ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 712

มือของหยุนชางที่ถือถ้วยน้ำชาอยู่พลันแน่นิ่งไปชั่วครู่ แทบจะไม่ต้องคิดก็สามารถลงข้อสรุปได้แล้ว นับตั้งแต่หยุนชางตั้งครรภ์ ทุกคนในจวนต่างก็รู้ดีว่าหญิงที่ตั้งครรภ์นั้นไม่สมควรให้ดมกำยาน ในห้องของนางไม่มีการจุดกำยานมานานมากแล้ว แต่ว่า เหตุใดนางจึงบอกว่าฉินยีไปเบิกกำยานที่กรมวังล่ะ?

แต่ทว่า หากแม้นว่านางพูดปด รอให้ฉินยีกลับมาแล้ว หยุนชางเพียงถามฉินยีดูด้วยตัวเอง ก็สามารถรู้ความจริงได้อย่างง่ายดายมิใช่หรือ?

หยุนชางเงยหน้าขึ้นมามองไฉ่ยี นางวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ ครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง แล้วจึงถามไฉ่ยีขึ้นมาว่า "นางออกไปนานหรือยัง?"

ไฉ่ยียืนนึกอยู่สักพัก แล้วจึงตอบไปว่า "ราวครึ่งชั่วยามได้แล้วเพคะ"

หยุนชางเอามือขึ้นมานวดขมับ เพื่อให้ตนเองรู้สึกตื่นตัว "นี่ข้าหลับไปนานถึงเพียงนี้เชียวหรือ จริงสิ สถานการณ์ทางกรมวังเป็นอย่างไรบ้าง? เรื่องของเฉี่ยนจั๋วได้ความว่าอย่างไร?"

ไฉ่ยีส่ายหน้า แล้วตอบเสียงเบาๆว่า "เมื่อคืนนี้จู่ๆก็มีฝนตกลงมา ร่องรอยต่างๆจึงถูกชะล้างออกไป หม่อมฉันได้ไปดูที่กรมวังมาแล้ว ขันทีฉีดูจะยังกลัดกลุ้มอยู่เลยเพคะ"

หยุนชางเคาะที่วางแขนของเก้าอี้เบาๆ แล้วพูดออกมาว่า "คนทั้งคนหายตัวไปในวังหลัง จะมีการค้นวังหรือเปล่านะ?"

เมื่อไฉ่ยีได้ยินเช่นนั้นก็รีบส่ายหน้าทันที "คงจะไม่สามารถทำการค้นวังได้เพคะ วังหลังมีตำหนักเป็นร้อยๆ จะนำใครสักคนไปซ่อนก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากจะให้ค้นวังจริงๆก็คงจะลำบากไม่น้อย ภายในเขตวังหลัง ยังมีสถานที่บางแห่งที่ถือเป็นเขตหวงห้าม คงไม่อาจค้นจนเจอได้หรอกเพคะ"

หยุนชางยังคงนวดขมับต่อไป เมื่อไฉ่ยีเห็นดังนั้นแล้ว จึงรีบบอกกับหยุนชางว่า "น้ำต้มโป่งรากสนและชะเอมเทศต้มเสร็จแล้วเพคะ พระชายาจะทรงดื่มตอนนี้เลยไหมเพคะ?"

หยุนชางส่ายหน้า ความจริงแล้วนางเพียงแค่หาข้ออ้างให้ไฉ่ยีออกไปข้างนอกสักพักก็เท่านั้น "ข้าลืมไปว่าตอนนี้ข้ากำลังตั้งครรภ์ ยาต้มเหล่านี้ข้าต้องพยายามหลีกเลี่ยงจะดีที่สุด แต่ไม่เป็นไรหรอก อีกสักพักข้าคงจะรู้สึกดีขึ้น"

ไฉ่ยีพยักหน้าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินยีก็กลับมาจากข้างนอก ในมือของนางว่างเปล่า ไฉ่ยีจึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า "เอ๋ ฉินยีกูกูไม่ได้บอกว่าจะไปเบิกกำยานที่กรมวังหรอกหรือ? หรือว่ากำยานหมดแล้วล่ะคะ?"

หยุนชางมองไปยังฉินยีก็เห็นว่านางพยักหน้า และแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่าย "ขันทีที่กรมวังบอกว่าจะเบิกของได้ต้องมีพระราชเสาวนีย์อนุญาตจากฮองเฮามาแสดง หม่อมฉันไม่มีพระราชเสาวนีย์นั้น จึงต้องกลับมามือเปล่าเพคะ"

หยุนชางนั่งฟังนิ่งๆ ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่า แท้จริงแล้ว ทั้งฉินยีและไฉ่ยีต่างก็โกหกนาง ดีที่นางยังไม่ได้เปิดเผยความเคลือบแคลงใจของนางออกมา

ไฉ่ยีได้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว "คนที่กรมวังช่างบังอาจนัก ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะไปนำกำยานมาถวายพระชายาเองเพคะ"

