แล้วหนิงเชียนก็ได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน โดยนางได้เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา "หม่อมฉันหลงคิดมาโดยตลอดว่าพระชายาได้เสด็จไปที่เมืองชางหนานแล้ว หากสายลับไม่มาบอกหม่อมฉัน หม่อมฉันก็คงจะไม่เชื่อ พระชายาเสด็จกลับมาได้อย่างไร? แล้วทรงพบเบาะแสขององค์หญิงใหญ่ได้อย่างไรหรือเพคะ?"
หยุนชางยิ้ม "ไม่ใช่ว่าข้าไปพบเบาะแสขององค์หญิงใหญ่แล้วจึงกลับมายังเมืองจิ่นหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่า ข้าได้ไปล่วงรู้ความลับของเสิ่นซู่เฟยมาต่างหาก"
แล้วหยุนชางก็พลันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น ณ ตำหนักไท่จี๋ นางได้กล่าวว่าเซี่ยหวนอวี่ลุ่มหลงเสิ่นซู่เฟยมากเกินไป และลำเอียงรักเพียงแค่อ๋องเจ็ด ในตอนนั้นเอง เซี่ยหวนอวี่ก็ได้ตรัสว่าเรื่องบางเรื่อง ก็หาได้เป็นเฉกเช่นที่หยุนชางคิด
หยุนชางจึงเกิดความสงสัย เนื่องจากเสิ่นซู่เฟยกับฮองเฮามิลงรอยกัน การที่เซี่ยหวนอวี่ปล่อยตัวเสิ่นซู่เฟยออกมาจากตำหนักเย็น ก็เท่ากับเป็นการท้าทายความรู้สึกของฮองเฮาและตระกูลซู ในตอนนั้นหยุนชางได้คาดเดาว่า เซี่ยหวนอวี่ถ้าไม่ได้ลุ่มหลงเสิ่นซู่เฟยมากเกินไป ก็คงจะทรงคิดว่าเสิ่นซู่เฟยเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่ง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เซี่ยหวนอวี่ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้ลุ่มหลงเสิ่นซู่เฟยถึงเพียงนั้น เช่นนั้นก็แสดงว่า เสิ่นซู่เฟยเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่ง
แต่สิ่งต่างๆที่เสิ่นซู่เฟยได้เคยกระทำมาก่อนหน้านี้ ทำให้คนในครอบครัวเดียวกันต้องมามีเรื่องบาดหมาง นางสมรู้ร่วมคิดกับอ๋องเจ็ด ซึ่งเป็นการทรยศต่อเซี่ยหวนอวี่ การที่จะให้หมากทรยศของเขานั้นเป็นเครื่องมือในการประกาศสงครามกับคนตระกูลซู คงจะไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยหวนอวี่ปรารถนา
เดิมทีหยุนชางก็ไม่เข้าใจ แต่ภายหลังจากที่ได้ออกมาจากเมืองจิ่นแล้ว นางจึงฉุกคิดขึ้นมาได้
เซี่ยหวนอวี่คงไม่มีทางให้หมากทรยศมาเป็นเครื่องมือในการประกาศสงครามกับคนตระกูลซู แต่นั่นก็เป็นแค่ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเท่านั้น แต่หากเสิ่นซู่เฟยจงรักภักดีต่อเซี่ยหวนอวี่มาโดยตลอด เช่นนั้นแล้ว เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็คงจะเป็นแผนการของเซี่ยหวนอวี่ ทั้งเรื่องการทำให้คนในครอบครัวเดียวกันต้องมามีเรื่องบาดหมาง เรื่องผงห้าศิลา เรื่องที่นางถูกจองจำอยู่ในตำหนักเย็น เรื่องสมรู้ร่วมคิดกับองค์หญิงใหญ่และอ๋องเจ็ด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการของเซี่ยหวนอวี่ทั้งหมด......
เมื่อได้ล่วงรู้ความลับของเสิ่นซู่เฟยแล้ว หยุนชางก็ได้รับข่าวจากหนิงเชียน ทำให้นางทราบว่าหนิงเชียนรู้เรื่ององค์หญิงใหญ่มาจากเสิ่นซู่เฟยนั่นเอง
องค์หญิงใหญ่มีรับสั่งให้หนิงเชียนใช้ลูกในท้องของนางเป็นเครื่องมือในการโยนความผิดไปให้กับฮองเฮา ในตอนแรกหยุนชางก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่จึงต้องทำเช่นนั้น แต่ต่อมานางก็คิดขึ้นมาได้ว่า นี่เป็นแผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวขององค์หญิงใหญ่ แม้ว่าฮองเฮาจะทรงถูกเซี่ยหวนอวี่สั่งกักบริเวณ แต่อีกไม่นานก็คงจะได้รับการปล่อยตัว ในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ที่ถือตราประทับฮองเฮาก็คือหนิงเชียนนั่นเอง
แม้ว่าหนิงเชียนจะได้เข้าวังมาโดยการสนับสนุนจากองค์หญิงใหญ่ แต่องค์หญิงใหญ่ก็หาได้เชื่อมั่นในตัวของหนิงเชียนไม่ นางขอแค่เพียงให้หนิงเชียนทำตามคำสั่งของนาง ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ฮองเฮาก็จะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องนี้ โทษของการปองร้ายสายพระโลหิตของฮ่องเต้ ต่อให้ฮองเฮาจะมีตระกูลซูคอยหนุนหลัง แต่ไม่นานก็คงจะต้องตกที่นั่งลำบาก และหากหนิงเชียนแท้งลูก ก็ต้องเข้ารับการรักษาตัวและพักฟื้น อำนาจในการควบคุมวังหลังก็จะต้องตกอยู่ในมือของเสิ่นซู่เฟย
องค์หญิงใหญ่ทรงต้องการอาศัยจังหวะที่อ๋องเจ็ดและรุ่ยอ๋องไม่อยู่ในเมืองจิ่นชิงลงมือตามแผนการที่ได้วางไว้ นางใช้ยาพิษทำให้ฉีอ๋องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง เมื่อในมือของนางมีฉีอ๋องอยู่ทั้งคน ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าเสิ่นซู่เฟยจะแข็งข้อกับนาง
สาส์นที่องค์หญิงใหญ่ทรงมอบให้กับหนิงเชียนนั้น เสิ่นซู่เฟยเป็นผู้ถือเข้าวังมาด้วยตนเอง เซี่ยหวนอวี่คงจะทรงทราบถึงแผนการขององค์หญิงใหญ่ แต่สิ่งหนึ่งที่เซี่ยหวนอวี่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน คงจะเป็นเรื่องที่ในครรภ์ของหนิงเชียนนั้นหาได้มีสายพระโลหิตของตนเองอีกต่อไป
เซี่ยหวนอวี่ได้เตรียมพร้อมมาแต่เนิ่นๆแล้ว เขาเพียงแค่รอจังหวะที่ปลาอย่างองค์หญิงใหญ่จะว่ายน้ำเข้ามาติดเบ็ด เซี่ยหวนอวี่ทรงสั่งให้กักบริเวณหนิงเชียนเอาไว้ภายในตำหนักเซียงจู๋ และด้วยความที่เขาได้มองการณ์ไกลว่าภายในตำหนักเซียงจู๋อาจจะมีคนขององค์หญิงใหญ่แฝงตัวอยู่ เขาจึงสั่งให้ทุกคนภายในตำหนักเซียงจู๋ออกมาจากตำหนักทั้งหมด เพื่อมิให้ข้อมูลลับได้หลุดรอดไปสู่คนนอกได้
หยุนชางรู้สึกเหลือเชื่อ เซี่ยหวนอวี่เป็นดั่งที่หนิงเชียนกล่าวไว้ เขาเป็นคนมองการณ์ได้อย่างถ้วนถี่
หนิงเชียนไม่ได้ว่าอะไร นางได้แต่ตอบตกลงหยุนชางไปโดยไม่มีข้อแม้
หยุนชางยิ้ม แล้วสั่งให้พ่อบ้านเตรียมห้องเหมาะๆเอาไว้ให้หนิงเชียน ให้นางได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อนจะออกเดินทาง
เมื่อหนิงเชียนได้ออกเดินทางไปแล้ว ฉินยีก็ยืนยิ้มและเอ่ยถามขึ้นมาว่า "พระชายาทรงให้แม่นางหนิงเชียนไปหาคุณชายหวังที่เมืองชางหนาน ทรงคิดที่จะจับคู่พวกเขาใช่หรือไม่เพคะ?"
"ฉินยีฉลาดไม่เบาเลย" หยุนชางยิ้ม แววตาของนางดูเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิด "หวังจิ้นฮวนผู้นี้เจ้าเล่ห์ไม่น้อย เชื่อถือไม่ค่อยได้ แต่เขาก็จริงใจกับหนิงเชียนเป็นอย่างมาก ตอนเด็กๆข้าได้ช่วยหนิงเชียนเอาไว้ นางคอยอยู่เคียงข้างข้ามาโดยตลอดและยังจงรักภักดีต่อข้าเป็นที่สุด หน้าที่ที่ข้ามอบหมายให้นางทำล้วนเป็นเรื่องยาก แต่นางก็ไม่เคยปริปากบ่น นางต้องผ่านมาทั้งการไปอยู่หอนางโลมและในวังหลัง ถือว่าได้สร้างความกดดันให้นางไม่น้อยเลย"
หยุนชางถอนหายใจ "แต่ว่าเรื่องพวกนี้ คนที่ข้าไว้ใจจริงๆก็มีเพียงแค่นางคนเดียว ลึกๆในใจข้าก็ได้แต่หวังว่านางจะได้พบเจอความสมหวังในชีวิต มิฉะนั้นแล้ว ข้าเองก็คงทำใจไม่ได้"
"พระชายาทรงมีน้ำพระทัยอันเปี่ยมล้น หม่อมฉันเชื่อว่าแม่นางหนิงเชียนจะต้องได้ลงเอยกับผู้ที่เหมาะสมกับนางแน่นอนเพคะ" ฉินยีพูดจาปลอบโยน
หยุนชางพยักหน้าแล้วยิ้ม "ก็ขอให้เป็นเช่นนั้น สิ่งที่ข้าพอจะช่วยได้ คงทำได้แค่เพียงเท่านี้ ต่อจากนี้ไป ก็ขึ้นอยู่กับว่าหวังจิ้นฮวนจะใช้โอกาสนี้พยายามได้มากน้อยแค่ไหนแล้วล่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...