ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 575

ทุกคนต่างกุลีกุจอเตรียมตัวลงเขาตามหยุนชางไป บนเขาทั้งเปียกทั้งลื่น หยุนชางเดินอย่างทุลักทุเล นางเกือบจะลื่นล้มอยู่หลายครั้ง ดีที่เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วคอยพยุงนางไว้

เมื่อลงมาถึงตีนเขาก็เป็นเวลากลางวันแล้ว เส้นทางข้างหน้าเป็นทางราบ เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "พระชายา เกิดอะไรขึ้นกับเมืองจิ่นหรือเพคะ?"

หยุนชางขมวดคิ้ว เมื่อนางได้ฟังที่เฉี่ยนจั๋วถาม นางจึงตอบไปว่า "ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของยอดเขากิเลนเป็นที่ตั้งของสำนักเชียนโฝ ข้าลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท จึงไม่ได้ให้คนไปคุมตัวนักบวชที่สำนักเชียนโฝเอาไว้ก่อน หลังจากที่พวกเรายึดครองฐานทัพบนยอดเขาได้สำเร็จ ทหารที่เหลือก็ได้จุดไฟเผากระโจมขึ้นมาเพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปบอกฐานทัพจุดอื่นๆ ทหารคนที่คิดฝ่าวงล้อมของเราต้องการมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นไปได้ว่า จะมีคนขององค์หญิงอยู่ที่สำนักเชียนโฝ บางที ในเมืองเชียนเฉิงก็มีเช่นเดียวกัน เปลวไฟบนยอดเขาเป็นสัญญาณส่งไปให้คนขององค์หญิงใหญ่ พวกเขาคงจะมุ่งหน้าไปยังเมืองจิ่นแล้ว เพื่อนำเรื่องนี้กราบทูลให้องค์หญิงใหญ่ทรงทราบ"

เฉี่ยนจั๋วยังคงรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ "ไม่ช้าก็เร็ว องค์หญิงใหญ่ก็ต้องทรงทราบเรื่องนี้อยู่ดี พระชายาเคยรับสั่งว่า ทหารขององค์หญิงใหญ่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่หากถูกพวกเราจับได้แล้ว องค์หญิงใหญ่ที่ไม่มีทางเดินถอยหลังกลับ ก็จะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือให้พวกเราจับเล่นสบายๆเลยไม่ใช่หรือเพคะ?"

"ก็ใช่ องค์หญิงใหญ่ที่ไม่มีทางเดินถอยหลังกลับแล้ว แต่ถ้าเราต้องการให้นางมาเป็นลูกไก่ในกำมือ ก็ต้องรีบจับตัวนางมาไว้ มิเช่นนั้นแล้ว หากฝ่ายส่งสารขององค์หญิงใหญ่เดินทางไปถึงเมืองจิ่นก่อนพวกเราแม้เพียงก้าวเดียว องค์หญิงใหญ่ทรงทราบเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไร ก็คงจะงัดเอาแผนสุดท้ายออกมาใช้ ซึ่งก็คงมีอยู่วิธีเดียว นั่นก็คือการสังหารฮ่องเต้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์!" หยุนชางพูดจบก็หน้าถอดสี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนาวหรือเพราะนางรู้สึกหวั่นใจกันแน่

เมื่อเฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วได้ฟังก็ตกใจเป็นอย่างมาก ทั้งสองตกตะลึงอยู่สักพัก แล้วเฉี่ยนหลิ่วจึงถามขึ้นมาว่า "พระชายาเพคะ ความหมายของท่านก็คือพวกเราจะต้องไปให้ถึงเมืองจิ่นก่อนฝ่ายส่งสารขององค์หญิงใหญ่ เพื่อไปเตรียมความพร้อม คอยป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นใช่ไหมเพคะ?"

หยุนชางกัดริมฝีปาก "ไม่เพียงแต่ต้องไปถึงเมืองจิ่นก่อน เรายังต้องตามไปขวางฝ่ายส่งสารขององค์หญิงใหญ่อีกด้วย แล้วแจ้งไปยังกองกำลังองครักษ์ในเมืองจิ่น ให้พวกเขาช่วยหาทางป้องกันให้อีกทาง"

เฉี่ยนหลิ่วได้ฟังแล้วก็ครุ่นคิด ไม่นานนักนางก็หันไปหาหยุนชางแล้วคุกเข่าลง "พระชายา โปรดนำป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์มอบให้กับหม่อมฉันเถิดเพคะ หม่อมฉันจะไปจัดการให้เอง ป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์เป็นของสำคัญ หม่อมฉันขอให้คำมั่นสัญญาว่า ตราบใดที่หม่อมฉันยังไม่ตาย หม่อมฉันจะเก็บรักษาป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์ไว้ยิ่งชีพเพคะ"