หยุนชางครุ่นคิด แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้กำยานไม่จำเป็นหรอก ข้าอยากได้เสื้อผ้ามากกว่า เสื้อผ้าของข้าถูกเผาอยู่ในจวนรุ่ยอ๋องไปเป็นจำนวนมาก หลังจากที่เข้าวังมา เสื้อผ้าที่มีอยู่ก็เป็นเสื้อผ้าที่ได้มาอย่างฉุกละหุก หาใช่ขนาดของตัวข้า ตอนนี้ท้องของข้าก็โตมากขึ้นเรื่อยๆ เสื้อผ้าเหล่านี้ไม่พอดีกับตัวข้าเลย"

ไฉ่ยีรับคำ แล้วเดินออกไปจากตำหนัก

ฉินยียืนมองดูไฉ่ยีเดินออกไปจากตำหนักเฉาเซี่ย แล้วนางก็ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหยุนชาง นางพูดกับหยุนชางว่า "พระชายาเพคะ หวังหว่านจือได้ตอบกลับมาแล้ว โดยบอกว่าชายผู้ที่เดินเข้าไปในตำหนักหลังจากที่พวกเราเดินออกมาแล้วนั้น เป็นหัวหน้าสายลับประจำพระองค์ของฮ่องเต้เพคะ"

เมื่อหยุนชางได้ฟังแล้ว นางกำมือแน่น แล้วค่อยๆพยักหน้าเบาๆพลางพึมพำออกมาว่า "เป็นเช่นนี้นี่เอง"

ฮองเฮาได้ฟังแล้วก็ยิ่งดีพระทัยมากขึ้นไปอีก "ข้าได้เคยพูดเรื่องนี้กับพระชายารุ่ยอ๋องมาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าศัตรูของเราสองคนคือใคร ตอนนี้ พวกเรากำลังจะไปพบปะกับศัตรูของพวกเราเสียหน่อย"

หยุนชางตะลึงไปสักพัก นางไตร่ตรองไปมาจนกระทั่งเข้าใจแล้วว่า ผู้ที่ฮองเฮากำลังตรัสถึง คงจะเป็นเสิ่นซู่เฟยนั่นเอง

"หม่อมฉันได้ยินว่า หลังจากที่เสิ่นซู่เฟยได้เข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นแล้วก็ถูกกักบริเวณ มีทหารองครักษ์คอยเฝ้ายามอยู่ตลอด หากต้องการจะเข้าพบเสิ่นซู่เฟย เกรงว่าจะไม่ง่ายเท่าไรนะเพคะ" หยุนชางเอ่ยเบาๆ

เมื่อฮองเฮาได้ฟังแล้วก็หัวเราะออกมาในทันที "พระชายารุ่ยอ๋องช่างฉลาดจริงๆ ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าศัตรูในที่นี้หมายถึงผู้ใด เจ้าก็ทายถูกเสียแล้ว แต่ว่า ข้าเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงพระราชพิธีหมื่นพรรษา เหล่านางสนมและนางในชั้นสูงที่ถูกขังอยู่ในตำหนักเย็นจะได้รับพระราชทานของกำนัล ที่ผ่านมา ฮ่องเต้ทรงยุ่งอยู่กับพระราชกรณียกิจ ข้าจึงรอให้พ้น 2 วันไปก่อน ข้าได้ไปทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตมาแล้ว ข้าจะเข้าไปมอบของให้กับเสิ่นซู่เฟยเสียหน่อย"

เมื่อหยุนชางได้ฟังเช่นนั้นก็รู้แล้วว่ามิอาจหาทางปฏิเสธได้ นางจึงพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า "เช่นนั้นแล้ว หม่อมฉันจะตามเสด็จฮองเฮานะเพคะ"

ฮองเฮาแย้มพระสรวลแล้วลุกขึ้นยืน เมื่อนางเดินออกไปข้างนอกแล้ว หยุนชางก็รีบเดินตามไปทันที

ตำหนักอู๋เหยียน หยุนชางเงยหน้ามองดูป้ายหน้าตำหนักที่มีหยากไย่เกาะอยู่ หน้าประตูทางเข้าตำหนักมีทหารองครักษ์ประจำการอยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้ตำหนักที่อยู่ห่างไกลและไม่เจริญหูเจริญตาแห่งนี้ดูมีความเข้มงวดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

ฮองเฮาเลิกคิ้วแล้วแย้มพระสรวลออกมา "ตำหนักอู๋เหยียนเป็นตำหนักเย็น ในสมัยก่อน นางสนมและนางในชั้นสูงที่ถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่ หากมิได้จบชีวิตลงก็ต้องเสียสติไปในที่สุด มาวันนี้ ตำหนักเย็นอันกว้างใหญ่ กลับหลงเหลือแค่เพียงเสิ่นซู่เฟยกับเสียนฮูหยินแค่เพียงสองคน บรรยากาศช่างดูเงียบเหงาเสียจริงเลยนะ"

เมื่อทหารองครักษ์ที่ประจำการอยู่ได้พบกับฮองเฮา พวกเขารู้สึกตกใจเล็กน้อย แล้วรีบก้าวเท้ามาข้างหน้า เหมือนว่าจะห้ามปรามการเสด็จของฮองเฮา

นางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านหลังของฮองเฮาจึงรีบชูป้ายทองคำออกมาแล้วตวาดว่า "พวกเจ้าตาบอดหรืออย่างไร การเสด็จของฮองเฮาในครั้งนี้ถือเป็นรับสั่งจากฮ่องเต้ ยังไม่รีบเปิดประตูอีก"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง