ทันทีที่หยุนชางเข้าไปในจวนก็ถูกเรียกไปยังศาลาในสวนหลังจวน ที่ศาลานั้นฮวากั๋วกงฮูหยินและสตรีอีกสองสามคนที่ดูมีอายุแล้วกำลังดูงิ้วกันอยู่ บนเวทีมีเสียงร้องรำไม่ขาดปาก หยุนชางชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินเข้าไปหาฮวากั๋วกงฮูหยิน
เมื่อกั๋วกงฮูหยินเห็นนางก็ดีใจเป็นอย่างมาก "เจ้ามาแล้วหรือ? มา นั่งลง มาดูงิ้วเป็นเพื่อนข้าหน่อย"
หยุนชางนั่งลงอย่างเชื่อฟัง โชคดีที่ละครนั้นไม่ยาวนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จบลง ฮวากั๋วกงฮูหยินจึงหันกลับมายิ้ม “เจ้าเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย เหล่าฮูหยินจากตระกูลใหญ่ในเมืองจิ่นเจ้าก็ควรจะพบเสียหน่อย”
หยุนชางไม่รู้ว่าเหตุใดกั๋วกงฮูหยินจึงกล่าวเช่นนี้ แต่นางก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วหันไปมองหญิงชราเหล่านั้น กั๋วกงฮูหยินยิ้มน้อยๆ และเริ่มจากสตรีในชุดสีม่วงที่นั่งตรงหัวโต๊ะ "นี่คือพระชายาฉุนเสียงอ๋อง"
ฉุนเสียงอ๋องนั้นหยุนชางเคยเห็นจากในบันทึกมากก่อน เขาเป็นพี่ชายของอดีตจักรพรรดิ
“ต่อมาคือฮูหยินของท่านซือถู หลิ่วฮูหยิน ฮูหยินของไท่เว่ย หวังฮูหยิน และยังมีองค์หญิงหยุนหัว ฮูหยินของแม่ทัพฉางเวย เฉียนฮูหยิน ฮูหยินของแม่ทัพเจิ้นเป่ย โหลวฮูหยิน”
หยุนชางยืนขึ้นและย่อกายคำนับทีละคน สีหน้าเต็มไปด้วยแววเคารพสุภาพอ่อนโยน
“พวกท่านคงเคยเห็นนางที่งานเลี้ยงในวังตอนนั้น นางคือพระชายารุ่ยอ๋อง” กั๋วกงฮูหยินยิ้มและชี้ไปที่หยุนชาง
“เป็นเด็กที่ถ่อมตัวและสุภาพดีนี่” พระชายาฉุนเสียงเอ่ยชมเชยเบาๆ และทุกคนก็เห็นพ้องอย่างรวดเร็ว
องค์หญิงหยุนหัวยิ้มและกล่าวว่า “วันนั้นพบกันที่งานเลี้ยงแล้ว อยู่กับรุ่ยอ๋องช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก รูปโฉมเช่นนี้ในแคว้นเซี่ยคงมีน้อยคนที่จะมาเทียบเคียงได้ กิริยาก็งามนัก รุ่ยอ๋องช่างโชคดีเสียจริง”
หลังจากที่ทุกคนต่างผลัดกันสรรเสริญเยินยอนางแล้วก็มีสาวใช้ก็เข้ามาบอกฮวากั๋วกงว่า “ฮูหยิน องค์หญิงไท่อันพาเหล่าองค์หญิงน้อยและองค์ชายน้อยมาเจ้าค่ะ บอกว่ามาอวยพรวันเกิดฮูหยินเจ้าค่ะ”
ฮวากั๋วกงฮูหยินเลิกคิ้วและหันกลับมา “โอ้?”
นางพูดแล้วยิ้มและกล่าวกับฮูหยินเหล่านั้นว่า “พี่ๆ ทั้งหลายเป็นคนกันเองทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจ อยากดูงิ้วเรื่องไหนก็เลือกได้เลย”
พระชายาฉุนเสียงอ๋องโบกมือ “นางร้ายตัวน้อยนั่นรับมือไม่ง่ายเลย เจ้าไปเถอะ พวกเราจะไม่โทษเจ้าหรอก"
กั๋วกงฮูหยินจูงหยุนชางเดินออกจากศาลาไปตามระเบียงทางเดินไปยังสวนดอกไม้ "แม้ว่าฮูหยินเหล่านั้นจะอายุมากแล้ว แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นยอดคนทั้งสิ้น ตระกูลใหญ่เหล่านี้ในเมืองจิ่นยังคงอยู่ในมือของพวกนาง เจ้าคลุกคลีกับพวกนางบ่อยๆ ย่อมต้องได้รับผลดีแน่ พวกนางคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในจวน ใบหน้าของลูกหลานเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับไม่มีความจริงใจ หากเจ้าใส่ใจพวกนางเสียหน่อย พวกเขาก็จะรักเจ้าราวกับลูกหลาน บางครั้งปากของหญิงในจวนก็ไว้ใจไม่ได้เป็นที่สุด”
หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วจึงเข้าใจความหมายของกั๋วกงฮูหยิน นางพยักหน้าเบาๆ “ชางเอ๋อร์เข้าใจแล้ว”
หยุนชางอึ้งไปก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยด้านข้าง ไม่มีองค์ชายสิบเก้าอยู่จริงๆ นางจึงถามเสียงเบาว่า "เจ้ารู้ไหมว่าป่วยเป็นอะไร?"
เชียนหลิงส่ายหัว "ข้าไม่รู้ แต่ร่างกายของเสี่ยวสือจิ่วร้อนไปทั้งตัว เขาตัวร้อนมาก เสด็จแม่ไม่ยอมให้ข้าไปเยี่ยมเพราะกลัวว่าจะป่วยไปด้วย แต่ข้าแอบฟังนางกำนัลกับเสด็จแม่คุยกันได้ยินมาว่าเมื่อคืนที่ตำหนักของเสี่ยวสือจิ่วเรียกหมอหลวงมาตั้งหลายครั้ง เกรงว่าจะอาการไม่ค่อยดีนัก"
หยุนชางคิดถึงเด็กชายตัวน้อยที่ถูกองค์หญิงเชียนหลิงจูงมือมาขอขนมจากนางก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย นางถอนหายใจออกมาครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะไปส่งเจ้ากลับวังแล้วก็ถือโอกาสไปดูว่าเสี่ยวสือจิ่วเป็นอย่างไรบ้าง แล้วค่อยมาบอกเจ้าดีไหม?”
เมื่อเชียนหลิงได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาก็เปล่งประกายแวววาวและยิ้มตอบ “พี่สะใภ้ดีที่สุดเลย”
หยุนชางยิ้มและหยิบผลไม้เชื่อมให้นางแล้วกระซิบว่า “เสด็จอาไท่อันพาพวกเจ้ามาหรือ?”
เชียนหลิงพยักหน้าและพูดว่า “เสด็จอาไท่อันแปลกไปเล็กน้อย ช่วงนี้นางมักจะมาเล่นกับพวกเราแล้วยังนำของมากมายมาให้เราด้วย พวกเขาเกือบจะโดนนางซื้อใจไปสำเร็จแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ชอบนางอยู่ดี”
หยุนชางแอบชำเลืองมององค์หญิงไท่อันอย่างลับๆ แต่ก็เห็นว่านางดูเหมือนจะเหม่ออยู่ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยุนชางก็หันไปพูดกับองค์เชียนหลิงแล้วเอ่ยว่า “เสด็จแม่ของเจ้าว่าอย่างไร?”
แม้เชียนหลิงจะมีอายุเพียงสิบสองปี แต่กลับเป็นผู้ใหญ่แล้ว นางโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูของหยุนชางอย่างระมัดระวังว่า “เสด็จแม่บอกว่าอาหารที่นางให้ ให้แอบเอาเก็บไว้ ห้ามกินเด็ดขาด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...