ในขณะที่พ่อบ้านของจวนกั๋วกงนำหยุนชางและลั่วชิงเหยียนเดินเข้าไปในจวน ทั้งสองก็ได้เห็นว่าภายในจวนประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดง เด็กๆกำลังเล่นสนุกกันอยู่ที่ลานบ้าน พวกเขาจุดประทัดกัน เสียงประทัดดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ผู้หญิงนั่งพูดคุยกันพลางทานของว่างที่ใต้ต้นดอกเหมย นานๆทีก็จะมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา ผู้ชายก็ยืนจับกลุ่มคุยกัน แต่ละคนมีสีหน้าแช่มชื่นเบิกบาน
หยุนชางและลั่วชิงเหยียนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ
"นานๆทีจะมีโอกาสเห็นภาพบรรยากาศเช่นนี้ สมัยก่อนตอนอยู่ในวัง ในวันส่งท้ายปีเก่า แม้จะมีความครึกครื้น แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบ จะทำอะไรก็ต้องคอยระวังตัวกลัวว่าจะผิดกฎ ความสนุกสนานก็เลยลดลงไปมากเพคะ" หยุนชางกล่าว
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า "เช่นนั้นเราก็มีลูกเยอะๆ ต่อไปพอถึงวันปีใหม่ จะได้ดูครึกครื้นและสนุกสนานอย่างไรล่ะ"
ฉินยีและเฉี่ยนจั๋วยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาสองคนโดยเว้นระยะห่างจากผู้เป็นนายประมาณ 2 ก้าว แม้ลั่วชิงเหยียนจะพูดเสียงเบา แต่ทั้งฉินยีและเฉี่ยนจั๋วก็ได้ยินอย่างชัดเจน พวกนางถึงกับอมยิ้ม
คนในจวนพากันมองมาที่พวกเขา
"ท่านป้า ท่านป้า......" หยุนชางแวะเวียนมาที่จวนกั๋วกงบ่อยครั้ง เด็กๆในจวนกั๋วกงจึงคุ้นเคยกับนางเป็นอย่างดี เมื่อเด็กๆเห็นนางเดินเข้ามาจากประตูใหญ่แล้ว ก็พากันวิ่งกรูเข้ามาหา
"ระวังหน่อยนะ ท่านป้าของพวกเจ้าตอนนี้มีน้องตัวน้อยอยู่ในท้อง ห้ามซนกับท่านป้าเป็นอันขาด" เสิ่นอี๋หลานร้องตะโกนออกมาพร้อมกับวิ่งมาดูแลเด็กๆ
ลั่วชิงเหยียนมายืนปกป้องข้างหน้าหยุนชาง เมื่อเหล่าจอมซนเห็นดังนั้นแล้วก็ขมวดคิ้ว พวกเขาเงยหน้ามองลั่วชิงเหยียน ลั่วชิงเหยียนเองก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ เหล่าจอมซนจึงพากันถอยออกไป แต่เหยียนเอ๋อร์ของเสิ่นอี๋หลานเป็นคนจิตใจห้าวหาญ เขายืนเท้าสะเอวจ้องมองไปที่ลั่วชิงเหยียน พลางขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า "เฮ้ เจ้าหน้าโลงศพนี่เป็นใครกัน ไยจึงมายืนขวางท่านป้านางฟ้าของข้าไว้?"
หยุนชางที่ยืนอยู่ข้างหลังลั่วชิงเหยียน ได้ยินดังนั้นแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เสิ่นอี๋หลานรีบวิ่งมาหาเหยียนเอ๋อร์ นางตีก้นของเขาไป 2 ที "พูดอะไรของเจ้า! นี่คือท่านลุงของเจ้านะ เขาเป็นสามีของท่านป้า"
เหยียนเอ๋อร์เอามือลูบไปที่ก้นที่เพิ่งโดนมารดาตี เขาไม่ร้องโอดครวญ ทว่ากลับทำเสียงดังใส่ "อะไรนะ? ท่านบอกว่าคนๆนี้เป็นท่านลุงของข้า? เป็นไปได้อย่างไร? ท่านป้าจะต้องแต่งงานกับข้า! ท่านป้าสวยขนาดนี้ จะไปชายตามองเจ้าหน้าโลงศพนี่ได้อย่างไรกัน"
ผู้คนในจวนต่างพากันหัวเราะ หยุนชางสังเกตเห็นลั่วชิงเหยียนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ นางจึงชะโงกหน้าไปพูดกับเหยียนเอ๋อร์ว่า "ครั้งก่อนเจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้นี่นา เจ้าบอกว่าจะให้ลูกสาวของป้าแต่งงานกับเจ้าต่างหาก"
เหยียนเอ๋อร์ดื้อรั้นจะหนีจากการควบคุมตัวของเสิ่นอี๋หลานให้จงได้ เสิ่นอี๋หลานแม้จะมีเรี่ยวแรงดี แต่นางก็สยบความดื้อรั้นของเขาไม่อยู่ พอนางเผลอเขาก็ผละตัวจากนางออกไปได้สำเร็จ
"คนรักของข้าใกล้จะได้ออกมาพบข้าแล้วใช่ไหมขอรับ? นางอยู่ในท้องของท่านป้าหรือขอรับ?" เหยียนเอ๋อร์เบิกตาโตมองมาที่หยุนชาง
หยุนชางทั้งหัวเราะทั้งพยักหน้า "แต่ถ้าเจ้าอยากจะมาขอน้องหญิงน้อยแต่งงาน จะไปเรียกเขาว่าเจ้าหน้าโลงศพไม่ได้เด็ดขาด เขาเป็นถึงท่านพ่อของน้องหญิงน้อยเชียวนะ ถ้าเจ้าทำตัวไม่ดีกับเขา คงจะมาขอน้องหญิงน้อยไปแต่งงานไม่ได้"
เหยียนเอ๋อร์มองดูท้องของหยุนชาง แล้วก็มองดูหยุนชาง แล้วจึงมองหน้าลั่วชิงเหยียน เขายืนคิดอยู่สักครู่ แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปคุกเข่าข้างหน้าลั่วชิงเหยียน "ท่านพ่อตาที่เคารพ โปรดรับการคำนับจากลูกเขยด้วยขอรับ"
"ฮ่าๆๆๆๆ......" พลันมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมารอบจวนกั๋วกง
ลั่วชิ่งเหยียนทั้งรู้สึกขันและรู้สึกเอ็นดู "เจ้าเด็กนี่!"
"ท่านพ่อตาที่เคารพ ลูกเขยอยากจะขอลูกสาวของท่านแต่งงาน ขอท่านโปรดอนุญาตด้วยเถิดขอรับ" เหยียนเอ๋อร์มีสีหน้าจริงจังและท่าทางที่มุ่งมั่น
ลั่วชิ่งเหยียนตอบกลับไปว่า "ใครบอกว่าข้าจะได้ลูกสาว อาจจะเป็นน้องชายของเจ้าก็เป็นได้"
เมื่อเหยียนเอ๋อร์ได้ฟังก็นิ่งไปสักพัก ทุกคนในจวนต่างมองมาที่เขา เห็นเขามีสีหน้าลำบากใจและยืนครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ "ถ้าหากน้องชายงามเหมือนกับท่านป้า ข้าก็จะขอนางแต่งงานเหมือนกัน!"
หลังจากนั้นไม่นาน เฉี่ยนจั๋วก็ได้นำตัวหลิ่วฉูฉู่เข้ามา เพื่อเป็นการตบตาผู้ที่คอยแอบสอดแนมเรื่องราวต่างๆในจวน หลิ่วฉูฉู่จึงต้องสวมชุดสาวใช้ นางถูกปิดตา และผ่านการแปลงโฉมมาเสร็จสรรพ
หลิ่วฉูฉู่มีท่าทางหวาดกลัว นางตัวสั่น แต่ก็พยายามแสร้งทำเป็นไม่หวั่นไหว เหมือนนางจะรู้ตัวว่ากำลังถูกสายตาคนอื่นจับจ้อง นางยืดตัวตรง กัดริมฝีปาก แล้วเอ่ยออกมาว่า "พวกเจ้าเป็นใคร จับข้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?"
หยุนชางแสยะยิ้ม นางสั่งให้ฉินยีไปนำกระดาษมา นางเขียนบางอย่างลงไปบนกระดาษ เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็ส่งให้กับฉินยี เมื่อฉินยีได้อ่าน นางก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า "คุณหนูตระกูลหลิ่วชื่อหลิ่วฉูฉู่ใช่หรือไม่?"
หลิ่วฉูฉู่ไม่ยอมปริปาก นางเพิกเฉยต่อคำถาม
มีเสียงฉินยีหัวเราะออกมา นางพูดต่อไปว่า "ได้ยินว่าคุณหนูตระกูลหลิ่วชื่อหลิ่วฉูฉู่ได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องเจ็ดเมื่อวันที่ 23 เดือน 12 ที่ผ่านมา แต่ถูกคนปองร้ายจนถึงแก่ชีวิต เรื่องนี้ทราบถึงฮ่องเต้และชาวเมืองจิ่นโดยทั่วกันแล้ว แต่ตอนนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่ หากเรื่องนี้ทราบถึงพระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้ ท่านจะมีโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง โทษที่จะได้รับคือ......การประหาร 9 ชั่วโคตร"
หลิ่วฉูฉู่ตัวสั่นเล็กน้อย แต่นางก็ยังหัวเราะกลบเกลื่อนความกลัว "ฮ่องเต้เป็นผู้ที่พวกเจ้าสามารถเข้าเฝ้าได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ? และที่เจ้าพูดมา ทุกคนก็คงเข้าใจว่าข้าตายไปแล้ว เจ้าบอกว่าข้าคือหลิ่วฉูฉู่ มีหลักฐานอะไรมายืนยันงั้นหรือ?"
ช่างเป็นสตรีที่มีไหวพริบดีจริงๆ หยุนชางยิ้มอย่างเยือกเย็น นางจรดปลายพู่กันเขียนตัวอักษรลงไปบนกระดาษ 3 ตัว ฉินยีมองดูแล้วพูดขึ้นมาว่า "มีแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งหลักฐานก็คือ พิณเจียวเหว่ย"
หลิ่วฉูฉู่กัดริมฝีปากและขมวดคิ้ว นางเงียบไปนาน เหมือนกับกำลังคิดหาวิธีรับมือ
ฉินยีพูดต่อไปว่า "ที่นำตัวแม่นางหลิ่วมาในวันนี้หาได้มีเจตนาร้ายไม่ เพียงแต่ต้องการทราบว่า เหตุใดท่านจึงต้องหนีการแต่งงาน? และผู้ที่เสียชีวิตอยู่ในจวนอ๋องเจ็ด เป็นใครกันแน่?"
หลิ่วฉูฉู่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ในที่สุดก็ยอมพูดออกมา "หากย้อนหลังไป 1 ปีก่อน ให้ข้าได้แต่งงานกับอ๋องเจ็ด ข้าก็ยินยอมพร้อมใจ แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ท่านลุงของข้าต้องโทษประหารเพราะกระทำความผิดอันใหญ่หลวงลงไป แม้ฮ่องเต้จะทรงมีพระเมตตา ไม่ตัดสินโทษประหาร 9 ชั่วโคตร แต่จวนหลิ่วในสายพระเนตรของอ๋องเจ็ดเวลานี้ ก็เป็นเพียงหมากไร้ค่าตัวหนึ่งบนกระดาน ในตอนนี้ ข้าได้เข้ามาอยู่ในจวนอ๋องเจ็ด ก็เหมือนมาเพิ่มมลทินให้กับท่านอ๋อง ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าต่างก็รู้สึกว่า หลังจากที่ข้าเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องเจ็ดแล้วต้องใช้ชีวิตอย่างทนทุกข์ ข้าไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้ ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าถึงกับยอมเสี่ยงต่อข้อหาหลอกลวงเบื้องสูง โดยการให้สาวใช้ขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวแต่งงานแทนข้า ส่วนข้าก็หนีออกมาจากจวนหลิ่ว และไปหลบซ่อนตัวในที่ที่ปลอดภัย"
แล้วหลิ่วฉูฉู่ก็หยุดพูดสักพัก น้ำเสียงของนางสั่นเครือ "ข้ารู้ว่าเมื่อข้าเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องเจ็ดแล้วจะไม่มีความสุข แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันที่ข้าแต่งงานจะเกิดเหตุร้ายเช่นนั้นขึ้นมาได้ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าดีใจมาก ที่ให้ข้าออกมาจากจวนแห่งนั้นล่วงหน้า มิฉะนั้นแล้วผู้ที่จะได้รับอันตรายก็คงจะเป็นข้า ข้าหาได้ปรารถนาในลาภยศชื่อเสียง ขอเพียงได้ใช้ชีวิตปกติสุข ในวันนี้ไม่มีหลิ่วฉูฉู่อีกต่อแล้ว ข้าอยากจะขอร้องเจ้า ช่วยปล่อยให้หลิ่วฉูฉู่ได้หายสาบสูญไปเสีย" หลิ่วฉูฉู่ทรุดตัวลงคุกเข่า นางเขกหัวลงกับพื้นเป็นการวิงวอนถึง 3 ครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...