หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฮองเฮาเรียกนางเข้าเฝ้า อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องการเคลื่อนกองกำลังองครักษ์
หยุนชางกลับไปมองเฉี่ยนจั๋วและกล่าวว่า "ไปเตรียมเสื้อผ้า ข้าจะไป เปลี่ยนเสื้อผ้า"
กั๋วกงฮูหยินคว้าหยุนชางเอาไว้แล้วกล่าวว่า "เจ้ามิต้องสนใจหรอก ก่อนหน้านี้เจ้าปล่อยข่าวออกไปว่าเจ้าตั้งครรภ์ แต่ร่างกายอ่อนแอนัก ตกอยู่ในช่วงที่เสี่ยงต่อการแท้งอย่างมาก และเจ้าต้องพักผ่อนอยู่บนเตียงทั้งวัน แม้ว่าท่านยายคนนี้ยังเข้ามาอาศัยที่จวนรุ่ยอ๋องเพราะว่าเป็นห่วงทารกในครรภ์ของเจ้าอีกด้วย หากว่าตอนนี้เจ้าเข้าพระราชวังไปอย่างแข็งแรงเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าเจ้าบอกกับฮองเฮาอย่างโจ่งแจ้งว่าทุกอย่างนี้เจ้าสร้างเรื่องขึ้นมามิใช่หรือ?"
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วและกล่าวว่า "แต่ไม่ว่าอย่างไรฮองเฮาก็เป็นถึงมารดาแห่งแผ่นดินนี้ หากว่าหม่อมฉันขัดคำสั่งท่านเช่นนี้คงไม่เหมาะสมกระมั้ง?"
กั๋วกงฮูหยินมองจ้องไปที่หยุนชาง จากนั้นก็กล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า "ไม่เหมาะสมกระไรกัน? ประเดี๋ยวข้าจะไปพบคนที่มาจากพระราชวังนั่น ถ้าหากว่าไม่ได้จริงๆข้าก็เข้าวังไปพร้อมนางก็ย่อมได้ ข้าไม่กลัวอับอาย ข้าจะไปกล่าวกับฮองเฮาทั้งน้ำตา ให้นางได้ทราบว่า ขิงแก่ย่อมเผ็ดเสมอ"
"แต่..." หยุนชางกำลังจะเอ่ยปาก แต่ถูกกั๋วกงฮูหยินขัดเอาไว้ว่า "เอาล่ะ แต่อะไรกัน เจ้าดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ เจ้ากลับมาถึงจวนเพลานี้ แสดงว่าเจ้าเดินทางทั้งคืนมิได้พักผ่อนใช่หรือไม่? หากว่าเจ้าเข้าวังไปเช่นนี้ มีแต่จะทำให้ฮองเฮาสงสัย เจ้าไปอาบน้ำล้างตัว แล้วนอนพักที่เตียงเถิด เรื่องอื่นๆข้าจะจัดการเอง" หลังจากนั้นนางก็จ้องไปที่หยุนชาง และกล่าวอย่างดุดันว่า "รอข้ากลับจากพระราชวังก่อน แล้วค่อยจัดการเจ้า"
หลังจากพูดจบ กั๋วกงฮูหยินไม่ให้โอกาสหยุนชางพูดอีกต่อไป จากนั้นนางก็พาสาวใช้ออกจากลานบ้านไป
หยุนชางยืนอยู่ที่ลานบ้านและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตระหนักได้ว่าสิ่งที่กั๋วกงฮูหยินกล่าวมาก็สมเหตุสมผลดี อีกทั้งกั๋วกงฮูหยินอาศัยอยู่ที่วังหลังมาเป็นเวลานาน ฮองเฮาอาจสู้กั๋วกงฮูหยินมิได้ จากนั้นนางจึงสั่งให้เฉี่ยนจั๋วไปเตรียมน้ำอุ่นมาให้นางได้ล้างตัวล้างหน้า
หลังจากหยุนชางอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็กินอาหารไปบ้างเล็กน้อยแล้วจึงถอดรองเท้าและเข้านอน
ไม่นานหยุนชางก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงคนคุยหัน นางกำลังจะเรียกสาวใช้มา แต่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น "สีหน้าของพระชายารุ่ยดูไม่ดีเท่าไหร่นัก ได้เชิญท่านหมอมาหรือยัง? ข้าพาหมอหลวงมาพอดี ให้หมอหลวงจับชีพจรให้พระชายารุ่ยอ๋องหน่อยเถิด"
หยุนชางตกตะลึง ฮองเฮามาที่จวนรุ่ยอ๋องได้อย่างไร?
ขณะที่คิด ก็ได้ยินเสียงของกั๋วกงฮูหยินดังขึ้นว่า "เห้อ สองสามวันที่ผ่านมานี้พระชายารุ่ยอ๋องเป็นห่วงรุ่ยอ๋องอย่างมาก จึงหลับไม่สนิทเท่าไหร่นัก กลางวันก็ลงจากเตียงมิได้ จึงทำได้แค่นอนพักผ่อน แต่ก็เอาแต่ฝันร้ายแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา ฉะนั้นสีหน้าจึงไม่ค่อยดีนัก ส่วนท่านหมอนั้นเชิญมาอยู่หลายท่าน เข้าออกตรวจดูอยู่ทุกวัน เพียงแต่นางกำลังตั้งครรภ์ ยาบางตัวจึงกินมิได้ ท่านหมอจึงไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน"
เสียงของกั๋วกงฮูหยินแหบแห้งเล็กน้อย นางพูดอย่างช้าๆ ราวกับว่าเสียใจอย่างมาก หลังจากพูดจบก็ได้ถอนหายใจยาวๆ " หม่อมฉันกลัวจริงๆ กลัวว่ากว่ารุ่ยอ๋องจะกลับมา ร่างกายของเจ้าเด็กนี่คงทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน และหม่อมฉันเป็นห่วงทารกที่อยู่ในครรภ์มากที่สุด หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปควรทำอย่างไรดี"
"ดูท่าทีแล้วสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก" เสียงของฮองเฮาหยุดชะงัก จากนั้นก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้งว่า "ท่านหมอเฉิน........."
หยุนชางรู้ว่าฮองเฮาอยากให้หมอหลวงจับชีพจรของนาง นางจึงขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นก็มีน้ำตาไหลออกมา นางยื่นมือออกนอกผ้าห่มแล้วโบกมือไปมา พูดพึมพำว่า " ชิงเหยียน ชิงเหยียน.......ชิงเหยียนเจ้าอยู่ที่ใด? ชิงเหยียน......ชิงเหยียนเจ้าจะทิ้งข้าไปหรือ? ชิงเหยียน!"
เสียงสุดท้ายนั้นเศร้าโศกอย่างมาก หลังจากที่ตะโกนเช่นนั้นแล้วหยุนชางก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที แต่สายตาของนางดูเหม่อลอยอย่างมาก
กั๋วกงฮูหยินและเฉี่ยนจั๋วก็รีบวิ่งไปที่ข้างเตียง กั๋วกงฮูหยินนั่งอยู่ที่ข้างเตียงแล้วจับมือหยุนชางเอาไว้ หยุนชางตกตะลึงจากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาอย่างสดใส นางหันไปมองกั๋วกงฮูหยินแล้วตะโกนอีกครั้งว่า "ชิงเหยียน!"
กั๋วกงฮูหยินรีบพูดว่า "ฝันร้ายอีกแล้วหรือ? มิต้องกลัวนะ ยายอยู่นี่"
หยุนชางตกตะลึง รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆ จางหายไป หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนางก็เอ่ยปากเบาๆว่า "ท่านยายเพคะ..." จากนั้นก็พึมพำอย่างผิดหวังว่า "ที่แท้ท่านยายนี่เอง"
เมื่อกั๋วกงฮูหยินเห็นฮองเฮาจ้องมองไปที่หยุนชาง นางจึงรีบกล่าวว่า "ชางเอ๋อร์ พระราชินีมาเยี่ยมเจ้าน่ะ"
หยุนชางผงะเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นก็ค่อย ๆ หันไปมองฮองเฮาอยู่นาน ฮองเฮาเห็นว่าหยุนชางมิได้ลุกขึ้นถวายบังคมตน นางจึงขมวดคิ้ว แต่ก็คลายออกในทันที "ชางเอ๋อร์ ข้ามาเยี่ยมเจ้า"
ดูเหมือนหยุนชางพึงจะได้สติขึ้นมา จากนั้นก็เร่งจะออกจากผ้าห่มมาถวายบังคมต่อฮองเฮา เมื่อยกผ้าห่มออกได้ครึ่งเดียว สีหน้าของหยุนชางก็แย่ลงด้วยความเจ็บปวด เอากุมท้องแล้วซุกหน้าลงในผ้าห่มมิกล้าขยับต่อ
กั๋วกงฮูหยินเหลือบมองฮองเฮาอย่างเย็นชา หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มและเงยหน้ากล่าวต่อกั๋วกงฮูหยินว่า "ตั้งแต่เช้ามาท่านยายยังมิได้รับประทานอาหารเช้าเลยเพคะ หม่อมฉันได้สั่งให้คนใช้ไปเตรียมอาหารมาแล้ว ท่านยายไปรับประทานก่อนเถิดเพคะ"
เมื่อกั๋วกงฮูหยินเห็นว่าหยุนชางมั่นใจอย่างมาก นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าและน้อมลาฮองเฮา แล้วจึงออกไป
ฮองเฮาเห็นว่ากั๋วกงฮูหยินออกจากห้องไป จึงได้หันไปมองหยุนชาง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มและกล่าวว่า "กั๋วกงฮูหยินโปรดปรานเจ้าอย่างมากนะ ข้าได้ข่าวว่าสองสามวันนี้นางมิได้กลับไปที่จวนกั๋วกงเลยใช่หรือไม่? ฮวากั๋วกงได้กล่าวว่ากระไรหรือไม่? ได้ส่งคนมาตามนางหรือไม่?"
หยุนชางอมยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงของนางอ่อนแรงอย่างมาก "สองสามวันที่ผ่านมานี้ท่านตายุ่งจัดการแต่เรื่องท่านอ๋องเพคะ ฉะนั้นท่านตาจึงเห็นด้วยอย่างมากที่ท่านยายมาจวนท่านอ๋องเพคะ ร่างกายของหม่อมฉันอ่อนแอนัก ทำให้พวกท่านลำบากอย่างมาก พวกท่านอายุเท่านี้แล้วแต่ก็ยังต้องคอยจัดการกังวลเรื่องในจวนท่านอ๋อง หลังจากวันนั้นที่พบว่าหม่อมฉันตั้งครรภ์ ท่านหมอกล่าวอีกว่าร่างกายของหม่อมฉันอ่อนแอนัก คงยากที่จะรักษาเด็กคนนี้เอาไว้ ท่านตาและท่านยายกังวลอย่างมาก ท่านตาบอกกับหม่อมฉันว่า เรื่องท่านอ๋องท่านตาจะเป็นคนจัดการเอง และให้ท่านยายมาดูแลหม่อมฉันเพคะ อีกทั้งยังออกคำสั่งอีกว่า ให้คนเฝ้าอยู่หน้าประตู ห้ามไม่ให้ใครมาคุยกับหม่อมฉันเรื่องท่านอ๋องเพคะ ทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้เป็นหม่อมฉันกังวลหรือวิตกเพคะ"
ฮองเฮาหรี่ตาลง " เจ้าไม่ทราบเลยหรือว่าฮวากั๋วกงทำกระไรอยู่ข้างนอก?"
หยุนชางหัวเราะ "หม่อมฉันไม่ทราบและไม่อยากทราบเพคะ แม้ว่าท่านตากับท่านอ๋องจะดูเป็นคู่กัดกันในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็มีสายเลือดเดียวกัน ท่านตาเองก็รักท่านอ๋องอย่างมากเพคะ เกิดเรื่องเช่นนี้กับท่านอ๋อล หม่อมฉันย่อมเป็นห่วง แต่ท่านตาและท่านยายก็เป็นห่วงไม่น้อยไปกว่าหม่อมฉันเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันทำได้เพียงแค่รักษาตัวดีๆ จึงจะเป็นการตอบแทนท่านทั้งสองที่ดีที่สุดเพคะ หากว่ามีเบาะแสเกี่ยวกับท่านอ๋อง ท่านตาก็คงบอกให้หม่อมฉันทราบอย่างแน่นอนเพคะ"
ฮองเฮาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "เดิมทีข้าคิดจะคุยกับเจ้าเรื่องรุ่ยอ๋องสักหน่อย หากเป็นอย่างที่เจ้ากล่าวมา เจ้าไม่อยากฟังแล้วหรือ?"
หยุนชางพยักหน้า ยิ้มและก้มศีรษะให้ฮองเฮาเล็กน้อย ซึ่งถือว่าถวายบังคม " พระราชินีโปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วยเถิด"
ฮองเฮายิ้มด้วยความเย็นชาเล็กน้อย แต่นางก็ยิ้มและกล่าวว่า " ตามหลักการแล้ว เข้าและรุ่ยอ๋องก็คงต้องเรียกข้าว่าเสด็จแม่ ฮวากั๋วกงและกั๋วกงฮูหยินอยากให้เจ้าทั้งสองมิต้องกังวลใจและอยู่เย็นเป็นสุข ข้าเองก็คิดเช่นนี้ หากเป็นเช่นนั้นข้าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ว่าแต่ก่อนที่รุ่ยอ๋องจะหายตัวไป เขาได้ฝากของกระไรให้เจ้าเอาไปให้ฮวากั๋วกงหรือไม่?"
แสงประกายที่มืดมนวาบผ่านด้วยตาของหยุนชาง ที่แท้ฮองเฮาสงสัยว่าเซี่ยนหวนอวี่มอบป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์ให้กับลั่วชิงเหยียนนี่เอง หยุนชางแอบหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ เพียงแต่ป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์นั้นจะอยู่ในมือลั่วชิงเหยียนหรือฮวากั๋วกง มันต่างกันอย่างไร?
หยุนชางคิดในใจ นางจึงยิ้มและกล่าวว่า "พระราชินีหมายถึงป้ายสีดำใช่หรือไม่เพคะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...