หยุนชางตกตะลึงและนิ่งอยู่นาน ขมวดคิ้วแน่น และพูดออกมาว่า "ทำไมไม่ใช้บัวหิมะปุยทีเดียว เช่นนี้จะได้ดูออกว่า เป็นฝีมือของคนเดียวกัน?"
ลั่วชิงเหยียนจ้องมองที่หยุนชาง และเห็นสีหน้าหยุนชางที่เป็นปกติ เขาก็ตอบว่า "มันเป็นเพราะหลิ่วหยินเฟิงเป็นขุนนางที่เชี่ยวชาญวางแผน" หยุดครู่หนึ่ง เห็นแววตาของหยุนชางยังคงมีข้อสงสัยอยู่ "ขุนพลและทหารหาง่าย แต่จะหาขุนนางที่เชี่ยวชาญวางแผนนั้นยาก โดยเฉพาะหลิ่วหยินเฟิงที่เป็นผู้โดดเด่นมาก เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเสียดายพรสวรรค์ และต้องการรวมหลิ่วหยินเฟิงไว้เป็นใต้บังคับบัญชาของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้บัวหิมะปุยมาวางเป็นยาพิษ แต่มัดหลิ่วหยินเฟิงไป"
หยุนชางพยักหน้าและโล่งใจเล็กน้อย เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อต้องการใช้หลิ่วหยินเฟิง ก็ไม่ต้องกังวลว่าชีวิตของหลิ่วหยินเฟิงตกอยู่ในอันตราย
ฉินยียืนฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง สังเกตใบหน้าของหยุนชางอย่างละเอียด และพูดขึ้นว่า "ไม่รู้ว่าท่านอ๋องเจ็ดได้ทูลอะไรต่อฝ่าบาท มิเช่นนั้น หม่อมฉันจะหาคน หาวิธีไปถามเรื่องนี้กับหวังหว่านจือดีไหมเพคะ"
หยุนชางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้นาง อยู่ใกล้จักรพรรดิก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ เราพยายามอย่าติดต่อกับหวังหว่านจือมากนัก นางจะได้ปลอดภัย ส่วนท่านอ๋องเจ็ด..." หยุนชางเผยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย "ข้าไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดกับฝ่าพระบาทเท่าไหร่ ท้ายที่สุดแล้ว เขาปิดบังตัวเองมานานกว่าสิบหรือยี่สิบปีแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเปิดเผยในทันใด"
แม้ว่าฉินยีไม่เข้าใจสิ่งที่หยุนชางกำลังพูดถึง แต่นางก็พยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
ห้องเงียบไปนาน และหยุนชางหยิบบัญชีของจวนที่เพิ่งส่งมาใหม่มาดู
"พระชายาขอรับ ฝ่าบาททรงรับสังให้พระชายาเข้าวังขอรับ" เสียงของพ่อบ้านดังมาจากภายนอก
หยุนชางผงะ เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองลั่วชิงเหยียน เต็มไปด้วยความสงสัย "เซี่ยหวนอวี่ ทำไมเขาถึงเรียกข้าเข้าวัง?"
ดวงตาของลั่วชิงเหยียนก็ฉายประกายความคิด ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็พูดว่า "เกรงว่าคงจะเกี่ยวพันกับยาพิษนี่ ไม่เป็นไร แค่จำไว้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามปกติ พูดให้น้อยลง ถ้าเขาถามอะไรที่ยากจะตอบ ก็แค่บอกไม่รู้"
หยุนชางพยักหน้าเบาๆ และให้ฉินยีหากระโปรงจีบล้อมที่เป็นทางการ และสวมชุดเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่มีขนจิ้งจอกด้านนอก หวีมวยเมฆลอย และปักปิ่นหยกลายดอกไม้คู่ จากนั้นยืนขึ้น สั่งให้คนไปเตรียมรถม้าก่อน แล้วจึงออกไปกับฉินยี
เซี่ยหวนอวี่ตามหยุนชางให้ไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักไท่จี๋ หยุนชางถูกเรียกตัว พอเข้าไปในห้องโถงด้านหลัง ก็เห็นเซี่ยหวนอวี่นั่งบนเก้าอี้ที่มีกระดานหมากรุกวางอยู่ข้างหน้าเขา หลิวเหวินอันยืนเงียบๆอยู่ด้านข้าง...
เมื่อเห็นหยุนชางเข้ามา หลิวเหวินอันก็ไอเบาๆ ก่อนพูดว่า "ฝ่าบาท พระชายารุ่ยมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางรีบทำความเคารพเซี่ยหวนอวี่ "หม่อมฉันถวายพระพรฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี"
เซี่ยหวนอวี่เงยหน้ามองจากกระดานหมากรุก มองดูหยุนชาง และกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า "เมื่อมาแล้ว ก็มาเล่นหมากรุกกับข้าหนึ่งกระดานก่อน"
หยุนชางตอบรับอย่างรวดเร็ว เดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของเซี่ยหวนอวี่แล้วนั่งลง กระดานหมากเป็นการจัดวางแล้ว หยุนชางดูสถานการณ์บนกระดานหมากรุก ขมวดคิ้ว สถานการณ์บนกระดานหมากรุกก็ชัดเจนมาก หมากดำที่ถือโดยเซี่ยหวนอวี่นั้นเป็นฝ่ายมีชัยอย่างชัดเจน แต่ทว่า แม้ว่าหมากขาวดูเหมือนจะพ่ายแพ้ แต่ได้ซ่อนไม้ตายไว้มากมาย และมันเป็นไม้ตายที่โหดเหี้ยมมาก
หยุนชางกลอกตา นางนึกขึ้นได้ว่าองครักษ์ลับรายงานไว้ว่า ท่านอ๋องเจ็ดเสด็จเข้าวังเข้าเฝ้าฝ่าบาท เกรงว่าเซี่ยหวนอวี่รับสั่งนางให้เข้าวังหลังจากที่ท่านอ๋องเจ็ดจากไป และสถานการณ์การเดินหมากนี้คือใครจัดไว้นั้น มันชัดเจนมาก
หยุนชางเกี่ยวที่มุมปากเล็กน้อย หยิบหมากขาวจากตะกร้าหมากรุก ยิ้มแล้วกล่าวว่า "เป็นการได้เปรียบสำหรับหม่อมฉัน ในรอบนี้ ถ้าหม่อมฉันชนะ ฝ่าบาทได้โปรดอย่า โทษหม่อมฉันที่โหดร้ายนะเพคะ หมากขาวนี้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว หม่อมฉันก็แค่ถือโอกาสเกาะกุมข้อได้เปรียบนี้เพคะ"
เซี่ยหวนอวี่วางหมากไปแล้ว ด้านหนึ่ง ดูเหมือนจะถามอย่างเป็นกันเองว่า "รุ่ยอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?"
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูด กัดริมฝีปากของนางแล้วพูดว่า "มิสามารถพูดได้ว่าดีหรือร้าย พิษของบัวหิมะปุยมิได้ทำให้ถึงแก่ความตาย แต่ก็ไม่สามารถฟื้นได้ทันทีเพคะ"
เซี่ยหวนอวี่พยักหน้า "เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าดูแลให้ดี"
ทั้งสองคุยกันและวางหมาก ไม่ได้ชะลอตัวลง เซี่ยหวนอวี่เอ่ยออกมาอีกครั้ง "เมื่อครู่เจ้าเจ็ดมารายงานว่า หลิ่วหยินเฟิงก็เกิดเรื่องเช่นกัน แต่ว่าหายตัวไป"
มือที่จับหมากของหยุนชางหยุดลง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจเป็นเวลานาน จากนั้นนางก็พูดว่า "คุณชายหลิ่วหายตัวไปหรือเพคะ?"
เซี่ยหวนอวี่เห็นหยุนชางหยุด จึงไม่รีบและพยักหน้าเบาๆ "ข้าฟังเจ้าเจ็ดบอกว่า เจ้าสงสัยว่านี่เป็นฝีมือของแคว้นเย้หลางงั้นหรือ"
หยุนชางวางหมากลงแล้วจึงตอบว่า "หม่อมฉันไม่เข้าใจเรื่องในราชสำนักเหล่านี้ แต่เพียงแค่เดาเอาเองโดยบังเอิญ หม่อมฉันเคยได้ยินท่านอ๋องพูดถึงเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ ฝ่ายาททรงประสงค์ส่งท่านกั๋วกงนำทัพ เพื่อข่มแคว้นเย้หลาง แต่ท่านกั๋วกงได้เกิดเรื่องขึ้นก่อนจะนำทัพ ท่านอ๋องและหม่อมฉันเคยบอกว่า ถ้าฮวากั๋วกงมิอาจนำทัพได้ ความรับผิดชอบของแม่ทัพน่าจะตกอยู่ที่ท่านอ๋อง แต่ไม่คิดเลยว่า ท่านอ๋องก็ถูกวางยาพิษด้วยเช่นกัน และตอนนี้คุณชายหลิ่วซึ่งควรจะเป็นกุนซือในครั้งนี้ก็หายตัวไปเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของแคว้นเย้หลาง หม่อมก็ไม่ทราบจริงๆว่ามีสาเหตุอันใดอีกเพคะ"
เซี่ยหวนอวี่มิได้ตรัสว่าคำพูดของหยุนชางนั้นถูกหรือผิด วางหมากอยู่เพียงไม่กี่ตัวอย่างเงียบๆ แล้วเขาก็ตรัสว่า "ฮวากั๋วกวถูกวางยาพิษ รุ่ยอ๋องถูกวางยาพิษ และหลิ่วหยินเฟิงหายตัวไป แต่เหนือพรมแดน แคว้นเย้หลางยังคงเฝ้าดูอย่างเขม้นอยู่ที่ชายแดน และมิวายที่จะยั่วยุราษฎรและทหารที่ประจำการที่ชายแดน พระชายารุ่ยรู้สึกว่า ในสถานการณ์ของราชสำนัก ข้าควรส่งใครไปเป็นผู้นำทัพดี?"
หยุนชางไม่เคยคิดว่า เซี่ยหวนอวี่จะถามคำถามนี้กับนาง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเบาๆ "หม่อมฉันรู้เรื่องในราชวงศ์น้อยมาก ท่านอ๋องกล่าวถึงเป็นครั้งคราว แต่ก็จำกัดมากเช่นกัน ส่งใครเป็นผู้นำทัพ หม่อมฉันไม่ชัดเจนจริงๆเพคะ หรือว่า ท่านอ๋องเจ็ด?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...