สายตาของหลิ่วหยินเฟิงทอดลงที่ใบหน้าของหยุนชาง หลังจากเงียบไปอยู่นานเขาก็พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า "ตกลง"
หลังจากฟังอยู่นาน ฮวากั๋วกงจึงฟังพอเข้าใจ เข้ารีบพูดว่า "อะไรนะ? จวนหลิ่วกล้าบังอาจเช่นนี้เชียวหรือ ข้าจะไปบุกทำลายจวนหลิ่วของพวกมัน"
หยุนชางรีบคว้าตัวฮวากั๋วกงไว้อย่างรวดเร็ว "ท่านตาโปรดใจเย็นก่อน ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาของข้าและไม่มีหลักฐาน ดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงให้คุณชายหลิ่วกลับจวนไปดูและไม่ได้กราบทูลฮองเฮา"
เมื่อฮวากั๋วกงได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนั้นก็ถลึงตามองนางแล้วจึงกล่าวด้วยท่าทางประหลาดว่า "เจ้าโง่หรือไง หลิ่วหยินเฟิงเป็นบุตรบุญธรรมของหลิ่วจิ้น เขาย่อมต้องช่วยหลิ่วจิ้น จะปล่อยให้เขาเป็นผู้ไปดูได้อย่างไร?"
"คุณชายหลิ่วเป็นผู้ที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัย ท่านตาเชื่อข้าสักครั้งเถอะ" หยุนชางกล่าวขอร้อง
หลิ่วหยินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า "ข้าจะกลับไปดูจวนหลิ่วเสียหน่อย" เขาหยุดไปนิดหนึ่งแล้วจึงเอ่ยโน้มน้าวหยุนชาง "ข้ารู้ว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นกลับรุ่ยอ๋องเจ้าย่อมร้อนใจ เพียงแต่ข้าแนะนำว่าเจ้าควรกลับไปรอข่าวที่จวน ฮองเฮาขี้ระแวงนัก เจ้าอยู่ในวังนานเกินไปก็ไม่เหมาะนัก หากมีข่าวแล้วข้าจะรีบไปบอกเจ้าที่จวนอ๋องทันที"
หยุนชางยังคงต้องการไปที่ตำหนักหยุนซี เมื่อได้ยินหลิ่วหยินเฟิงเอ่ยเช่นนี้จึงลังเล นางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า "ตกลง ข้าจะกลับไปรอข่าวที่จวน"
ฮวากั๋วกงได้ยินว่าหยุนชางกำลังจะกลับไป เขาก็ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย "กลับไปหรือ? ยังไม่มีข่าวของรุ่ยอ๋องเจ้าก็จะกลับไปแล้วหรือ? ไม่ได้ๆ ข้าต้องออกจากวังไปดูสถานที่ที่รุ่ยอ๋องถูกจับตัวไป ว่ามีเบาะแสใดหรือไม่ เจ้าบอกว่าตอนที่รุ่ยอ๋องถูกจับตัวไปข้างกายมีสายลับสองคน เจ้าเรียกสายลับสองคนนั้นมาด้วย ข้าจะทำการสอบสวนอย่างละเอียดและเหล่าชาวบ้านที่อยู่รอบๆ สถานที่เกิดเหตุก็ต้องไปซักถามเช่นกัน"
หยุนชางรู้ว่าฮวากั๋วกงก็เป็นห่วงลั่วชิงเหยียนเช่นกัน นางจึงไม่ได้เอ่ยขัดขวาง ทั้งสามออกจากวังไปด้วยกัน หลิ่วหยินเฟิงตรงกลับไปที่จวนหลิ่ว ฮวากั๋วกงตามหยุนชางไปที่จวนรุ่ยอ๋อง
หยุนชางให้พ่อบ้านไปตามตัวสายลับที่นำข่าวมาบอกให้แก่ฮวากั๋วกง นางพูดกับสายว่า "เจ้าพาฮวากั๋วกงไปยังที่เกิดเหตุดูเสียหน่อย หากเขาถามอะไรก็ให้ตอบอย่างละเอียด"
สายลับรับคำและนำทางฮวากั๋วกงไป
หยุนชางกลับมาที่ห้องและเห็นว่าเฉี่ยนจั๋วกำลังรอนางอยู่ที่ประตู "พระชายา สายลับที่ไปสืบเรื่องที่สำนักเชียนโฝกลับมาแล้วเพคะ เขาบอกว่าได้บนแผนที่ที่พระชายาวงกลมให้สองสามแห่ง พบว่ามีร่องรอยของใครบางคนประจำการอยู่สองแห่งเพคะ"
หยุนชางรับคำและรีบเข้าไปในห้อง สายลับกำลังรอนางอยู่ในห้อง เมื่อเห็นหยุนชางก็รีบส่งแผนที่คืนให้หยุนชาง "พระชายา..."
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ และกางแผนที่ออก "สองแห่งนั้นคือที่ใด?"
สายลับชี้ไปสถานที่สองแห่งที่ถูกวงไว้อย่างรวดเร็ว "ทั้งสองแห่งนี้ ข้าน้อยพบว่าป่าในบริเวณใกล้เคียงเคยมีร่องรอยของผู้คนมากมาย ต้นไม้ในภูเขาตัด หญ้าที่ใช้เลี้ยงม้าก็ถูกตัดจนเตียน นอกจากนี้ยังมีหลุมกลบในป่าที่เพิ่งถูกสร้างขึ้น ข้างในฝังสิ่งของจำพวกกระทะ จาน ชาม อานม้าเก่าและของอื่นๆ"
หยุนชางมองสถานที่ทั้งสองแห่งนั้น นิ้วของนางกดทำเครื่องหมายอย่างหนักบนแผนที่ที่ทำมาจากกระดาษหนังแพะ ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนชางจึงถามขึ้นอีกครั้งว่า "สถานที่ทั้งสองแห่งนี้มีคนประมาณเท่าไร?"
สายลับเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "แต่ละแห่งมีคนไม่มากนัก ไม่น่าถึงหนึ่งหมื่นคนขอรับ"
หยุนชางพยักหน้า สภาพภูมิศาสตร์ของบริเวณใกล้เคียงของสำนักเชียนโฝไม่เอื้ออำนวยต่อการซ่อนกำลังทหารเหมือนที่ทหารเคยถูกซ่อนไว้ในแคว้นหนิง ในภูเขามีพิษล้อม ไม่มีคนและกว้างขวางมาก ถือเป็นภูมิศาสตร์ที่ดีเยี่ยม บริเวณใกล้เคียงของสำนักเชียนโฝนั้นค่อนข้างเสี่ยง เพราะแม้จะมีคนผ่านไปน้อยมาก แต่พื้นที่กลับไม่กว้างขวางนัก หากจู่ๆ ก็นำผู้คนจำนวนมากไปประจำการในคราวเดียวก็ยากที่จะไม่ทำให้ดึงดูดความสนใจ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงทำได้เพียงกระจายกำลังคนไปยังหลายที่ แม้จะดูกระจัดกระจาย แต่ก็มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก แม้จะถูกพบเห็นหนึ่งหรือสองคนก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็เกรงว่าสถานที่ทั้งสองแห่งที่ซ่อนกำลังคนไว้นั้นเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ทั้งยังกำจัดอย่างง่ายดายและผลกระทบต่อองค์หญิงใหญ่ก็ไม่มากนัก อีกทั้งยังเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นอีกด้วย
หยุนชางขมวดคิ้วมองดูแผนที่อยู่นานแล้วจึงถอนหายใจและโบกมือ "ข้ารู้แล้ว ลำบากพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ"
สายลับผู้นั้นจึงจากไป หยุนชางนั่งลงบนเก้าอี้และจมดิ่งลงสู่ห้วงคิด เมื่อเฉี่ยนจั๋วเห็นท่าทางของหยุนชางก็ไม่กล้ารบกวน นางจึงยืนอยู่ด้านข้างพลางมองหยุนชางนิ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ด้านนอกก็มีคนเดินเข้ามารายงาน "พระชายา คุณชายหลิ่วหยินเฟิงมาเพคะ"
หยุนชางจึงได้สติ นางรีบถามทันที "อยู่ที่ห้องรับแขกหรือ?"
ข้ารับใช้ตอบว่า "เพคะ ตอนนี้พ่อบ้านรับรองอยู่ที่ห้องรับแขกเพคะ"
หยุนชางตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วจึงคลี่กระดาษออก วัตถุสีดำตกลงบนพื้น ดวงตาของหยุนชางมองไปยังวัตถุสีดำนั้นและจ้องมองมันโดยไม่ได้กะพริบตา
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉี่ยนจั๋วก็ก้มลงไปหยิบมันขึ้น เหลือบดูเล็กน้อยแล้วจึงบ่นพึมพำ "องครักษ์?" ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นทันทีและรีบยื่นของสิ่งนี้ให้หยุนชางด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
หยุนชางรับมันมามองอยู่นานก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "ทำไม ทำไมท่านอ๋องไม่ได้พกตราสั่งการองครักษ์ไปด้วย? เหตุใดมันจึงอยู่ใต้หมอนของข้า?"
หยุนชางรีบกางกระดาษออกอ่าน บนนั้นเป็นแผนที่และยังเป็นแผนที่ที่หยุนชางรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ หยุนชางดูแผนที่ไปแล้วไม่รู้กี่รอบ
"นี่ไม่ใช่แผนที่บริเวณใกล้เคียงของสำนักเชียนโฝหรือ?" เฉี่ยนจั๋วเหลือบมองแผนที่แวบหนึ่งแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองที่หยุนชางด้วยสีหน้างงงวย
หยุนชางจ้องแผนที่อยู่ครู่ใหญ่จึงเห็นว่าบนแผนที่นั้นมีจุดถูกวาดไว้มากมาย จุดนั้นรวมไปถึงจุดสองจุดที่สายลับไปสืบมาในวันนี้ หยุนชางผงะไปครู่หนึ่งแล้วจึงได้สติ บางที่นี่อาจเป็นแผนภาพจุดวางกำลังพลขององค์หญิงใหญ่ มุมล่างซ้ายยังมีอักษรตัวเล็กๆ ที่ยืนยันความคิดของหยุนชางอยู่ด้วย มีอักษรสี่ตัวเขียนไว้ ทหารอยู่ที่นี่
นางไม่ได้มีความคิดเช่นนี้คนเดียว ที่แท้ปรากฏว่าลั่วชิงเหยียนได้สั่งให้คนไปค้นหาสถานที่เหล่านั้นมาแล้ว แต่หากเป็นเช่นนั้นแล้วเหตุใดเขาจึงไม่นำกำลังทหารไปยังสถานที่เหล่านั้นเพื่อกำราบพวกเขาโดยตรง องค์หญิงใหญ่ย่อมไม่รู้แน่ว่าเขารู้แล้วว่านางซ่อนกำลังพลไว้ที่ใดบ้างและย่อมต้องสังหารนางได้อย่างง่ายดาย ถ้าทำเช่นนั้นองค์ใหญ่ย่อมไม่ทันได้เตรียมการใดๆ น เจ้าหญิงจะไม่มีการต่อรองใดๆ และนางจะเป็นดังลูกไก่ในกำมือ
เหตุใดลั่วชิงเหยียนจึงรู้จุดเหล่านี้แล้วแต่กลับใช้วิธีที่โง่เขลาที่สุดที่จะเสี่ยงและปล่อยให้ตนเองตกเป็นเชลยของนาง
เดิมทีหยุนชางคิดว่าลั่วชิงเหยียนต้องการเข้าไปในถ้ำเสือเพื่อหยั่งเชิงที่ซ่อนขององค์หญิง แล้วจึงคิดหาวิธีส่งข่าวออกมาเพื่อให้หยุนชางหรือคนอื่นๆ สามารถไปช่วยเขาได้ เพียงแต่หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดจึงมีตราสั่งการกางบัญชาการทหารองครักษ์และแผนที่วางอยู่ด้วยกันที่ใต้หมอนของนาง...
เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วก็งุนงงเช่นกัน "พระชายา ท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือเขาตั้งใจว่าหลังจากที่เข้าส่งข่าวมาแล้ว ให้พระชายานำป้ายสั่งการเคลื่อนกำลังพลไปช่วยเขา?"
หยุนชางไม่ตอบ เพียงแต่เก็บทั้งสองสิ่งนี้ไว้เงียบๆ และขมวดคิ้วยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
ในตอนนั้นเองก็มีข้ารับใช้อีกผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นหยุนชางยืนอยู่ก็จึงรีบรายงาน "พระชายา กั๋วกงฮูหยินมาเยี่ยมเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...