"จะว่าไปแล้ว ทายาทของฝ่าบาทนั้นน้อยจริงๆ องค์ชายเจ็ดอ่อนแอ องค์ชายสิบสองแม้จะไม่แย่นัก แต่ก็น่าเสียดายที่ตอนนี้เสิ่นซูเฟย... องค์ชายสิบเก้าก็มีสุขภาพที่ย่ำแย่อย่างมาก หมอหลวงบอกว่าเขาอาจอยู่ไม่พ้นฤดูหนาวปีนี้ รุ่ยอ๋องเป็นข้อยกเว้นเพราะเขาไม่ได้เติบโตมาในวัง..." หนิงเชียนพึมพำ
"เกรงว่าฝ่าบาทก็คงสงสัยอยู่ในใจเช่นกัน เพียงแต่ฮองเฮามักกระทำการอย่างรอบคอบจึงทำให้ฝ่าบาทไม่อาจจับได้ แท้จริงแล้วครั้งนี้เป็นการตีวัวข้ามภูเขา แต่หากฝ่าบาททรงมีใจระแวงซูฮองเฮาอยู่บ้างแล้ว ความระแวงนี้จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ..." หยุนชางยิ้มกว้าง
หนิงเชียนพยักหน้ารับคำ "หม่อมฉันรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร"
ทั้งสามคนสนทนากันอีกครู่หนึ่ง เมื่อพูดถึงการหายตัวไปของฝ่าบาทเมื่อไม่นานนี้ หนิงเชียนก็ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่หายตัวไปเช่นนี้เลยหรือ?"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ประกาศจับก็ออกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครพบ เกรงว่าไม่ว่าจะซ่อนตัวหรือแปลงโฉมก็ล้วนเป็นไปได้"
หนิงเชียนขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย นางเหลือบมองหยุนชาง "ไม่กลัวศัตรูจะแข็งแกร่ง แต่กลัวว่าศัตรูเหล่านั้นจะหลบอยู่ในที่ลับ ข้ามักรู้สึกเสมอว่าหากหาองค์หญิงใหญ่ไม่เจอหนึ่งวัน ก็ไม่อาจวางใจได้ ตอนนี้ร่างกายท่านไม่เหมือนแต่ก่อน ออกจากจวนให้นำสายลับติดตัวไปมากขึ้นหน่อย อย่าให้คนฉวยโอกาสได้"
"ตกลงๆ ทำไมเจ้าจึงได้เหมือนท่านอ๋องนัก ไม่ยอมให้ข้าออกจากจวน" หยุนชางตอบและอดหัวเราะออกมาไม่ได้
หนิงเชียนก็หัวเราะครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเบาๆ ว่า "ตอนแรกที่เราอยู่ที่แคว้นหนิง เพื่อที่จะโค่นฮองเฮา เราใช้เวลาเกือบห้าปีในการเตรียมการวางหมาก แฝงตัวสายลับเข้าไปอยู่ทั่วเมือง แต่ตอนนี้พวกเราเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย ที่นี่ซับซ้อนกว่าแคว้นหนิงนัก แม้ว่าตอนนี้จะได้เวลาปีหนึ่งแล้ว แต่กำลังของเรากลับเพิ่งเริ่มขยายตัว ตอนนี้นายท่านย่อมต้องระวังให้มาก"
ขณะที่นางพูดก็เห็นนางกำนัลผู้หนึ่งรีบเดินเข้ามาจากนอกตำหนักและย่อกายคำนับหนิงเชียน "กุ้ยผินเหนียงเหนียง มีข่าวจากตำหนักเว่ยยางเพคะบอกว่าตอนนี้ฮองเฮากำลังบันดาลโทสะอย่างเกรี้ยวกราด สาเหตุดูเหมือนว่าเป็นเพราะพระชายา..."
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ "เมื่อครู่ตอนที่ข้ากับท่านอ๋องอยู่ที่ตำหนักเว่ยยาง พวกเราทำให้นางโมโหแทบแย่"
นางกำนัลผู้นั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็ว "ไม่ใช่เพราะพระชายารุ่ยอ๋องเพคะ หม่อมฉันฟังจากข่าวที่ส่งมาจากตำหนักเว่ยยางแล้วดูเหมือนจะเป็นพระชายาของท่านอ๋องเจ็ด ได้ยินว่าตอนที่พระชายาอ๋องเจ็ดไปถวายพระพร นางลื่นล้มจนทำให้แจกันใบหนึ่งในตำหนักตกแตก"
"อวี้ถง?" หยุนชางขมวดคิ้วรีบหันไปถามข้ารับใช้ผู้นั้น "ท่านอ๋องเจ็ดอยู่ที่ตำหนักเว่ยยางด้วยหรือไม่?"
นางกำนัลส่ายหน้า "ได้ยินมาว่านางไปยังตำหนักเว่ยยางเพียงลำพัง ท่านอ๋องเจ็ดไม่ได้อยู่ด้วยกันเพคะ"
"อวี้ถงผู้นี้!" หยุนชางลุกขึ้นยืน "เมื่อครู่ตอนพบกันที่อุทยานหลวง ข้าบอกนางแล้วว่าข้าเพิ่งยั่วโมโหฮองเฮามาไม่เบา ให้นางรอไปพร้อมกับท่านอ๋องเจ็ด ทำไมนางไม่ฟังคำเตือนของข้า?" หยุนชางพูดแล้วจึงเดินออกไป
หนิงเชียนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและพูดกับหลินโยวหราน "ร่างกายเจ้าไม่สะดวกเคลื่อนไหวนัก เจ้าพักผ่อนอยู่ที่ตำหนักเถอะ" จากนั้นเขาก็รีบตามหยุนชางไป "ท่านจะไปไหน?"
หยุนชางรู้ดีว่าฮวากั๋วกงและกั๋วกงฮูหยินย่อมไม่เลือกหญิงสาวเช่นฮวาอวี้ถงเข้าวังแน่ นิสัยของนางตรงไปตรงมา แต่เมื่ออยู่ในวังแล้ว นิสัยแบบนี้กลับจะเอาตัวรอดได้ยาก
เพียงแต่ช่วงนี้ที่ได้สัมผัสกับฮวาอวี้ถงนั้น หยุนชางไม่เคยพบว่ามีอะไรผิดปกติกับนาง หรือว่าตอนนี้นางพบกับฮวาอวี้ถงนั้น นางกำลังเสแสร้งแกล้งทำ?
หยุนชางหันหน้าไปมองฉินยี "ฉินยี เจ้าอยู่ในวังมาหลายปีและได้เห็นคนมาทุกประเภท ในความคิดของเจ้าแล้ว เรื่องก่อนหน้านี้ที่อวี้ถงเคยคุยกับข้า เจ้าว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก?"
ฉินยีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า "หม่อมฉันรู้สึกว่าพระชายาอ๋องเจ็ดดูเหมือนคนที่ไม่สามารถเก็บอะไรไว้ในใจได้ แต่ยามที่อยู่ในอุทยานหลวงนั้น หม่อมฉันเห็นว่าสายตาของนางเอาแต่จ้องมองข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลัง"
"มีคนคอยจับตามองนางหรือ? นั่นคือเหตุผลที่นางจงใจทำเช่นนี้หรือ? ที่จริงแล้วนางกำลังเล่นละครให้คนเบื้องหลังของสาวใช้ผู้นั้นหรือ?" หยุนชางขมวดคิ้วและเอ่ยเสียงเบา
ฉินยียิ้มบางๆ "แต่ไม่ว่าอย่างไรพระชายาอ๋องเจ็ดก็เป็นคนของฮวากั๋วกงและกั๋วกงฮูหยิน คงจะไม่มีเจตนาร้ายอันใดต่อพระชายาหรอกเพคะ"
หยุนชางนิ่งเงียบและนั่งรออยู่บนเก้าอี้ หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง หนิงเชียนยังไม่กลับมา แต่ลั่วชิงเหยียนกลับมาถึงก่อน นางกำนัลจึงพาเขาเข้ามาในตำหนัก เมื่อเขาเห็นว่ามีเพียงหยุนชางอยู่ในตำหนักคนเดียวก็รู้สึกประหลาดใจนัก เขาจึงมองไปรอบๆ แล้วจึงเดินไปที่ข้างกายของหยุนชางและเอ่ยว่า "ทำไมจึงมีเจ้าอยู่คนเดียว? แล้วเซียงกุ้ยผินเล่า?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...