หยุนชางตะลึง นางมองไปที่เฉี่ยนหลิ่วแล้วไตร่ตรองอยู่สักพัก จากนั้นจึงพยักหน้า "ได้ ข้าจะให้สายลับ 10 นายติดตามเจ้าไปด้วย มีสายลับ 3 นายที่เดินทางได้รวดเร็ว ให้เขาไปถึงเมืองต่างๆก่อนเจ้า คอยเตรียมเสบียงและม้าไว้ให้เจ้า สายลับอีก 4 นายคอยอยู่ใกล้ๆเจ้า ปกป้องดูแลเจ้าและป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์ สายลับอีก 3 นายที่เหลือคอยตามหาฝ่ายส่งสารขององค์หญิงใหญ่และหาทางกำจัดทิ้งเสีย"

เฉี่ยนหลิ่วรับคำ หยุนชางพูดต่อไปอีกว่า "ข้าจะมอบป้ายประจำตัวพระชายาให้กับเจ้าด้วย เมื่อเจ้ากลับไปถึงเมืองจิ่นแล้ว จงไปพบฮวากั๋วกงที่จวนกั๋วกง บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟังโดยละเอียด นำป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์มอบให้เขา ให้เขาจัดคนออกติดตามร่องรอยของฮ่องเต้"

เฉี่ยนหลิ่วน้อมรับคำสั่ง หยุนชางถอนหายใจออกมา แล้วหยิบป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์กับป้ายประจำตัวพระชายาส่งให้กับเฉี่ยนหลิ่ว "ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงสุขภาพของข้า ไม่อยากให้ข้าไปเสี่ยงอันตราย ความดีครั้งนี้ข้าจะจดจำไว้ไม่มีวันลืมเลย"

เฉี่ยนหลิ่วคารวะหยุนชาง "พระชายาทรงเป็นนายเหนือหัวของหม่อมฉัน การได้ปกป้องพระชายายิ่งชีพถือเป็นเกียรติภูมิสูงสุดของหม่อมฉัน หม่อมฉันต้องขอทูลลาก่อนนะเพคะ"

หยุนชางพยักหน้า เฉี่ยนหลิ่วขึ้นไปบนหลังม้า แล้วออกเดินทางไปพร้อมกับสายลับอีก 10 นาย

หยุนชางมองดูพวกเขาคล้อยหลังไป แล้วจึงหันมาพูดกับหลิวหมิง "ถึงแม้ว่าจะมีเฉี่ยนหลิ่วได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่พวกเราจะชะล่าใจไม่ได้เป็นอันขาด พวกเราจะไปที่เมืองเชียนเฉิงก่อน เมื่อเรียกรวมกองทหารอวี้หลินจนครบแล้วค่อยออกเดินทางต่อไป"

หลิวหมิงรับคำ คณะเดินทางได้มุ่งหน้าไปยังเมืองเชียนเฉิง เมื่อมาถึงที่พัก เฉี่ยนจั๋วก็จัดแจงข้าวของ รอให้กองทหารอวี้หลินมากันครบแล้วก็พร้อมออกเดินทางต่อในทันที ทันใดนั้นก็ปรากฏกองกำลังทหารจำนวนเกือบ 2 แสนนายเดินทางเข้ามาในเมืองเชียนเฉิง สร้างความตกอกตกใจให้กับคนเฝ้าประตูเมืองเป็นอย่างมาก คนเฝ้าประตูถามไถ่ที่มาที่ไป แล้วจึงไปเคาะประตูที่พักของหยุนชาง

เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแอบแฝงสิ่งใดอีกต่อไป หยุนชางแต่งตัวเป็นสตรีดังเช่นปกติ และให้หลิวหมิงไปเข้าพบท่านเจ้าเมืองเชียนเฉิง

ไม่รู้ว่าหลิวหมิงและท่านเจ้าเมืองเชียนเฉิงได้พูดคุยอะไรกันไปบ้าง ท่านเจ้าเมืองเชียนเฉิงรีบมาเข้าเฝ้าหยุนชาง ณ ที่พัก เขามีอาการเข่าอ่อน เมื่อคุกเข่าลงต่อหน้าหยุนชางแล้ว จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "ขอพระชายาทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ทราบมาก่อนจริงๆว่าพื้นที่บริเวณนี้จะมีการซุกซ่อนกองกำลังจำนวนมหาศาลเช่นนั้น หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางส่งยิ้ม นางมองไปที่ท่านเจ้าเมือง สักพักนางก็พูดบางอย่างออกมา น้ำเสียงของนางนุ่มนวล แต่กลับสร้างความกดดันให้กับผู้ฟัง "เช่นนั้นหรือ? ข้ามาถึงเมืองเชียนเฉิงได้เพียง 2-3 วัน ก็รู้แล้วว่าร้านค้าข้าวสารในเมืองเชียนเฉิงของท่านได้ขายข้าวมากพอสำหรับจำนวนคน 1 แสนคน แต่จำนวนประชากรในเมืองเชียนเฉิงมีเพียงแค่ 4 หมื่นคน แล้วจำนวน 6 หมื่นที่เหลือเล่า ท่านเป็นถึงเจ้าเมือง แต่ไม่รู้สึกระแคะระคายแม้แต่น้อยเลยงั้นหรือ? ข้าควรจะกราบทูลเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ดีหรือไม่ ท่านยังอยากจะอยูในตำแหน่งท่านเจ้าเมืองต่อไปอีกหรือไม่?"

แต่ในวันเดียวกันนั้นเอง กลับมีองครักษ์นายหนึ่งแอบออกมานอกฐานทัพ แม้เฉี่ยนอินจะส่งคนสะกดรอยตามไปแล้ว แต่เมื่อเขาเดินเข้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งก็ตามหาตัวเขาไม่ได้อีกต่อไป

ยังไม่ทันที่กองกำลังองครักษ์จะปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นก็ต้องถูกฮองเฮา ซูฉี หลิ่วจิ้น และอ๋องเจ็ดเข้ามาขัดขวาง พวกเขาจ้องมองป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์ในมือของฮวากั๋วกงด้วยความสงสัยว่าเป็นของจริงหรือของปลอม พวกเขากล่าวโทษฮวากั๋วกงว่า เกิดเรื่องขึ้นกับฮ่องเต้ กระทำการบุ่มบ่ามจนเป็นจุดสนใจเช่นนี้ หากข่าวนี้รู้ไปถึงหูคนภายนอก ในวังคงจะเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกมากมาย

หยุนชางแสยะยิ้ม ความวุ่นวายที่จะเกิดก็คงจะมาจากตัวพวกเขาต่างหากล่ะ แม้กองกำลังองครักษ์จะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของฮวากั๋วกง แต่องครักษ์เหล่านี้ก็เคารพเทอดทูนเซี่ยหวนอวี่และลั่วชิงเหยียน ไม่มีทางกระทำการใดๆให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาได้แน่นอน

ดีที่ฮวากั๋วกงไม่ชอบเชื่อฟังคำสั่งของใคร เขาสั่งให้องครักษ์ทำงานต่อโดยไม่สนใจผู้ที่มาห้ามปราม

เมื่อหยุนชางได้ฟังรายงานจากสายลับแล้ว นางครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วหันไปพูดกับเฉี่ยนจั๋วว่า "เดินทางอีกแค่เพียงวันเดียวก็จะเข้าเขตเมืองจิ่นแล้ว รถม้าเดินทางล่าช้าไปนิด เจ้าช่วยไปเตรียมม้ามาให้ข้าสักตัว พวกเรารีบกลับไปที่จวนรุ่ยอ๋องกันเถอะ"

เฉี่ยนจั๋วไตรตรองดูสักครู่ก็ตกปากรับคำ นางไปนำม้ามา แล้วจัดหาสายลับพร้อมด้วยกองทหารอวี้หลินกลุ่มเล็ก แล้วทั้งหมดก็เดินทางไปยังเมืองจิ่นโดยพร้อมเพรียงกัน

เช้าวันต่อมา ทุกคนก็มาถึงเมืองจิ่น เฉี่ยนอินได้ทราบข่าวล่วงหน้าแล้ว จึงเตรียมการบางอย่างรอการกลับมาของหยุนชาง และหยุนชางก็สามารถกลับเข้ามาในจวนรุ่ยอ๋องทางประตูหลังได้อย่างง่ายดาย

กั๋วกงฮูหยินยังคงอยู่ที่จวนรุ่ยอ๋อง เมื่อนางได้พบกับหยุนชางก็ทำตาโตและพูดเสียงดังออกมาในทันที "หนิงหยุนชางเด็กคนนี้นี่......"

ในขณะที่นางกำลังพูดอยู่นั้น พ่อบ้านก็เดินกลับเข้ามาในจวนด้วยท่าทางเร่งรีบ เมื่อเขาได้พบกับหยุนชางก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาพูดด้วยความร้อนใจว่า "ในที่สุดพระชายาก็เสด็จกลับมาแล้ว มีคนในวังมาที่จวน แจ้งว่าฮองเฮาทรงเรียกพบพระชายาในวังพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันยังคิดอยู่ว่าจะมาปรึกษากั๋วกงฮูหยินว่าจะทำเช่นไรดี ดีเหลือเกินที่พระชายาเสด็จกลับมาแล้ว"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง