หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นของสองอย่างให้เฉี่ยนหลิ่ว "เอาไปวางไว้ใต้หมอนของข้าตามเดิมเถอะ" พูดจบแล้วนางก็เดินกลับไปที่ห้องโถงรับแขกอีกครั้ง
สีหน้าของกั๋วกงฮูหยินที่อยู่ในห้องรับแขกเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ดวงตาของนางจ้องมองไปที่ประตูตลอดเวลา เมื่อมีสาวใช้นำชามาให้นางก็เพียงแต่ส่ายหัว "เอาไปเถอะ ตอนนี้ข้าไม่มีกะจิตกะใจดื่มชา"
หยุนชางที่เดินมาถึงด้านนอกประตูก็ได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี นางชะงักไปเล็กน้อยแล้วจึงหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปทักทายกั๋วกงฮูหยิน "ท่านยาย..."
กั๋วกงฮูหยินรีบผุดลุกขึ้นปรี่เข้ามาหาหยุนชางและจับมือของหยุนชางไว้ นางประเมินท่าทีของหยุนชางแล้วจึงกล่าวว่า "ทำไมเจ้าจึงได้หน้าซีดอย่างนั้นเล่า หรือว่าข่าวลือภายนอกเป็นความจริง เกิดเรื่องขึ้นกับชิงเหยียนหรือ?"
หยุนชางนิ่งไปเล็กน้อยแล้วก็ถอนหายใจออกมา ใบหน้าของนางขมขื่น เสียงเอ่ยคำก็ยิ่งเบาหวิวลงไปอีก "ใช่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อเช้านี้ท่านอ๋องกลับมาจากพระราชวังเพื่อมาเอาของ หลังจากที่เขารับประทานอาหารเช้าแล้วก็รีบร้อนกลับไปที่วังอีกครั้ง ไม่นานองครักษ์ก็รายงานว่าระหว่างทางไปยังพระราชวังพบกลุ่มคนจำนวนมากมาลอบสังหาร ตอนนั้นข้างกายท่านอ๋องมีเพียงสายลับสองคนเท่านั้นจึงไม่อาจต้านทานได้ เขาจึงถูกคนเหล่านั้นพาตัวไป สายลับผู้หนึ่งเห็นว่าเป็นสถานการณ์เร่งด่วนจึงเสี่ยงอันตรายกลับมารายงานที่จวน"
กั๋วกงฮูหยินตัวสั่น นางตบต้นขาตัวเองอย่างโมโห ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความร้อนรน "ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ไปได้? "
หยุนชางก้มศีรษะลงนิ่ง ดวงตาของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย ลั่วชิงเหยียนโดดเดี่ยวมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ในที่สุดก็มีญาติที่ห่วงใยเขาแล้ว
กั๋วกงฮูหยินพึมพำกับตนเองหลายครั้งว่า "ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?" แล้วนางก็รีบลุกขึ้นยืน "ไม่ได้ ข้าต้องเข้าวังไปขอร้องฮองเฮาเพื่อให้นางส่งคนไปช่วยลั่วชิงเหยียน ข้ามีหลานชายคนนี้เพียงคนเดียว จะปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด"
หยุนชางเอื้อมมือไปคว้าตัวกั๋วกงฮูหยินไว้ เพียงแต่กั๋วกงฮูหยินเคลื่อนไหวเร็วเกินไป หยุนชางจึงคว้านางไว้ไม่ได้ ยังไม่ทันได้สติ กั๋วกงฮูหยินก็เดินไปถึงประตูใหญ่แล้ว
"เหลวไหล!" เสียงหนึ่งดังเข้ามาจากด้านนอก ตามด้วยเสียงเฮอะ
เมื่อหยุนชางรีบเดินไปที่ประตูก็เห็นฮวากั๋วกงยืนอยู่โดยเอามือไพล่หลังมองภรรยาของเขา ใบหน้าของเขาเย็นชาราวกับกำลังโกรธจัด แต่กลับไม่มีประกายโทสะในดวงตาของเขาเลย
หยุนชางมองไปที่ด้านหลังของฮวากั๋วกง ไม่มีเงาของหลิ่วหยินเฟิงอยู่ที่นั่น เขาคงจะจากไปแล้ว
เมื่อกั๋วกงฮูหยินพบฮวากั๋วกง ฝีเท้าของนางก็ชะงักงันและราวกับได้สติกลับคืนมา "อ้อ ข้าลืมไป ฮองเฮาไม่ใช่หลิงเอ๋อร์แล้ว" หลังพูดจบนางก็จับมือของฮวากั๋วกงขึ้นและกล่าวว่า "ท่านรีบไปช่วยชิงเหยียนด้วยเถอะ"
ฮวากั๋วกงขมวดคิ้ว สีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาจูงกั๋วกงฮูหยินเดินไปทางประตูจวน นางเดินตามเขาไปและเกือบจะสะดุดล้มแต่กลับถูกฮวากั๋วกงลากออกไปด้านนอก นางจึงร้อนรนขึ้นเล็กน้อย "ท่านจะทำอะไร?"
เมื่อเฉี่ยนจั๋วเห็นดังนั้นก็กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยกั๋วกงฮูหยิน แต่ถูกหยุนชางปรามไว้ เฉี่ยนจั๋วตกตะลึงแล้วจึงหยุดไป เมื่อฮวากั๋วกงพาฮูหยินของตนเองออกไปจากจวนรุ่ยอ๋องแล้ว หยุนชางก็กล่าวอย่างเรียบเฉย "ฮวากั๋วกงไม่ทำอะไรกั๋วกงฮูหยินหรอก"
เฉี่ยนจั๋วได้ยินเช่นนั้นก็นึกไปว่าเมื่อครู่ยามที่กั๋วกงฮูหยินเกือบจะหกล้มลงกับพื้น เขาก็ดึงมือขึ้นเพื่อดึงตัวกั๋วกงฮูหยินไว้ไม่ให้ล้มนางจึงรับคำ "เพคะ
หยุนชางหันหลังเดินออกจากห้องโถงรับแขกไป แต่กลับเห็นพ่อบ้านยืนขมวดคิ้วอยู่ที่หน้าประตูราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ หยุนชางจึงหยุดฝีเท้าลงมองไปที่เขาและถามว่า "พ่อบ้านคิดอะไรอยู่หรือ?"
เมื่อได้ยินดังนั้น พ่อบ้านจึงรีบคำนับหยุนชางก่อนจะเอ่ยว่า "ข้าน้อยพบว่าวันนี้หลังจากที่เกิดเรื่องกับท่านอ๋อง เหล่าคนสอดแนมที่อยู่รอบจวนดูจะน้อยลงไปมากขอรับ"
"หือ?" หยุนชางหันไปมองพ่อบ้านอย่างครุ่นคิด "หายไปเท่าไหร่หรือ?"
พ่อบ้านรีบตอบว่า "หลังจากเกิดเรื่องในวังเมื่อวานนี้ สายสอดแนมนอกจวนก็เพิ่มขึ้นมาประมาณสามสี่คน ข้าน้อยเห็นว่าท่านอ๋องและพระชายายุ่งมากจึงไม่ได้รายงาน เพียงแต่เมื่อท่านอ๋องหายตัวไปแล้ว คนเหล่านั้นก็น้อยลงไปประมาณเจ็ดแปดคนขอรับ ตอนนี้เหลืออยู่เพียงสามสี่คนเท่านั้น"
"เจ็ดแปดคน..." หยุนชางกระชับเสื้อคลุมบนร่าง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่ดวงตาของนางกลับมีประกาย พอท่านอ๋องเกิดเรื่องก็ถอนกำลังไปงั้นหรือ กำลังที่ถอนออกไปนั้นส่วนใหญ่ก็คงเป็นผู้ที่ไปลักพาตัวท่านอ๋องไปแน่ องค์หญิงใหญ่...
เหล่าคนที่ยังเหลืออยู่นั้นคงเป็นคนของฮองเฮาและองค์ชายเจ็ด และหากยังมีคนขององค์หญิงใหญ่หลงเหลืออยู่ก็คงจะเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นเพื่อคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของนาง
ยามนี้ฝ่าบาทหายตัวไป ในวังก็กำลังร้อนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮองเฮาไม่อาจดูแลทุกอย่างได้อย่างทั่วถึงและยิ่งไม่อาจดูแลมาถึงจวนรุ่ยอ๋องได้ ส่วนองค์ชายเจ็ดนั้น... เกรงว่าคงกำลังมุ่งมาดอยู่กับการฉวยโอกาสหาวิธีทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนบัลลังก์ให้เป็นของเขาได้เท่านั้น
ใบหน้าของหยุนชางซีดเผือดลงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น นางฝืนยิ้มและกวาดตามองเหล่าคนที่สัญจรไปมาด้านหน้าจวน พวกเขาเหล่านั้นราวกับกำลังเงี่ยหูฟังบทสนทนานี้อยู่
สีหน้าของหยุนชางซีดเซียวเล็กน้อย นางยิ้มอย่างเศร้าสร้อย "ใช่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋องเมื่อวานนี้ ข้าไปส่งข่าวให้ฮองเฮาที่วังมาแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวเพิ่มเลย ข้าจึงกำลังจะเข้าไปในวังอีกครั้ง"
เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวว่า "เช่นนั้นหม่อมฉันเข้าวังเป็นเพื่อนพระชายาไหมเพคะ?"
หยุนชางส่ายหัว "ไม่ต้องหรอก เจ้ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องจัดการ ข้านำเฉี่ยนหลิ่วกับเฉี่ยนจั๋วไปก็พอแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ" นางพูดแล้วจึงก้าวไปยังรถม้าที่จอดอยู่นอกประตูจวนและขึ้นรถม้าไป แต่ทันทีที่นางขึ้นรถก็รู้สึกราวกับว่าโลกกำลังหมุนและหน้าซีดลงอีกครั้ง บนหน้าผากมีเหงื่อไหลผุดพราวและร่างกายของนางก็อ่อนแรง โงนเงนหงายไปด้านหลัง
เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วเห็นดังนั้นก็ร้องอุทานออกมา "พระชายา!" พวกนางยื่นมือออกไปรับร่างของหยุนชางไว้
เกิดความโกลาหลขึ้นที่นอกจวนรุ่ยอ๋องในทันที
"รีบพาพระชายากลับไปที่ห้องเร็วเข้า!" เฉี่ยนอินตะโกนเสียงดังและสั่งคนเฝ้าประตูที่อยู่ด้านหลังนางอย่างรวดเร็ว "ไปตามหมอมา ยังยืนอึ้งอะไรอยู่อีกเล่า?"
พวกนางพยายามอย่างหนักจึงนำตัวของหยุนชางกลับไปที่ห้อง วางนางให้นอนลงบนเตียง หยุนชางลืมตาขึ้นช้าๆ และนวดหน้าผาก "นอกจวนยังมีเหล่าหูตาอยู่อีกหรือไม่?"
เฉี่ยนจั๋วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "หายไปสองคนเพคะ"
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ แล้วพยุงตัวขึ้นนั่ง "คงจะกลับไปส่งข่าว"
เฉี่ยนอินยิ้มพลางรีบกล่าวว่า "เกรงว่าข่าวที่ว่ารุ่ยอ๋องหายตัวไป พระชายาไร้สิ้นเรี่ยวแรง ไม่อาจระงับความโศกเศร้าได้จนเป็นลมที่หน้าจวนต้องแพร่ไปทั่วเมืองจิ่นอย่างรวดเร็วเป็นแน่เพคะ"
หยุนชางพยักหน้าและก็เห็นพ่อบ้านเดินนำหมอที่สะพายกล่องยาบนหลังเข้ามา เขาคำนับหยุนชางแล้วจึงเดินไปที่เตียง เขาย่อตัวลงจับชีพจรอย่างระมัดระวังและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแฝงแววยินดี "ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะพระชายา ทรงมีข่าวดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...