ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 754

เฉี่ยนอินส่ายหัวและกล่าวว่า "เพียงแต่ว่าพระชายาอ๋องเจ็ดกล่าวว่าเขามาเมืองจิ่นเพื่อเข้าสอบขุนนาง แต่หม่อมฉันรู้สึกว่าไม่จริงเพคะ แม้ว่าอีกสองเดือนก็ถึงเวลาสอบคัดเลือกขุนนางแล้ว แต่ตามข่าวที่หม่อมฉันสืบมา แม้ว่าลูกพี่ลูกน้องของพระชายาอ๋องเจ็ดจะดูมีความรู้และสง่า และมีตำแหน่งซิ่วไฉ (ผู้ผ่านการสอบคัดเลือกขุนนางระดับชนบท) เสียจริง และชอบสะสมสมบัติล้ำค่าสี่ชิ้นของการศึกษาและทั้งภาพวาดและการประดิษฐ์ตัวอักษรที่งดงามเพื่อประดับในบ้านเรือน แต่กลับมิได้สนใจในการเรียนอ่านหนังสือสักเท่าไหร่ แม้ว่าตำแหน่งซิ่วไฉก็ไปซื้อมาเพื่อตกแต่งตนให้ดูดีเท่านั้นเอง อีกทั้งตระกูลของเขาทำการค้าขายมาหลายต่อหลายรุ่น และมิเคยคิดจะให้ซวี่ซานซือไปสอบยศตำแหน่งนั้นมาก่อนเพคะ"

เมื่อฟังสิ่งที่เฉี่ยนอินกล่าวหยุนชางก็ครุ่นคิดขึ้นมา "เจ้าหมายความว่า ซวี่ซานซือเข้าเมืองจิ่นมาเพื่อสอบคัดเลือกขุนนางอย่างที่อวี้ถงกล่าวอย่างนั้นหรือ?"

เฉี่ยนอินพยักหน้าเบา ๆ "คาดว่ามิใช่เพคะ คนที่หม่อมฉันสั่งให้ไปสืบกว่าวว่า พ่อค้าคนหนึ่งที่ทำการค้ากับตระกูลซวี่กล่าวว่า ซวี่ซานซือรับปากกับเขาไว้ว่าเดือนเมษายนนี้จะไปนำเข้าบัวหิมะจำนวนหนึ่งจากแคว้นเย้หลางพร้อมเขาเพคะ"

หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ และรอยยิ้มของนางเยือกเย็นขึ้นเล็กน้อย "ในเมื่อมิได้มาเพื่อสอบคัดเลือกขุนนาง แล้วเหตุใดอวี้ถงจึงต้องหลอกลวงข้า?"

เฉี่ยนอินกล่าวอีกว่า "นอกจากนี้แล้วสายลับยังสืบได้ความว่า ก่อนหน้านี้ขณะที่คุณชายซวี่และพ่อของเขาอยู่เมืองหลิงซี พวกเขาได้พบอ๋องเจ็มก็จริง ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะบิดาของคุณชายซวี่ทราบว่าอ๋องเจ็ดนำทัพอยู่ที่เมืองหลิงซี จึงได้ส่งจดหมายของเข้าพบในนามอาของท่าน อ๋องเจ็ดก็เข้าพบพวกเขาเช่นกัน แต่ทว่ามิทราบว่าพวกเขาพูดคุยกระไรกัน หลังจากที่คุณชายซวี่ออกจากเมืองหลิงซีแล้ว เขาก็ไปที่ค่ายทหารนอกเมืองคังหยางอีก จากนั้นจึงมาที่เมืองจิ่น"

"เจ้าหมายความว่า… ซวี่ซานซือมาที่เมืองจิ่น อาจเป็นเพราะอ๋องเจ็ดได้สั่งการกระไรไว้อย่างนั้นหรือ?" แววตาของหยุนชางเต็มไปด้วยความครุ่นคิด อีกทั้งซวี่ซานซือไปที่ค่ายทหารบอกเมืองคังหยางก่อนจึงมาที่นี่ หากเป็นเช่นนี้จริง แล้ว................"

จู่ๆ หยุนชางก็เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหันและพูดว่า "ตามสายลับที่ส่งสารในก่อนหน้านี้มา ข้ามีเรื่องจะถาม"

เมื่อเฉี่ยนอินเห็นว่าสีหน้าของหยุนชางจริงจังขึ้นมาในทันที นางก็เร่งจริงจังขึ้นมาด้วย จากนั้นก็ยกมือทาบที่ริมฝีปากแล้วทำเสียงแปลกๆออกมา

ไม่นานหลังจากนั้น มีคนกระโดดเข้ามาจากหน้าต่างและคุกเข่าลงต่อหน้าหยุนชาง

หยุนชางขมวดคิ้วและกล่าวว่า "เจ้าได้เอาสาส์นกราบทูลจากมือคนส่งแล้วมาอ่านดูหรือว่าไม่ว่าในสาส์นกราบทูลนั้นมีเนื้อหาว่าอย่างไรบ้าง?"

สายลับเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว " ขณะที่ข้าน้อยได้รับข่าวนั้น สาสน์กราบทูลไปถึงนอกเมืองจิ่นแล้วขอรับ เดิมทีข้าน้อยอยากจะหาโอกาสหยิบมาแล้วดูเนื้อหา แต่ไม่คาดคิดว่าเฝิงหมิงได้สั่งให้ผู้มีวรยุทธ์สูงมาคอยปกป้องสาส์นกราบทูลนั้นไว้ ข้าน้อยจึงไม่สามารถลงมือได้ขอรับ"

"สาส์นกราบทูลนั้นมีสิ่งผิดปกติหรือไม่เพคะ?" เฉี่ยนอินรีบเงยหน้าขึ้นและถามหยุนชาง

หยุนชางส่ายหัว ขมวดคิ้วเบาๆ แล้วกล่าวว่า "ข้าบอกไม่ได้ว่าเกิดกระไรขึ้น แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ ตามหลักการแล้ว เพิ่งเกิดเรื่องกับองค์หญิงใหญ่ไปไม่กี่วัน อ๋องเจ็ดควรจะยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ดูสถานการณ์นี้แล้ว เหมือนว่าอ๋องเจ็ดเตรียมแผนรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว แสดงว่าภายในพระราชวังนี้อาจมีคนของอ๋องเจ็ดอยู่ เขาอาจจะเป็นคนรอบตัวของเสิ่นซู่เฟย หรือคนรอบตัวของเซี่ยหวนอวี่ อ๋องเจ็ดทราบตัวตนของเสิ่นซู่เฟยมาแต่เนิ่นๆแล้ว และคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับองค์หญิงใหญ่"

"ฉะนั้น ขณะสองพ่อลูกซูยุนจือไปขอเข้าพบอ๋องเจ็ดที่เมืองหลิงซี อ๋องเจ็ดจึงได้อนุญาตเข้าพบอย่างผิดปกติ จากนั้นต้องเป็นเพราะว่าอ๋องเจ็ดมีคำสั่ง ซวี่ซานซือจึงได้จากเมืองหลิงซีไปที่นอกเมืองคังหยาง จากนั้นจึงเข้ามาที่เมืองจิ่น และอวี้ถงก็คงทราบเรื่องบางอย่างเช่นกัน จึงได้โกหกข้าเช่นนี้" แววตาของหยุนชางลึกลงเล็กน้อยและคิ้วขมวดขึ้นมา

เฉี่ยนอินรู้สึกประหม่าเมื่อได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนี้ จึงพูดอย่างรวดเร็วว่า " ถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดีเพคะ?" ขณะที่กล่าวนางก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่สายลับ " ชายผู้นำส่งสาส์นนั้นไปถึงไหนแล้ว? หากว่าเราส่งคนไปดักเขาไว้ยังทันอยู่หรือไม่?"

สายลับส่ายหัวและพูดว่า "เกรงว่าคงเข้าวังไปแล้วขอรับ"

"เหตุใดเจ้าจึงออกจากวังมา?" หยุนชางขมวดคิ้ว "หากว่ามีใครพบเข้า คงยากที่จะจัดการ"

หวังหว่านจือรีบกล่าว "พระชายาโปรดวางใจได้เพคะ ข้าน้อยสามารถออกจากพระราชวังมาได้ เช่นนั้นย่อมกลับเข้าไปอย่างปลอดภัยได้เช่นกันเพคะ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงอย่างมาก ข้าน้อยจำต้องรายงานให้พระชายาทราบด้วยตนเองเพคะ"

"เรื่องกระไรหรือ?" หยุนชางถามเมื่อเห็นว่ามือที่อยู่ใต้เสื้อคลุมนั้นดูเหมือนจะกำลังถืออะไรบางอย่างอยู่

หวางหว่านจือเร่งนำของในมือยื่นให้หยุนชาง "เรียนนายหญิงเพคะ นี่เป็นสารกราบทูลที่แม่ทัพเฝิงหมิงส่งมาจากค่ายทหารนอกเมืองคังหยางเมื่อเย็นนี้เพคะ มีเนื้อหาว่า ฮวาฮองเฮายังไม่สิ้นพระชนม์ ตอนนี้ท่านอยู่ที่เมืองคังหยางเพคะ.........."

หยุนชางโบกมืออย่างแรง และเกือบจะทำให้ถ้วยน้ำชาตกลงบนพื้น สีหน้าของนางขาวซีดขึ้นมาทันที

เมื่อหวังหว่านจือเห็นเช่นนี้ นางก็รีบรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้หยุนชางรับทราบ "ก่อนหน้านี้คุณพี่ฉินยียังไม่เข้าวัง ฝ่าบาทพาหัวหน้าหลิวไปที่วังหลัง หม่อมฉันกำลังจัดการสาสน์กราบทูลต่างๆให้ฝ่าบาท คนที่มายื่นสาสน์กราบทูลนั้นคือทหารคนสนิทของเฝิงหมิงเพคะ หม่อมฉันกล่าวว่าฝ่าบาทไม่อยู่ จึงให้เขานำสาสน์กราบทูลนั้นให้หม่อมฉัน เขาได้ยืนยันตัวตนของหม่อมฉันกับนางกำนัลนอกวัง จากนั้นเขาจึงยื่นสาสน์กราบทูลมาให้หม่อมฉันเพคะ"

"หม่อมฉันให้เขาไปรอที่เรือนรองรับคณะทูต และเขาก็ออกจากพระราชวังไป หม่อมฉันจึงเปิดดูเนื้อหาในสารกราบทูลตามปกติ และรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก แล้วเร่งนำสาส์นกราบทูลนั้นซ่อนไว้ที่ลับ จากนั้นไม่นานคุณพี่ฉินยีก็มาถึงเพคะ หม่อมฉันจึงตามคุณพี่ฉินยีออกจากวังมาเพคะ" เสียงของหวังหว่านจือนุ่มนวลอย่างมาก แต่ทุกคำที่นางกล่าวกับทำให้หัวใจของหยุนชางกดดันอย่างมาก

ร่างกายของหยุนชางสั่นเล็กน้อย และสุดท้ายเรื่องนี่ก็ถูกเปิดโปงจนได้ ตอนนี้นางต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ได้เซี่ยหวนอวี่ทราบเรื่องนี้ ฮวาฮองเฮาสูญเสียความทรงจำของนางไปหมดแล้วและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ อีกทั้งหลังจากนั้นยังแต่งงานและให้กำเนิดบุตร ตอนนี้บุตรของนาง อายุยี่สิบแล้ว ทุกคนต่างก็บอกว่าเซี่ยหวนอวี่มีความรักที่ลึกซึ้งต่อฮวาฮองเฮา และคนเดียวในชีวิตที่เซี่ยหวนอวี่เคยรักก็คือฮวาฮองเฮา หากว่าเซี่ยหวนอวี่ทราบเรื่องนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดศึกพายุเลือดขึ้นมาอย่างไร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง