ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 602

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบา ๆ หยุนชางก็ยืนขึ้น ถือโอกาสที่ห้องโถงใหญ่มืดอยู่ออกไปพร้อมฉินยีและเฉี่ยนจั๋ว

ข้างนอกห้องโถงหนาวเล็กน้อย ฉินยีรีบสวมเสื้อคลุมให้หยุนชาง หยุนชางขมวดคิ้ว "อยู่ที่ใด?"

ฉินยีกระซิบเบา ๆ " พระชายาตามหม่อมฉันมาเพคะ" จากนั้นก็พาหยุนชางเดินอ้อมตำหนักไท่จี๋ไป และเดินไปทางวังชั้นใน

มีองครักษ์เดินผ่านหยุนชางอยู่บ้างครั้งคราว แต่ด้วยรูปลักษณ์และชุดของนาง องครักษ์จึงมิได้ห้ามนางเอาไว้ หยุนชางถามเบาๆ "คนที่ตามหลังมาตามทันหรือไม่?"

เฉี่ยนจั๋วตอบรับ "ตามมาแล้วเพคะ"

เมื่อเดินไปถึงมุมอับในอุทยานหลวงแล้ว หยุนชางก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆดังขึ้น หยุนชางตาเป็นประกายในทันที จากนั้นก็เดินตามเสียงนั่นไป

ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้สวมชุดสีขาว ไม่มีผ้าคลุมคลุมร่างกายเอาไว้ อาจเป็นเพราะอากาศหนาว นางจึงตัวสั่นเล็กน้อย

หยุนชางกระซิบ "แม่หญิง?"

ดูเหมือนหญิงสาวคนนั้นจะตกใจ ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างกะทันหัน และนางเงยหน้ามองไปทางหยุนชาง ด้วยแสงจากตะเกียงที่ส่องออกมา หยุนชางเห็นว่าใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นขาวซีด ดวงตาของนางบวมและแดงเล็กน้อย และเครื่องสำอางบนหน้าก็เลอะเทอะเล็กน้อย

ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะจำหยุนชางได้ นางตกตะลึง จากนั้นจึงถามด้วยความไม่แน่ใจว่า "พระชายาหรือเพคะ?"

หยุนชางพยักหน้า "เจ้าคือหญิงสาวที่เต้นรำใต้ดวงจันทร์ในห้องโถงใหญ่เมื่อสักครู่นี้ใช่หรือไม่"

ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "หม่อมฉันเคยพบพระชายามาก่อนเพคะ แต่พระชายาอาจจะลืมไปแล้ว เมื่อตอนอยู่ที่อุทยานหลวง หม่อมฉันได้ทำพฤติกรรมไม่ดีต่อองค์หญิงเชียนหลิงเพคะ"

ดูเหมืนอว่าหยุนชางจะตระหนักขึ้นมาทันที "เจ้าคือนางงานที่เพิ่งเข้าวัง ชื่อว่าจ้าวเชียนอู่ใช่หรือไม่"

จ้าวเชียนอู่พยักหน้าและยืนขึ้น " เหตุใดพระชายาจึงไม่อยู่ในวังไท่จี๋แต่กลับอยู่ที่นี่เพคะ?"

หยุนชางยิ้มและกล่าวว่า " ในห้องโถงนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ ข้าจึงออกมาเดินเล่น เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้เสียใจเช่นนี้?"

จ้าวเชียนอู่หยุดชั่วคราว แล้วจึงส่ายหัวและพูดว่า " อาจเพราะวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า หม่อมฉันคิดถึงครอบครัวที่บ้านกระมั้งเพคะ" หลังจากพูดเช่นนี้ นางก็ยืนขึ้น " หม่อมฉันขอตัวกลับตำหนักอวี้ซิ่วก่อนนะเพคะ..............."

หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว และเส้นทางในวังนั้นเดินยาก เฉี่ยนจั๋ว นำโคมไฟนี้ให้นายหญิงน้อย"

เฉี่ยนจั๋วตอบอย่างรวดเร็วและส่งโคมไฟไป จ้าวเชียนอู่เห็นว่านางกำนัลที่อยู่หลังหยุนชางยังคงถือโคมไฟอยู่ นางจึงมิได้ปฏิเสธและถือโคมไฟเดินไปทางตำหนักอวี้ซิ่ว

หยุนชางมองดูแสงที่ค่อยๆเลือนลางแล้วยิ้ม "ช่างเป็นแม่หญิงที่ดีเยี่ยมเชียว แต่เสียดาย......."

