ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 577

มือของฮองเฮาที่วางข้างลำตัวแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย แววตาที่นางมองหยุนชางนั้นเผยความสงสัยออกมา หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางจึงค่อย ๆ ยิ้มออกมาอย่างช้าๆ "ใช่แล้ว ป้ายประจำตัวสีดำ เกิดกระไรขึ้นหรือ? ชางเอ๋อร์เคยพบเห็นหรือ?"

"หม่อมฉันเคยเห็นเพคะ ไม่เพียงแต่แค่เห็น ตอนนี้ป้ายนั้นอยู่ใต้หมอนหม่อมฉันเพคะ" หยุนชางยิ้มอย่างลึกลับ นางเงยหน้าและมองไปที่ฮองเฮาด้วยความสงสัยเล็กน้อย "แต่ทว่า เหตุใดพระราชินีจึงถามถึงป้ายประจำตัวนั่นล่ะเพคะ?"

ฮองเฮาจ้องมองหมอนที่หยุนชางหนุนอยู่ แววตาของนางแผดเผาเล็กน้อย "มันอยู่ในมือเจ้าหรือ?" ฮองเฮาครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้นจึงยิ้มและกล่าวว่า "ข้ามิได้อยากได้ของสิ่งนั้นหรอก แต่ถึงอย่างไรป้ายนั้นเป็นของฝ่าบาท ฝ่าบาทมอบให้กับรุ่ยอ๋อง ข้าก็มิได้มีข้อคิดเห็นใดๆ รุ่ยอ๋องเป็นบุตรของฝ่าบาท ฉะนั้นฝ่าบาททรงโปรดปรานก็ย่อมไม่ผิด เพียงแต่แม้ว่าฮวากั๋วกงเป็นท่านตาของรุ่ยอ๋อง แต่เขามิใช่ราชนิกุล ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงตระหนักว่าจะมีคนนำป้ายนั้นกระทำความชั่ว ฉะนั้นจึงได้แบ่งมันออกมาเป็นสามชิ้น และหมอบให้กับซูไท่เว่ย หลิ่วซือถูและฮวากั๋วกง"

ฮองเฮาหยุดกล่าว จากนั้นก็ยิ้ม "หากว่าฮวากั๋วกงถือป้ายที่สมบูรณ์ไว้ในมือเพียงคนเดียว คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่กระมั้ง? ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังองครักษ์นั้นถูกตั้งขึ้นเพื่อปกป้องฝ่าบาท ปกป้องพระราชวัง ปกป้องเมืองจิ่น จะฟังคำสั่งของคนนอกได้อย่างไร? หากว่าเกิดเรื่องกระไรขึ้น เกรงว่าฝ่าบาทก็คงจะตำหนิรุ่ยอ๋องกระมั้ง"

ฮองเฮาเดินไปที่นั่งข้างเตียงหยุนชาง จับมือหยุนชางขึ้นมาและยิ้ม "เจ้าทราบหรือไม่ว่า สองวันก่อนฮวากั๋วกงนำป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์ไปเคลื่อนทัพองครักษ์ และตามหาฝ่าบาทไปทั่วเมือง เมื่อทำเช่นนี้หากว่ามีคนหวังไม่ดีพบเข้า คงจะเดาได้ว่าเกิดเรื่องกับฝ่าบาท เช่นนี้พระราชวังก็คงจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่"

หลังจากที่ฮองเฮาพูดเรื่องเหล่านี้อยู่คนเดียวไปสักพัก หยุนชางจึงเอ่ยปากว่าความงุนงงและความสงสัยว่า "องครักษ์หรือ? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองครักษ์อย่างไรหรือเพคะ?"

ฮองเฮาชะงักเล็กน้อยและขมวดคิ้ว "ป้ายประจำตัวสีดำที่เจ้าว่ามามิใช่ป้ายเคลื่อนกองกำลังองครักษ์หรือ?"

"ไม่ใช่เพคะ..." หยุนชางส่ายหน้า จากนั้นก็หยิบป้ายประจำตัวสีดำออกมาจากใต้หมอน ฮองเฮาเร่งรับป้ายนั้นมา จากนั้นสีหน้าของนางก็แย่ลงทันที ป้ายประจำตัวนั้นเป็นสีดำก็จริง แต่ว่าบนป้ายนั้นสลักคำว่า "ลั่ว" เอาไว้

หยุนชางรีบกล่าวว่า "วันนั้นได้ทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฝ่าบาท และวันที่สองขณะที่เสวยพระกระยาหารเช้า ท่านอ๋องได้กลับมาที่จวนเพคะ จากนั้นก็มอบป้ายนี้ให้หม่อมฉัน ป้ายประจำตัวนี้เป็นป้ายท่านอ๋องใช้เมื่อครั้งอยู่แคว้นหนิงเพคะ ป้ายนี้ใช้ในการเคลื่อนกองกำลังสายลับเพคะ ท่านอ๋องกล่าวว่า ตอนนี้ในเมืองจิ่นวุ่นวายเล็กน้อย ฉะนั้นจึงให้หม่อมฉันรักษาตัวให้ดี และยังกล่าวอีกว่าสายลับทั้งหมดที่สามารถเคลื่อนไหวมาได้ล้วนคอยปกป้องหม่อมฉันอย่างลับๆ อยู่รอบๆ จวนรุ่ยอ๋องเพคะ และบอกกับหม่อมฉันว่าหากว่าหม่อมฉันต้องการ สามารถสั่งการสายลับได้ตลอดเวลาเพคะ และด้วยเหตุนี้ท่านอ๋องจึงเข้าพระราชวังไปพร้อมสายลับเพียงสองคน จึงถูกจับตัวไปเพคะ"

หยุนชางก้มหน้าลง ดูเหมือนเสียใจเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมา "หลังจากนั้นด้วยเหตุที่หม่อมฉันตั้งครรภ์ และท่านตาได้กล่าวว่าท่านจะสืบเรื่องท่านอ๋องเอง หม่อมฉันจึงได้มอบป้ายประจำตัวนี้ให้ท่านตาไปเพคะ เพื่อหวังว่าจะช่วยได้บ้าง แต่เช้าของสองสามวันก่อนท่านตาได้ให้ท่านยายนำป้ายนี้มาคืนหม่อมฉันเพคะ ป้ายประจำตัวนี้มีปัญหากระไรหรือไม่เพคะ?" หยุนชางจ้องไปที่ฮองเฮาและถามด้วยเสียงเบาๆ

ฮองเฮาหรี่ตาลง แววตาของนางเผยความอาฆาตออกมา แต่ก็ปกปิดไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน ฮองเฮาก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวพร้อมอมยิ้มว่า "ไม่มีปัญหากระไรหรอก ในเมื่อมันเป็นสิ่งของที่รุ่ยอ๋องมอบให้เจ้า เจ้าก็เก็บไว้พึงระลึกถึงรุ่ยอ๋องเถิด เห็นว่าเจ้ามิได้เป็นกระไรข้าเองก็สบายใจขึ้นมาก เช่นนี้ข้าก็จะกลับวังแล้วล่ะ" นางส่งป้ายนั้นคืนให้หยุนชางขณะที่กล่าวเช่นนี้

เก็บไว้พึงระลึกถึงรุ่ยอ๋องอย่างนั้นหรือ? มือของหยุนชางที่ยื่นไปรับป้ายนั้นสั่นเล็กน้อย ฮองเฮากล่าวเช่นนี้หมายความว่ากำลังสาปแช่งท่านอ๋องหรือ? หยุนชางรับป้ายมาและอมยิ้ม นางยิ้มเยาะเย้ยขึ้นในใจ ฮองเฮาคงไม่ทราบกระมั้งว่าตนที่มีชื่อว่าหนิงหยุนชางเป็นคนจดจำเรื่องแค้นใจได้เป็นอย่างดี แค้นนี้นางจดจำไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาต้องชดใช้จะทำให้ฮองเฮาชดใช้มันเป็นสองเท่า

"หม่อมฉันน้อมส่งพระราชินีเพคะ" หยุนชางมิได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา และเมื่อฮองเฮาออกจากห้องไปแล้ว นางจึงยิ้มออกมาด้วยแววตาอาฆาต

เสียงของกั๋วกงฮูหยินดังขึ้นมาจากข้างนอก และเสียงนั้นค่อยๆ ห่างหายไป เฉี่ยนจั๋วเดินไปที่ประตูและยืนพิงหน้าต่างมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินกลับมาพร้อมกล่าวว่า "กั๋วกงฮูหยินน้อมส่งพระราชินีไปแล้วเพคะ"

หยุนชางพยักหน้า เปิดผ้าห่มและไปนั่งข้างเตียง เฉี่ยนจั๋วนั่งลงและสวมรองเท้าให้หยุนชาง จากนั้นจึงหยิบเสื้อผ้ามาสวมให้หยุนชาง หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว กั๋วกงฮูหยินก็เดินกลับจากข้างนอก นางขมวดคิ้วแน่น " เรื่องที่เจ้าตั้งครรภ์มิใช่เรื่องโกหกหรือ?"

หยุนชางชะงัก นางมองซ้ายมองขวาและกล่าวว่า " ทารกแข็งดีเพคะ ชางเอ๋อร์เองเป็นหมออยู่แล้ว ไม่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอนเพคะ"

ห้องที่เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วอาศัยอยู่นั้นอยู่หลังลานบ้าน ตรงนั้นมีห้องเรียงกันหนึ่งแถว เมื่อหยุนชางเดินเข้าไปในห้องก็ได้กลิ่นของยาสมุนไพร หยุนชางจึงรีบเดินไปถึงหน้าประตู จากนั้นก็ได้ยินเสียงคุยกันดังขึ้นว่า " คุณพี่เฉี่ยนหลิ่วเจ้าคะ ยานี้ค่อนข้างร้อน คุณพี่รอสักประเดี๋ยวแล้วค่อยดื่มดีกว่าเพคะ"

เฉี่ยนหลิ่วตอบด้วยเสียงต่ำ หยุนชางก้าวเข้าไปในห้อง คนในห้องจึงหันมามอง แววตาของเฉี่ยนหลิ่วเผยประกายแห่งความสุขขึ้นมาทันที นางเปิดผ้าห่มออกแล้วกำลังจะลงจากเตียง

หยุนชางรีบเดินไปที่เตียงและจับนางเอาไว้ จากนั้นก็นั่งลงข้างเตียง "มิต้องลุกขึ้นมาหรอก เจ้าบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ยังจะคารวะข้าอีก"

เฉี่ยนจั๋วให้สาวใช้ที่อยู่ในห้องถอยลงไป จากนั้นหยุนชางมองไปที่เฉี่ยนหลิ่วด้วยสีหน้าที่ตำหนินางเล็กน้อยและกล่าวว่า " เจ้าเอาแต่เตือนให้ข้าดูแลรักษาตัวเองให้ดี แต่เจ้ากลับไม่รักษาร่างกายตัวเองเลย แม้ว่าเรื่องมันจะด่วนเพียงใด แต่ก็ยังไม่ด่วนถึงขั้นที่ต้องให้เจ้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเช่นนี้ ให้ข้าดูหน่อยว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้ามียาดีๆ อยู่ไม่น้อย ประเดี๋ยวข้าจะให้เฉี่ยนจั๋วนำมาให้เจ้า เจ้าเด็กโง่เอ๊ย ปกติเจ้าเป็นคนที่สงบและใจเย็น เหตุใดบางทีจึงใจร้อนเช่นนี้เล่า"

เฉี่ยนหลิ่วยิ้มและกล่าวว่า "แผลดูน่าเกลียดเล็กน้อย หม่อมฉันมิกล้าที่ให้พระชายาดูหรอกเพคะ แค่แผลดูน่ากลัวเพคะ อันที่จริงมิได้สาหัสขนาดนั้นหรอก ช่วงนี้กั๋วกงฮูหยินได้สั่งให้คนใช้นำยาชั้นดีมาทาให้หม่อมฉันแล้วเพคะ พระชายามิต้องเป็นห่วงเพคะ อีกสักสามถึงห้าวัน หม่อมฉันก็กลับมาฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผาดโผนแล้วเพคะ"

เฉี่ยนจั๋วยืนอยู่ข้างหยุนชางและมองไปที่เฉี่ยนหลิ่ว นางไม่สามารถเก็บซ่อนความเป็นห่วงในสายตาไว้ได้ "พระชายาดุเจ้าไม่มีผิดเลย ปกติเจ้าใจเย็นยิ่งกว่าใครๆ เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จักดูแลตัวเองเลย ข้าไม่สนใจหรอกนะ เจ้าต้องรีบหายดีแล้วมารับใช้พระชายาพร้อมข้า หากคิดจะพักผ่อนไปตลอดเป็นไปไม่ได้หรอกนะ"

แม้ว่าน้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความตำหนิ แต่มีแต่ความเป็นห่วง

เมื่อเฉี่ยนหลิ่วเห็นว่าทั้งสองคนกำลังตำหนิตน นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนา"สองสามวันมานี้เกิดเรื่องมากมายที่เมืองจิ่น ดูเหมือนว่าเหล่าขุนนางในวังจะทราบเรื่องที่ฝ่าบาทหายตัวไป ช่วงนี้ขุนนางหลายคนเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้วเพคะ หม่อมฉันได้สั่งให้คนไปรวบรวมรายชื่อมา หม่อมฉันเองก็ว่างไม่มีกระไรทำ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะเรียบเรียงแล้วนำไปให้พระชายาเพคะ รายชื่อนั้นได้บันทึกไว้ว่าช่วงที่ผ่านมานี้ขุนนางท่านใดได้ไปมาหาสู่กันบ้าง แต่มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญใดเกิดขึ้นระหว่างเหล่าขุนนาง อีกทั้งแม้แต่การเคลื่อนไหวของเหล่าฮูหยินก็จดบันทึกไว้เพคะ ว่าแต่ พระชายาทราบหรือไม่เพคะว่าท่านฮูหยินหลิ่วจากไปแล้ว?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง