เตี๋ยเอ๋อร์และหญิงสาวผู้นั้นมองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้า เตี๋ยเอ๋อร์ยิ้มอ่อนๆ และกล่าวว่า "แม้ว่าข้าจะเป็นนางคณิกาชั้นต่ำ แต่ข้าก็ไม่เคยลืมว่าข้าก็เป็นประชาชนของแคว้นหนิง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแคว้นหนิง ข้าย่อมรู้จักแยกแยะหนักเบา"
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่พยักหน้าอย่างชื่นชม "ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าไม่ปลอดภัยนัก เช่นนั้นก็ไปอยู่ที่คุกศาลต้าหลี่สักระยะหนึ่งเถอะ เจ้าทั้งสองไม่ต้องกังวล แม้ว่าจะเป็นคุกหลวง แต่พวกเจ้าไม่ใช่นักโทษ ข้าจะดูแลพวกเจ้าอย่างดี เรื่องวันนี้ก็พอแค่นี้เถอะ พวกเจ้าตามข้ากลับไปที่ศาลต้าหลี่เถอะ"
"เจ้าค่ะ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว" ทั้งสองลุกขึ้นและเดินตามเขาออกไป
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่หันมามองหัวหน้าหวงเฉิงฝู่ที่ตามออกมา "เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับหลายฝ่าย เจ้าห้ามเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าไปดูแลชาวบ้านในคุกให้ดีเถอะและไปบอกข่าวแก่ญาติของพวกเขาด้วย บอกว่าที่ทำการมีงานด่วนจึงขอยืมตัวไว้ใช้"
หัวหน้าหวงเฉิงฝู่รับคำครั้งแล้วครั้งเล่าและส่งผู้พิพากษากลับไป
หลังจากที่ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่จัดการเรื่องเตี๋ยเอ๋อร์และหญิงสาวอีกนางหนึ่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเข้าวัง ขันทีเจิ้งเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกของตำหนักฉินเจิ้ง ประตูของตำหนักฉินเจิ้งถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่เดินไปหาขันทีเจิ้งพร้อมทำความเคารพและพูดว่า "ขันทีเจิ้ง ฝ่าบาทอยู่ในตำหนักหรือไม่?"
ขันทีเจิ้งเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ที่แท้เป็นใต้เท้าแห่งศาลต้าหลี่นี่เอง ฝ่าบาทอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ทรงกำลังคุยกับท่านกั๋วจิ้ว*อยู่และได้กำชับไว้ว่าไม่ให้ใครมารบกวน" (*บรรดาศักดิ์พี่ชายของฮองเฮา)
"กั๋วจิ้ว?" ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ชะงักไป ฮองเฮาในตอนนี้คือหลิวชิงหย่า เช่นนั้นกั๋วจิ้วก็คือหลิวฉีเหยียนมิใช่หรือ?
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่มองไปที่แสงแดดอ่อนๆ และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะรออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน"
ขันทีเจิ้งเหลือบมองผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่อีกครั้งแล้วพยักหน้า "ใต้เท้าโปรดรอสักครู่"
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ประตูตำหนักฉินเจิ้งก็ถูกเปิดออก หลิวฉีเหยียนเดินออกมา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดูท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่มองไปยังผู้ที่เพื่อนร่วมงานมักพูดถึงว่าคร่ำครึ แต่กลับเห็นว่าขันทีเจิ้งมีท่าทีเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก หลังจากประเมินอยู่ในใจครู่หนึ่ง เขาก็หลุบตาลง หลังจากที่ขันทีเจิ้งส่งหลิวฉีเหยียนลงบันไดไปแล้วและเดินกลับมา เขาก็หันไปเอ่ยว่า "รบกวนท่านรายงานฝ่าบาทหน่อยเถิด ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องรายงาน"
ขันทีเจิ้งพยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปในตำหนักฉินเจิ้ง
ไม่นานเขาก็ออกมาเรียกผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ "เชิญใต้เท้า"
ผู้พิพากษาขอบคุณเขาและรีบเดินเข้าไป จักรพรรดิหนิงกำลังอ่านฎีกาและไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขาเพียงเอ่ยเรียบๆ "ได้ยินว่าเจ้ามีเรื่องอะไรงั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้น?"
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่รีบพูดว่า "ฝ่าบาท วันนี้มีคนแสดงหลักฐานว่าการลอบสังหารองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย้หลางเกี่ยวข้องกับสกุลจิ่งพ่ะย่ะค่ะ"
"หือ?" จักรพรรดิหนิงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ แล้วจึงเอ่ยว่า "เจ้าบอกว่าเกี่ยวข้องกับสกุลจิ่งหรือ เรื่องเป็นมาอย่างไร? หลักฐานอะไร?"
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่เล่าเรื่องให้จักรพรรดิหนิงฟังอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิหนิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตามที่เจ้าว่ามาก็เกี่ยวพันกับสกุลจิ่งจริงๆ แต่นางคณิกานางนั้นฟังจากคำพูดของจิ่งเหวินหลานว่าจิ่งขุยเป็นผู้บงการ แต่กลับไม่มีหลักฐานที่แท้จริงที่จะพิสูจน์ได้ว่าจิ่งขุยเป็นผู้กระทำจริงๆ กระดาษที่พบบนร่างของจิ่งเหวินหลานนั้นอย่างมากก็สามารถบ่งชี้ตัวจิ่งเหวินหลานได้เท่านั้นและตอนนี้เขาก็ตายไปแล้ว หากเอาหลักฐานเหล่านี้ไปที่จวนจิ่ง จิ่งขุยเพียงบอกปัดไปว่าเขาไม่รู้อะไรเลยก็ไม่อาจลงโทษเขาได้อีก อย่างมากเจิ้นก็ทำได้เพียงโทษที่เขาอบรมเลี้ยงดูลูกชายไม่ได้เรื่องเท่านั้น"
หยุนชางหรี่ตาลง "ก่อนหน้านี้กองกำลังลับในเมืองหลวงของข้าเคยสืบพบว่าจิ่งเหวินซีไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของจิ่งขุย แต่นางเป็นหมากที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กเท่านั้น ที่จิ่งเหวินซีเข้าหาท่าน เข้าหาเสด็จพ่อ หรือเเม้กระทั่งเอาตัวเข้าแลกเพื่อยั่วยวนชางเจียคังหนิง ล้วนมีจิ่งขุยเป็นผู้บงการทั้งสิ้น นอกจากนี้คู่พ่อลูกคู่นี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนอีกด้วย"
"แม้เรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?" ประกายความสนใจวาบขึ้นในดวงตาของจิ้งอ๋อง "เมืองหลวงนี่น่าสนใจจริงๆ"
"หากให้จิ่งเหวินซีมาเป็นพยานให้การเอาผิดกับจิ่งขุยได้... " ดวงตาของหยุนชางโค้งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่จิ้งอ๋องกลับหัวเราะขึ้น "ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าจิ่งเหวินซีเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์เท่านั้น หลังจากที่ขังนางไว้แล้วก็ไม่ได้สนใจอีก หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าก็ควรจะสอบสวนนางเสียหน่อยเพื่อให้มาเป็นพยานในการเอาผิดจิ่งขุย"
หยุนชางส่ายหัว "ที่จิ่งเหวินซีเชื่อฟังจิ่งขุยมาเป็นเวลาหลายปีต้องเป็นเพราะเขาได้กุมจุดอ่อนของนางไว้แน่จึงทำให้นางไม่กล้าขัดขืน ตอนนี้จิ่งเหวินซีอยู่ในมือของเราแล้ว การที่จะสืบหาความลับระหว่างนางกับจิ่งขุยก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ บังเอิญว่าหม่อมฉันกำลังต้องการลองใช้ธูปพระพุทธเจ้าของแคว้นเซี่ยนั้นอยู่พอดีเลย"
"จิ้งอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตกลง "แต่ธูปพระพุทธเจ้านี่สามารถหาได้ที่ไหนหรือ?"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของจิ้งอ๋องแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเล็กๆ "ท่านอ๋องไม่ลองไปหาเซี่ยหวนอวี่ดู?"
สีหน้าของจิ้งอ๋องเปลี่ยนไป เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชาและมีท่าทางไม่เต็มใจจะพูดด้วยแล้ว หยุนชางแอบหัวเราะอยู่ในใจแต่กลับแสร้งถอนหายใจออกมา "ในเมื่อท่านอ๋องไม่เต็มใจ เช่นนั้นชางเอ๋อร์ลองไปหาหลิ่วหยินเฟิงดูก็ได้เพคะ"
สีหน้าของจิ้งอ๋องยิ่งแย่ลงไปอีก หยุนชางขบริมฝีปากเบาๆ "ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว เดิมทีชางเอ๋อร์สามารถส่งจดหมายไปที่แคว้นเซี่ยให้หนิงเชียนเตรียมให้ เพียงแต่จดหมายนี้ไปกลับใช้เวลาประมาณเดือนกว่าๆ หลังจากนี้ไปหนึ่งเดือนก็คงไม่ทันการณ์เสียแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...