หยุนชางยังกล่าวไม่จบก็หันกลับไปและพูดเบาๆว่า "ไปกันเถอะ พวกเราควรกลับไปแล้ว"

เขาพูดมาแค่นิดเดียว แต่มิได้กล่าวต่อ หยุนชางเห็นว่าเขาค่อยๆขมวดคิ้วขึ้น แววตาเผยความอาฆาตออกมา นางจึงไม่ได้ถามเขาต่อว่าเข้าต้องการจะกล่าวกระไร นางละสายตากลับไปและก้มลงมองมือของตน

"พระราชินีแห่งแคว้นเซี่ยนี้ ไม่ต่างกระไรจากอดีตพระราชินีหยวนเจินฮองเฮาของแคว้นหนิงเลย พวกนางไม่ได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิ สิ่งที่พวกนางมีก็เพียงแค่การสนับสนุนของตระกูลเท่านั้น แต่ทว่าพวกนางมีสิ่งที่ไม่เหมือนกัน ตระกูลซูมีรากฐานในแคว้นเซี่ยที่หนักแน่นกว่ามาก อีกทั้งซูหรูจีโหดเหี้ยมยิ่งกว่า" หยุนชางพูดอย่างเฉยเมย มือของนางสัมผัสที่ท้องช้าๆ แต่ดวงตาของนางค่อยๆ เย็นชาลง แต่เป็นเช่นนี้แล้วอย่างไร นางสามารถจัดการหยวนเจินฮองเฮาได้ เช่นนั้นนางก็สามารถจัดการซูฮองเฮาได้เช่นกัน

หลังจากกลับไปถึงจวนท่านอ๋อง หยุนชางก็ให้ฉินยีและเฉี่ยนจั๋วถอดชุดและผมที่มวยอยู่ออก เมื่อสวมชุดธรรมดาแล้ว นางจึงสบายตัวขึ้นมาอย่างมาก "แม้ว่าข้าจะมีความอดทนสูง แต่ข้าก็รู้สึกโชคดี โชคดีที่ในวังนี้มีงานทางการเช่นนี้ไม่มากนัก"

ฉินยีหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ "พระชายาทรงคำนวนไว้เรียบร้อยแล้ว แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่พระชายาอ๋องเจ็ดแต่งกายอลังการและร่วมงานเช่นนี้กระมั้ง เมื่อสักครู่หม่อมฉันเห็นว่าดูเหมือนนางจะทรมานอย่างมาก นางขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา และคอยยกมือจับมวยผมตัวเองเป็นครั้งคราว"

"อวี้ถง...." หยุนชางขมวดคิ้วและนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากว่า "ข้าเห็นว่าคนที่ติดตามนางอยู่มิใช่คนที่เก่งกาจเท่าไหร่นัก เกรงว่าชีวิตนางในจวนอ๋องเจ็ดคงลำบากมากเช่นกัน รออีกสักสองวันเมื่อตอนที่ข้าไปจวนกั๋วกงข้าจะบอกกับกั๋วกงฮูหยิน ให้ท่านส่งคนที่เก่งกาจกว่านี้สักสองคนไปช่วยอวี้ถงสักหน่อย"

แต่ฉินยีกลับส่ายหัว " หม่อมฉันรู้สึกว่าพระชายามิจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้กับกั๋วกงฮูหยินเพคะ พระชายาอ๋องเจ็ดเดิมเป็นหลานสาวของฮวากั๋วกงอยู่แล้ว อีกทั้งนางเข้าร่วมการคัดเลือกจากการสนับสนุนของจวนกั๋วกงเพคะ หากว่าทำได้ จวนกั๋วกงคงทำไปนานแล้ว แต่จวนกั๋วกงมิได้คิดเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีการพิจารณาเป็นของตัวเองอยู่แล้วเพคะ"

"ก็จริง" หยุนชางพยักหน้าเบา ๆและกล่าวว่า "คนอย่างอ๋องเจ็ด ดูภายนอกอ่อนโยนอย่างมาก แต่อันที่จริงกลับโหดเหี้ยมยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นคนระแวงอย่างมาก........"

ขณะที่กำลังพูด ลั่วชิงเหยียนก็ออกจากห้องสรงน้ำ หยุนชางเห็นว่าเขาใส่เสื้อเพียงตัวเดียวจึงขมวดคิ้วและกล่าวว่า ก็" แม้ว่าในห้องนี้จะมีเตาไฟ แต่ก็มิได้อุ่นเท่าไหร่นัก เจ้าควรสวมเสื้อผ้ามากกว่านี้"

ลั่วชิงเหยียนอมยิ้ม " ข้าเห็นว่าเจ้าเหนื่อยล้าอย่างมาก วันนี้ก็จะไม่จัดการเรื่องงานแล้ว รับพักผ่อนกันเถิด"

หยุนชางพยักหน้า แล้วไปทำธุระที่ห้องสรงน้ำ จากนั้นก็พักผ่อนแต่เนิ่นๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง