ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 426

หัวหน้าหวงเฉิงฝู่มีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย เรื่องนี้เกี่ยวพันกับคนมากมาย เกรงว่าคงจะต้องเชิญผู้พิพากษาสูงสุดแห่งศาลต้าหลี่มาจัดการ เพียงแต่หากเชิญเขามาแล้วหญิงผู้นี้กลับไม่พูดออกมาก็จะทำให้ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งศาลต้าหลี่นั้นเสียเวลาและเขาก็จะทำงานได้ไม่สำเร็จ แต่หากไม่เชิญมา เขาก็ไม่สามารถตัดสินเองได้เช่นกัน

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หัวหน้าหวงเฉิงฝู่จึงเอ่ยถามว่า "เรื่องนี้ข้าไม่สามารถตัดสินเองได้ แต่ข้าสามารถเชิญผู้ที่จะตัดสินมาได้ แต่เรื่องที่เจ้าว่ามาข้าไม่รู้ว่าเจ้าโกหกหรือไม่ ไหนเจ้าว่ามาสิว่าเจ้ารู้ข่าวนี้ได้อย่างไร?"

เตี๋ยเอ๋อร์กัดริมฝีปาก ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจออกมาและเอ่ยเสียงเบา "ก่อนพิธีแต่งตั้งฮองเฮา จิ่งเหวินซี ธิดาของอัครมหาเสนาบดีจิ่งได้เชิญข้าไปที่วิหารชิงเฟิงที่อยู่นอกเมือง แม่นางจิ่งมีสถานะสูงส่ง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมนางจึงได้เรียกข้าไปที่นั่น เพียงแต่นางเสนอเงินให้ข้ามากมาย ข้าจึงได้ตกปากรับคำไป หลังจากที่ไปถึง แม่นางจิ่งก็บอกให้ข้าไปยั่วยวนชายผู้หนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชายต่างชาติผู้หนึ่งเข้ามาในห้อง แม่นางจิ่งบอกว่าเขาคือองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลาง..."

หัวหน้าหวงเฉิงฝู่เห็นว่าท่าทางของเตี๋ยเอ๋อร์ไม่เหมือนกำลังเสแสร้ง อีกทั้งเวลา สถานที่ และตัวละครต่างก็ครบสมบูรณ์ เกรงว่านี่คงจะเป็นเรื่องจริง หลังจากที่ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ให้คนไปเชิญผู้พิพากษาสูงสุดแห่งศาลต้าหลี่มา

เตี๋ยเอ๋อร์คุกเข่าอยู่ตลอดเวลา สีหน้าของนางซีดขาว แต่นางก็ยังคงคุกเข่าด้วยตัวที่ตั้งตรง

เมื่อคนภายนอกเห็นว่าการสอบสวนไม่คืบหน้า พวกเขาจึงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้ง

"แม่นางจิ่งใช่ผู้ที่จักรพรรดิเคยจะแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาแต่ต่อมาปรมาจารย์ลัทธิเต๋าหลิงซวีและเจ้าอาวาสอู๋น่าบอกว่าเป็นหญิงที่คิดร้ายต่อแคว้นหรือไม่?"

"ใช่แล้ว นางนั่นแหละ เหตุใดจึงได้ไปอยู่กับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลางได้?"

"ไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวว่าเป็นหญิงที่คิดร้ายต่อแคว้นได้อย่างไรเล่า"

"..."

หลังผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วยามจึงได้มีเกี้ยวขนาดเล็กสีเขียวหยุดลงที่ประตูหลังของที่ทำการหวงเฉิงฝู่ ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งศาลต้าหลี่ยังไม่ได้ถอดชุดเข้าเฝ้าก็รีบไปที่ห้องโถงว่าความทันที เขานั่งลงที่หลังโต๊ะด้านข้างและเหลือบมองหัวหน้าหวงเฉิงฝู่ที่รีบลุกขึ้นยืนและเอ่ยว่า "ข้าถูกเชิญมาอย่างเร่งรีบ ยังไม่รู้เรื่องราว เพียงแต่ได้ยินมาว่าเกี่ยวข้องกับสองคดีใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ใต้เท้าดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปเถอะ ข้าขอฟังหน่อยก็พอแล้ว"

หัวหน้าหวงเฉิงฝู่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าและนั่งลงอีกครั้ง เขาเคาะไม้ลงบนโต๊ะ "โปรดเงียบ เปิดพิจารณาคดีต่อไป"

เมื่อเปิดศาลอีกครั้ง ก็มีเสียงเวย...หวู่...*ดังขึ้น หัวหน้าหวงเฉิงฝู่พูดขึ้นอีกครั้งว่า "เมื่อครู่เจ้าบอกว่าแม่นางจิ่งเหวินซีแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีเชิญให้เจ้าไปที่วิหารชิงเฟิงเพื่อยั่วยวนชางเจียคังหนิงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลาง?" (*เวยหวู่ หมายถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร เป็นคำที่ใช้ร้องเปิดศาลตามธรรมเนียมปฏิบัติของศาลจีนโบราณ เพื่อแสดงถึงอำนาจของศาลและเป็นการข่มขวัญให้เกรงกลัวอำนาจศาล ไม่กล้าโกหกและเพื่อเตือนให้ผู้อยู่ในศาลทุกคนอยู่ในความสงบ)

เตี๋ยเอ๋อร์พยักหน้าช้าๆ "เจ้าค่ะ พี่ชายของแม่นางจิ่งเป็นลูกค้าประจำของข้า เกรงว่าแม่นางจิ่งคงจะรู้เรื่องของข้าจากพี่ชายของนาง ยามที่ข้าและองค์รัชทายาทผู้นั้นกำลังร่วมรักกันอยู่ แม่นางจิ่งผู้นั้นก็ยืนมองอยู่ด้านข้าง ข้าเห็นท่าทางของนางที่คอยดูยามผู้อื่นกำลังทำเรื่องเช่นนั้นต้องมีเจตนาอื่นแน่จึงได้บอกองค์รัชทายาทไปว่าแม่นางจิ่งคงอยากเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่ เดิมทีข้าตั้งใจให้เป็นการเตือนแม่นางจิ่งให้ออกไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางจิ่งจะมาเข้าร่วมกับเราจริงๆ"

ทุกคนในศาลแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ หัวหน้าหวงเฉิงฝู่เริ่มเสียใจเล็กน้อยโดยคิดว่าเมื่อครู่เขาเพียงฟังไปเล็กน้อยแต่กลับวู่วามเชิญผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่มาจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดหรือไม่

ในขณะที่เขากำลังจะว่ากล่าวตักเตือนนางก็ได้ยินนางกล่าวต่อว่า "ต่อมาแม่นางจิ่งจึงได้บอกจุดประสงค์ของนางออกมา ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ข้าเข้าใจเพียงครึ่งๆกลางๆเท่านั้น ได้ยินแม่นางจิ่งบอกว่าเดิมทีนางเป็นเพื่อนรักขององค์หญิงหัวจิ้งและขอให้องค์รัชทายาทอนุญาติให้นางปลอมตัวเป็นสาวใช้ในวันพิธีแต่งตั้งฮองเฮาและพานางเข้าวังไปด้วย"

เตี๋ยเอ๋อร์กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า "เมื่อข้าได้ยินเรื่องราวในวันนั้นแล้วข้าจึงใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ อย่างไรองค์รัชทายาทผู้นั้นก็นับได้ว่าเคยเป็นแขกผู้มีพระคุณของข้าและดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันไปถึงสกุลจิ่งและแม่นางจิ่ง ข้าเกรงว่าเรื่องที่วันนั้นแม่นางจิ่ง เชิญข้าไปรับใช้องค์รัชทายาทจะทำให้ข้าต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย ข้าที่เป็นคนทำงานเช่นนั้นย่อมรักชีวิตตนเองและเพราะข้ากลัวตายจึงได้ตกต่ำเช่นนี้ เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วข้าจึงฉวยโอกาสยามที่คุณชายจิ่งกำลังหลับใหลพบของสองสิ่งนี้อยู่ในเสื้อผ้าของเขา ข้าอ่านแล้วก็รู้สึกว่ากระดาษสองแผ่นนี้แปลกประหลาดเล็กน้อยจึงได้แอบซ่อนกระดาษสองแผ่นนี้มาอย่างเงียบๆ"

ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่มองดูกระดาษในมือของเขา ทั้งสองแผ่นล้วนเป็นหลักฐานการรับเงิน ขอบด้านบนเขียนวัตถุประสงค์ชัดเจน ใบหนึ่งเขียนว่ามอบให้หลี่เชียนทำป้ายหยก อีกใบหนึ่งเขียนว่านักเลียนเสียง

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวว่า "ปิดประตูที่ทำการหวงเฉิงฝู่"

หัวหน้าหวงเฉิงฝู่ตะลึงไปชั่วครู่จึงคิดได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับคนมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเขาจึงสั่งคนให้ปิดประตูอย่างรวดเร็วและจับคนที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกคุมขังไว้ในคุก

"ตอนที่ข้าอยู่ที่หอเยียนจื่อยังมีเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง นางสนิทกับน้องชายของพ่อบ้านแห่งจวนจิ่งเป็นอย่างมาก ได้ยินนางบอกว่าน้องชายของพ่อบ้านสกุลจิ่งเคยถามนางว่าผู้ที่ปลอมแปลงของได้เก่งที่สุดคือใครและบอกว่าเขาต้องการทำตราประทับอันหนึ่ง เพื่อนของข้าคนนั้นเป็นผู้รอบรู้จึงได้แนะนำหลี่เชียนให้เขา" เตี๋ยเอ๋อร์กล่าวขึ้นอีก

ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่จ้องมองไปยังคำว่าป้ายหยก เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า "ไปเรียกเพื่อนของเจ้ามาด้วยเถอะ"

หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็พาคนเข้ามา เมื่อได้ยินที่ใต้เท้าผู้พิพากษาถามนาง นางก็รีบตอบว่า "เจ้าค่ะ ข้าคุ้นเคยกับน้องชายของพ่อบ้านสกุลจิ่งมาก วันนั้นเขาถามเรื่องนี้กับข้าจริงๆ"

"ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่หรี่ตาลงเล็กน้อยและเหลือบมองหญิงนางนั้น หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวว่า "หากเรื่องที่พวกเจ้าสารภาพในวันนี้แพร่ออกไปเกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิต พวกเจ้าเคยคิดเรื่องนี้หรือไม่?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง