังหลังได้ หยุนชางจึงได้โอกาสเข้าเฝ้าจักรพรรดิหนิงก่อน เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน......

หยุนชางรีบกราบทูล "เสด็จพ่อเพคะ เช้าวันนี้หม่อมฉันได้รับรายงานมาว่า ห้องขังในศาลต้าหลี่ถูกลอบวางเพลิงเพคะ นี่ก็ผ่านมาได้ราว 2 ชั่วยามแล้ว หม่อมฉันได้ส่งคนไปสืบต้นสายปลายเหตุแล้ว จำนวนคนเจ็บและคนตายตอนนี้ยังไม่แน่ชัด หม่อมฉันอยากจะทูลเชิญเสด็จพ่อ ให้เสด็จไปทอดพระเนตรสถานการณ์กับหม่อมฉันหน่อยน่ะเพคะ"

"ห้องขังถูกลอบวางเพลิง?" จักรพรรดิหนิงแทบไม่อยากเชื่อ พระองค์ทรงนิ่งไปสักพัก แล้วตรัสว่า "ไฟไหม้คุกหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าไม่ ไยเจ้าจึงคิดที่จะไปดูเล่า?"

เมื่อหยุนชางได้ฟังเช่นนั้นก็ทำสีหน้าสลด "เสด็จพ่อคงจะทรงทราบดีกว่าหม่อมฉัน ตอนนี้ห้องขังในศาลต้าหลี่เป็นสถานที่จองจำของผู้ใด เมื่อวานนี้หม่อมฉันกับเสด็จพี่มีปากเสียงรุนแรงกันในตำหนักจินหลวน หากเสด็จพี่ถูกไฟครอกตายอยู่ในนั้น ผู้คนจะพากันเพ่งเล็งหม่อมฉันได้ หม่อมฉันอยากจะไปแสดงความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นเองเพคะ"

เมื่อได้ฟังหยุนชางพูดดังนั้นแล้ว จิ่นกุ้ยเฟยรู้สึกตกใจ แต่นางก็ยังคงพยายามครุ่นคิด "เป็นอย่างนี้เองหรือ ผู้ที่ลอบวางเพลิงจงใจจะโยนมลทินให้กับเจ้า?" จิ่นกุ้ยเฟยหน้าซีด "ที่ห้องขังมีนักโทษมากมาย และยังมีผู้คุมอีก หากคนเหล่านั้นบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต เกรงว่าผลที่ตามมาคงจะเป็นปัญหาใหญ่ให้เราต้องตามแก้"

หยุนชางพยักหน้า นางก็คิดเห็นเหมือนกันกับจิ่นกุ้ยเฟย

จักรพรรดิหนิงไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่แล้วจึงตรัสว่า "เช่นนั้น ข้าจะไปดูศาลต้าหลี่กับเจ้า"

หยุนชางชะงัก แต่เมื่อตั้งสติได้ นางก็กราบทูลต่อจักรพรรดิหนิง "ท่านอ๋องบอกหม่อมฉันว่า หากเขาได้เป็นฮ่องเต้ หม่อมฉันจะต้องเป็นฮองเฮาเพคะ"

"งั้นหรือ?" จักรพรรดิหนิงมองไปที่หยุนชางแล้วยิ้ม "สมแล้วที่เป็นลูกของข้า ไม่เลวๆ"

แต่หลังจากนั้น จักรพรรดิหนิงก็ได้เตือนหยุนชางว่า "แต่เจ้าจงจำเอาไว้อย่างหนึ่ง การเป็นจักรพรรดิจะไม่สามารถทุ่มดวงใจให้ผู้ใดได้ หากเจ้าไม่อยากเจ็บปวดในวันข้างหน้า ก็ควรเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แต่เนิ่นๆ เจ้าโตมาในวัง ความวุ่นวายในวังเป็นเช่นไรเจ้าคงรู้ดี เจ้าเป็นลูกสาวพ่อ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องทนทุกข์ในวันข้างหน้า"

หยุนชางได้ฟังดังนั้นก็ยิ้ม ยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกต่างๆภายในใจ "สิ่งที่เสด็จพ่อตรัสมา หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ" แต่นางก็ยังคงรู้สึกอึดอัดกับการเก็บงำข้อสงสัยเอาไว้ภายในใจ ในที่สุด นางก็ได้เอ่ยถามเขาขึ้นมาว่า "เสด็จพ่อยังคงรักเสด็จแม่อยู่มากน้อยเพียงใดหรือเพคะ?"

จักรพรรดิหนิงคิดไม่ถึงว่าหยุนชางจะยิงคำถามขึ้นมาเช่นนี้ พระองค์นิ่งไปสักพักแล้วจึงตรัสว่า "แม่ของเจ้าคือความบังเอิญหนึ่งเดียวในชีวิตข้า เมื่อครั้งที่ข้ายังเยาว์วัย สมัยเป็นองค์รัชทายาท ข้าถูกสอนให้รู้จักการควบคุมอารมณ์ จะดีใจหรือเสียใจ ก็ห้ามให้ผู้ใดมองออก จะชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ก็ต้องรู้จักรักษากิริยา ตอนเป็นเด็กข้าชอบกินปลานึ่งจิ๊กโฉ่ แต่ข้าคีบอาหารไม่สุภาพ จึงโดนเสด็จพ่อสั่งทำโทษโดยให้คุกเข่าอยู่หน้าตำหนักฉินเจิ้งตลอดทั้งคืน"

หยุนชางไม่เคยได้ยินจักรพรรดิหนิงตรัสอะไรเช่นนี้มาก่อน นางเอ่ยว่า "เสด็จพ่อตรัสว่า การเป็นจักรพรรดิหากไม่รู้จักควบคุมจิตใจตนเองได้แล้ว ก็จะตกเป็นเป้าให้ศัตรูเข้ามาเล่นงานได้ อันตรายยิ่งนักใช่หรือไม่เพคะ"

"ข้าเก็บความรู้สึกไว้ได้ดีมาโดยตลอด แต่ข้าดันมาพลาดเมื่อได้พบกับแม่เจ้า" จักรพรรดิหนิงหัวเราะ แต่แววตากลับฉายความเจ็บปวดออกมา "ดังนั้นเสด็จพ่อของข้าจึงบังคับให้ข้าเลือกระหว่างนางกับตำแหน่งฮ่องเต้ ด้วยเหตุนี้ นางจึงกลายเป็นหนามยอกอกของตนตระกูลหลี่ ข้ากลัวว่านางจะได้รับอันตราย จึงจำใจส่งนางไปอยู่ที่ตำหนักเย็น และยืนกรานไม่ไปพบนางมาตลอด 10 ปี จนกระทั่งนางออกจากตำหนักเย็นแล้ว ข้าก็ไม่กล้าเอาใจใส่นางมากเกินไป ด้วยเกรงว่านางจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้ที่คิดร้าย แต่ทุกครั้งที่ข้าอยู่กับสนมคนอื่นๆ ข้าจะนึกเสมอว่า เมื่อแม่เจ้ารู้แล้วจะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหน การแต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่ ข้าก็ไม่กล้าเลือกนาง แม้จะกลัวนางเสียใจอยู่บ้าง ข้าทำได้เพียงพยายามสังเกตสีหน้าท่าทางของนาง ว่ากำลังรู้สึกสุขใจหรือว่าทุกข์ใจอยู่"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง