ฮองเฮาพลันกวาดสายตาไปทั่วร่างหยุนชาง เพียงครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากถามว่า "เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าผู้ที่ลักพาตัวรุ่ยอ๋องเป็นคนเดียวกลับที่ลักพาตัวฝ่าบาท ?"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวออกมาว่า "หม่อมฉันเติบโตในพระราชสำนักมาตั้งแต่เล็กจนโต เรื่องราวในพระราชสำนักหม่อมฉันล้วนแต่รู้เรื่องเป็นอย่างดี สิ่งที่ชัดเจนที่สุดของแรงจูงใจในการลักพาตัวฝ่าบาท เป็นไปได้ว่าคนผู้นั้นต้องการตำแหน่งที่ใหญ่โต ฝ่าบาทถูกลักพาตัว และยังมาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับท่านอ๋องอีก ฝ่าบาทและท่านอ๋องล้วนเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัลลังค์เป็นอย่างมาก เกรงว่าผู้ที่ลงมีจะมีแค่คนเดียว"
เนื่องจากว่าหยุนชางมิได้ระมัดระวังคำพูด จึงหลุดปากถึงเรื่องที่เซี่ยหวนอวี่หายตัวไปขึ้นมา ประโยคที่ต่อหลังจากนั้น จึงต้องทำการคิดให้รอบคอบก่อนจะพูดออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลบางอย่าง เมื่อพูดจบพลางใช้น้ำเสียงที่ดูร้อนรนในการอธิบายเสมือนกับเป็นสตรีที่ถูกทะนุถนอมจนเสียนิสัย
ฮองเฮามิได้หลบสายตาไปไหนเลย เพียงครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาว่า "เรื่องนี้ เปิ่งกงจักให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเป็นอย่างดี พระชายารุ่ยอ๋องอย่าได้กังวลไป"
กรมอาญา หยุนชางพลันเลิกคิ้วขึ้น หากแต่มิได้เอ่ยอันใดออกมา พลันได้ยินเสียงหลิ่วหยินเฟิงเปิดปากพูดเข้ามาว่า "เหนียงเหนียง เรื่องนี้หากส่งไปที่เจ้ากรมอาญาเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยพะยะค่ะ หากว่าเหตุการณ์ของท่านอ๋องจะเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวฝ่าบาทไปจริง ๆ เกรงว่าเรื่องนี้จะถูกกระจายข่าวออกไปได้"
"โอ้ ?" ฮองเฮาจึงหันมาทางหลิ่วหยินเฟิง. สายตาฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย "แล้วเจ้าคิดว่าผู้ใดจักสามารถมาตรวจสอบเรื่องนี้ได้ ?"
หลิ่วหยินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยออกมาว่า "หากฮองเฮาเหนียงเหนียงและพระชายารุ่ยอ๋องไม่ถือสาอันใด กระหม่อมจะลองตรวจสอบเรื่องนี้ดูพะยะค่ะ"
ภายในตำหนักไม่มีผู้ใดเอ่ยปากพูดขึ้นมา. เพียงครู่หนึ่ง จึงได้ยินน้ำเสียงที่นิ่งเงียบของฮองเฮาดังขึ้นมาว่า "น่าแปลกใจยิ่งนักที่เจ้าอาสาด้วยตนเองเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นก็ให้เจ้าเป็นคนตรวจสอบแล้วกัน"เมื่อพูดจบ จึงโบกมือไปมา "พวกเจ้าไปหารือกันที่ท้องพระโรงเสีย ที่นี่ส่งให้เปิ่นกงเป็นผู้ดูแล หากพวกเจ้าอยู่ที่นี่นานเกินไป จักมีคนสงสัยเอาได้ "
ผู้คนภายในตำหนักลอบมองหน้ากัน พร้อมคำนับแล้วจึงถอยกายจากไป เมื่อเปิดประตูตำหนักไทจี๋ออกมา กลับเห็นเป็นเสื้อคลุมสัตว์สีม่วงเงิน เดินออกมาจากด้านข้าง พร้อมทั้งเห็นรอยเท้าสองสามรอยที่หยุดฝีเท้าลง รวมทั้งรอยยิ้มที่ส่งออกมา "พระชายารุ่ยอ๋องและใต้เท้าทั้งหลายก็อยู่งั้นหรือ "
สตรีผู้นี้หยุนชางได้เห็นนางเพียงสองสามครั้ง เป็นเสียนฮูหยิน นางเป็นบุตรีของจวนตระกูลฟู่ ก่อนหน้านั้นเคยเป็นแขกของหนิงเฉี่ยน หยุนชางลอบสังเกตุนางดูแล้ว คงจะมาเยี่ยมเยือนเซี่ยหวนอวี่ จึงเปิดปากพูดคุยว่า "เสียนฮูหยินคงจะมาเยี่ยมเยียนฝ่าบาทกระมัง เมื่อครู่ฝ่าบาทเข้าประชุมกับใต้เท้าอยู่นาน จึงเกิดอาการเหนื่อยเล็กน้อย ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังพักผ่อนอยู่ ฮองเฮาเหนียงเหนียงคอยดูแลอยู่ข้างกายในตำหนักเพคะ"
เสียนฮูหยินได้ยินดังนัน ร้อนยิ้มพลันแห้งเหี่ยวลง พร้อมรีบร้อนพยักหน้าว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันค่อยมาเยี่ยมเยียนใหม่จะดีกว่า ทำไมพระชายารุ่ยอ๋องถึงอยู่ที่นี่ละเพคะ ?"
หยุนชางพลันส่งยิ้มเล็กน้อย "หม่อมฉันมีความรู้เรื่องการแพทย์อยู่บ้าง ฮองเฮาเหนียงเหนียงคิดว่าการแพทย์ของแคว้นหนิงและแคว้นเซี่ยมีความต่างกัน จึงเรียกให้หม่อมฉันเข้ามาตรวจอาการฝ่าบาทดูเพคะ"
"โอ้. โอ้. " เสียนฮูหยินพลันพูดงึมงำ ครู่หนึ่งจึงกล่าวออกมาว่า "ถ้าเช่นนั้นเชิญหวางเฟยและใต้เท้าไปทำงานต่อเถอะเพคะ หม่อมฉันขอตัวลาไปก่อน " เมื่อพูดจบ พลันรีบร้อนหันกายเดินจากไป
หยุนชางและหลิ่วหยินเฟิงเดินทางมาที่ท้องพระโรงพร้อมกัน หยุนชางมิได้เล่าเรื่องให้อ๋องเจ็ด ซูฉีและหลิ่วจิ้นฟัง หากแต่สายตาของอ๋องเจ็ดกวาดสายตาไปรอบ ๆ พร้อมมาหยุดที่หยุนชาง "ถ้าเช่นนั้นหยิ่นเฟิงก็ตรวจสอบเรื่องของเสด็จพี่เถอะ เปิ่นหวางและซูไท่เว่ยกับหลิ่วจิ้นจักไปตรวจสอบตำหนักหยุนชีอีกครั้ง ฮวากั๋วกงก็เป็นท่านตาของเสด็จพี่ เกรงว่าภายใจคงจะเป็นห่วงเป็นอย่างมาก อยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือพระชายารุ่ยอ๋องเถิด"
"เขาตัดขาดการสื่อสารกับพวกเราแล้ว จะไปมีประโยชน์อันใด " ฮวากั๋วกงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาท สีหน้าพลันดูไม่ดีเป็นอย่างมาก
เมื่อกำลังพูดคุนอยู่นั้น พลันมีข้ารับใช้เปิดประตูเข้ามา พร้อมส่งกระดาษมาให้หยุนชาง แล้วจึงถอยออกไป สายตาของหลิ่วหยินเฟิงและฮวากั๋วกงจับจ้องไปที่หยุนชาง หยุนชางมิได้สนใจพวกเขา พลางคลี่กระดาษออกมาให้พวกเขาดู เพียงครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นมาว่า "หม่อมฉันมิได้คิดว่าพวกท่านเป็นคนนอก หากมีคำพูดใดหม่อมฉันล้วนแต่เล่าให้พวกท่านฟัง " เงียบไปชั่วครู่ หลิ่วหยินเฟิงพลางเลิกคิ้วขึ้นมา ฮวากั๋วกงพลันจ้องมองมาที่หยุนชางด้วยความไม่เข้าใจ หยุนชางจึงพูดขึ้นมาว่า "เรื่องนี้ เกรงว่าคุณชายหลิ่วยากที่จะรับมือไหว หากแต่ หม่อมฉันอยากให้คุณชายหลิ่ว เมื่อกลับไปที่จวนแล้ว แอบสำรวจทุกที่ในจวนของตระกูลหลิ่วให้ดี "
หลิ่วหยินเฟิงตกตะลึงไปเล็กน้อย "ตระกูลหลิ่วมีอะไรผิดปกติงั้นหรือ ?"
หยุนชางพลันหักหน้าเล็กน้อย พร้อมพูดอย่างไม่หลบเลี่ยงว่า "องครักษ์เงาของข้าตรวจสอบได้ว่า. ตระกูลหลิ่วสั่งซื้อวัตถุดิดิบในวันนี้ มากกว่าปกตินิดหน่อย วัตถุดิบที่ถูกเพิ่มเติมมาเป็นปลากุ้ยหยู. หน่อไม้ดอง เยื่อไผ่ และไก่ต๊อก รวมถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ต่าง ๆ มีทั้งชายและหญิง อีกทั้งยังเป็นอาภรณ์เนื้อดีด้วย"
หลิ่วหยินเฟิงเงียบไปเพียงชั่วครู่ จึงพูดขึ้นมาว่า "ตระกูลหลิ่ว ล้วนแต่มีผู้คนมากหน้า สิ่งของพวกนี้นับว่าแปลกอันใดหรือ"
หยุนชางส่ายหัวไปมา "คุณชายหลิ่วมิได้รับผิดชอบภายในบ้าน คงไม่รู้กระมัง ปกติตระกูลหลิ่วมักจะมีกำหนดการในการซื้อวัตถุดิบในแต่ละวัน. หากว่ามีการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีการส่งข้อมูลไปให้ผู้ดูแลบัญชี ทว่าผู้คนในจวนล้วนแต่เป็นตัวเลขที่แน่นอน หากมีการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่แล้วละก็ จะต้องมีทั้งเพิ่มและลดบางส่วนออกไป ตัวเลขที่จะคงที่ หากจะต้องการซื้อของเพิ่มมากขึ้น ดั่งเช่นตระกูลหลิ่วซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ของฤดูหนาวมาเพิ่มนั้น ตระกูลหลิ่วเคยทำเรื่องซื้อมาก่อนแล้ว. เมื่อครู่ที่หม่อมฉันพูดไปนั้น เป็นสิ่งของที่เกินมาจากปกติ"
หยุนชางพลันเงยหน้ามองไปยังหลิ่วหยินเฟิง "คุณชายหลิ่วเข้าวังบ่อย ๆ อีกทั้งยังเป็นคนข้างกายฝ่าบาทอีก ต้องรู้อยู่แล้วว่าปลากุ้ยหยู. หน่อไม้ดอง เยื่อไผ่ และไก่ต๊อก เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทโปรดปรานทั้งนั้น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...