หยุนชางไม่คาดคิดว่าลั่วชิงเหยียนจะกล่าวเช่นนี้ นางตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตระหนักได้ว่าลั่วชิงเหยียนหมายความว่าอย่างไร จู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้น นางยกมือขึ้นและตบไปที่ลั่วชิงเหยียนเบาๆ "พูดอะไรไร้สาระเนี่ย"
หลังจากพูดจบ นางก็หันไปนั่งบนเบาะ และคิดในใจว่า ลั่วชิงเหยียนหื่นกามมากขึ้นเรื่อยๆ นะเนี่ย ไม่อยากสนใจเขาแล้ว
ส่วนลั่วชิงเหยียนกลับเปลี่ยนสีหน้าจริงจังอย่างมาก และกล่าวด้วยความจริงจังว่า "ว่าแต่ เจ้าอยากรู้หรือว่าว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่จึงถูกเรียกตัวเข้าพบ"
หยุนชางอ้าปาก จากนั้นก็นึกถึงสิ่งที่ลั่วชิงเหยียนพูดมาด้วยความไม่สุภาพแล้ว จึงตอบด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า "หึ" ที่จากนั้นก็หันหน้าไปอ่านหนังสือ มิได้สนใจเขาต่อ
"ท่านหลิ่วฮูหยินคิดว่าลูกสาวของตนเคยเป็นนางสนมสุดโปรดปรานของฝ่าบาท จึงได้เดินทางไปที่พระราชวัง แต่ระหว่างทางก็พบกับมือสังหาร มือสังหารมีจำนวนมาก ส่วนท่านหลิ่วฮูหยินพาแค่สาวใช้สองคนและบ่าวสี่คนไป ................" ลั่วชิงเหยียนพูดเบาๆ มิได้กล่าวกระไรต่อ เขาจ้องมองมาที่หยุนชาง
หยุนชางเมินเฉย และแอบยิ้มในใจว่าข้ารู้ว่าเจ้าหรืออ๋องเจ็ดนั่นแหละเป็นคนส่งคนช่วยท่านฮูหยินหลิ่วเอาไว้ อีกทั้งยังปกป้องนางจนเข้าพระราชวังไป อยากจะชวนข้าคุยหรือ ฝันไปเถิด!
จู่ๆ ลั่วชิงเหยียนก็เปลี่ยนเรื่องคุย "แต่สุดท้ายท่านฮูหยินหลิ่วก็มิได้พบฝ่าบาท"
หยุนชางตกตะลึงกับจุดเปลี่ยนที่กะทันหันเช่นนี้ นางเงยหน้าขึ้นและถามด้วยความประหลาดใจว่า "เพราะเหตุใดหรือ? นางเข้าพระราชวังไปแล้วมิใช่หรือ? หรือว่าเกิดกระไรขึ้นที่วังหรือ?"
ทันทีที่พูดจบ หยุนชางก็เห็นรอยยิ้มที่แผนสำเร็จของลั่วชิงเหยียน จากนั้นจึงรู้ตัวขึ้นมาได้ว่า นางหลงกลเขาอีกแล้ว หยุนชางโกรธเคืองในใจอยู่พักหนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้น ไหนๆ ก็เอ่ยปากแล้ว เช่นนี้ก็ถามทั้งหมดในทีเดียวเสียดีกว่า "คนที่ช่วยท่านฮูหยินหลิ่วไว้เป็นคนของเจ้าหรือ? เหตุใดท่านฮูหยินหลิ่วจึงมิได้พบฝ่าบาท? แล้วเหตุใดฝ่าบาทจึงเรียกตัวองค์หญิงใหญ่เข้าพบหรือ?"
ลั่วชิงเหยียนนั่งลงข้างๆ หยุนชาง แต่เขาดูไม่เหมือนหยอกล้อเหมือนก่อนหน้านี้ สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย เขาดึงหยุนชางเอาไว้และกล่าวว่า " หลังจากที่ท่านฮูหยินหลิ่วเข้าวังไป ท่านก็จะตรงไปที่ตำหนักหารือ แต่ระหว่างทางก็พบหยุนกุ้ยเฟย หยุนกุ้ยเฟยดึงท่านฮูหยินหลิ่วเอาไว้และพูดคุยเรื่องๆ ต่างๆ อยู่ครู่หนึ่ง ท่านฮูหยินหลิ่วจึงมิได้ไปพบฝ่าบาท และหันหลังกลับไปที่จวนหลิ่วแทน"
หยุนชางอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง "หยุนกุ้ยเฟยพูดกระไรกับท่านฮูหยินหลิ่วหรือ?"
ลั่วชิงเหยียนส่ายหน้าเบา ๆ "คนของเราในวังเพียงแต่มองอยู่ไกลๆ แต่ไม่กล้าเข้าไปแอบฟัง ฉะนั้นจึงไม่ทราบว่าหยุนกุ้ยเฟยกล่าวกระไรต่อท่านฮูหยินหลิ่ว" ลั่วชิงเหยียนจับมือหยุนชางเอาไว้ กล่าวพร้อมหรี่ตาลง "เพียงแต่ว่า เป็นความจริงที่ท่านฮูหยินหลิ่วล้มเลิกความคิดที่จะไปทวงความยุติธรรมกับฝ่าบาทไปเพราะเหตุนี้ เจ้าค่อนข้างสนิทกับหยุนกุ้ยเฟย ข้าเกรงว่าต่อไปเจ้าต้องระวังเล็กน้อย อย่าเชื่อนางมากจนเกินไป"
หยุนชางและลั่วชิงเหยียนสบตากัน ล้วนมองเห็นความสงสัยที่ปรากฏในแววตาของอีกฝ่าย
หยุนชางโบกมือและทิ้งความสงสัยนี้ไป แล้วกล่าวว่า "ท่านฮูหยินหลิ่วมิได้พบฝ่าบาท แล้วเหตุใดฝ่าบาทจึงทรงเรียกองค์หญิงใหญ่เข้าวัง?"
ลั่วชิงเหยียนหันไปมองหยุนชางและยิ้มพร้อมกล่าว "นายชีเป็นคนที่เก่งนะ"
หยุนชางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงกล่าวเช่นนี้ แววตาของนางมองไปที่ลั่วชิงเหยียนด้วยความสงสัยลั่วชิงเหยียนจึงเลิกยิ้มและกล่าวว่า "ข้าเพียงแค่ให้เขาทราบเรื่องระหว่างองค์หญิงใหญ่และหลิ่วจิ้น เขากับตามสืบองค์หญิงใหญ่ขึ้นมา เพียงวันเดียวเท่านั้นเขาก็พบเบาะแสบางอย่าง" ลั่วชิงเหยียนหรี่ตาและพูดอย่างเย็นชาว่า "สำนักเชียนโฝที่องค์หญิงใหญ่ชอบไปไหว้พระอยู่เรื่อยๆ เมื่อสิบปีก่อนสำนักนี้มิได้มีชื่อเสียงมากนัก พระภิกษุสงฆ์จึงมีไม่มาก มีเพียงแต่สามสี่รูปเท่านั้น ต่อมาเมื่อสิบปีก่อน เจ้าอาวาสคนปัจจุบันได้เดินทางมาถึงสำนักเชียนโฝ และอาศัยอยู่ในสำนักเชียนโฝ ผ่านไปไม่นานอดีตเจ้าอาวาสของสำนักเชียงโฝก็เสียชีวิต"
หากหยุนชางกระจ่าง นางก้มศีรษะลงและจ้องมองที่มือของตนเองอย่างเหม่อลอย
"ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อดีตเจ้าอาวาสทิ้งหนังสือไว้ว่า ให้เจ้าอาวาสคนปัจจุบันนี้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อ เจ้าอาวาสคนปัจจุบันก็เก่งมากเช่นกัน หลังจากที่สำนักเชียนโฝตกมาอยู่ในมือของเขาและ พระภิกษุสงฆ์ในสำนักก็เพิ่มมากขึ้น และเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...