ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนชางก็สงบอารมณ์ลง และรีบเงยหน้าขึ้นมองดูผู้คนที่อยู่ในห้อง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงสั่งอย่างชัดเจนว่า "หว่านจือกลับวังไปก่อน อย่าได้ให้ใครพบเห็น เฉี่ยนอินส่งคนไปที่เรือนรับรองคณะทูตและจัดการคนที่มาส่งสารให้เรียบร้อย อย่าได้ทิ้งร่องรอยกระไรเอาไว้"
หวังหว่านจือและเฉี่ยนอินรีบตอบรับ จากนั้นถอยออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ละคนไปทำตามสั่งของหยุนชาง
หยุนชางขมวดคิ้ว กัดริมฝีปากและนั่งบนเบาะนุ่ม จากนั้นจึงมองไปที่ฉินยี
"ตอนนี้อ๋องเจ็ดอยู่ที่เมืองหลิงซี แต่ไม่ทราบว่าสาส์นกราบทูลนี้ถูกเราสกัดไว้แล้ว เราจัดการให้เรียบร้อยก่อน ฝ่าบาทก็คงจะยังไม่ทราบชั่วคราว จากนั้นฉินยีและเฉี่ยนหลิ่วไปที่จวนกั๋วกงกับข้าอีกครั้ง" ขณะที่พูดหยุนชางก็ยืนขึ้น
ฉินยีตกตะลึงแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว "ไปตอนนี้หรือเพคะ?" ฉินยีมองออกไปในคืนที่เงียบสงบ ข้างนอกนั้นมืดอย่างมาก นางลังเลเล็กน้อย "เพลานี้แล้ว กั๋วกงฮูหยินคงพักผ่อนแล้วกระมั้งเพคะ"
หยุนชางกลับพยักหน้าโดยไม่ลังเลใด ๆ "ใช่แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องแข่งขันด้านเวลากับอ๋องเจ็ด เวลาไม่ถึงเจ็ดวัน หากว่าฝ่าบาทไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อ๋องเจ็ดก็คงทราบว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับสาส์นกราบทูลนั่น และคงจะส่งสารมาอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น เราอาจจะไม่โชคดีเท่าวันนี้ที่จะสามารถสกัดเอาสารนั้นไว้ได้ ฉะนั้นเราต้องเร่งมือ ห้ามเสียเวลาแม้แต่ครู่เดียวไปเด็ดขาด"
หยุนชางและสาวใช้ทั้งสองของเร่งออกจากจวนไปแล้วขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนกั๋วกง
เมื่อไปถึงจวนกั๋วกง ประตูของจวนกั๋วกงปิดแน่น เฉี่ยนหลิ่วเร่งลงจากรถม้า แล้วเดินไปหน้าประตูจวน และเคาะประตูเสียงดัง เสียงวงแหวนทองแดงที่อยู่หน้าประตูดังห้องสนั่นในค่ำคืนที่เงียบงันนี้
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีเสียงที่ค่อนข้างง่วงดังมาจากข้างใน "มาแล้ว ดึกเช่นนี้ใครกันหรือ"
เสียงประตูดัง "เอี๊ยด" และเมื่อคนเฝ้าประตูออกมาข้างนอก หยุนชางก็ลงจากรถม้าไปแล้ว "ข้าเอง รีบเปิดประตู ข้ามีเรื่องด่วนจะขอพบท่านฮูหยิน"
คนเฝ้าประตูชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงมีสติขึ้นมา " ที่แท้ก็พระชายารุ่ยอ๋องนี่เอง ท่านฮูหยินพักผ่อนแล้วเพคะ"
หยุนชางพยักหน้าและก้าวเข้าประตูไป " ข้าทราบแล้ว" นางเดินเร็วกว่าเดิมแล้วเดินตรงไปที่ลานบ้านที่กั๋วกงฮูหยินอาศัยอยู่
กั๋วกงฮูหยินอาจจะพักผ่อนไปสักระยะแล้ว เมื่อได้ยินเสียง มามาข้างกายของท่านก็ถือตะเกียงแล้วเปิดปะตูออกมา เมื่อเห็นหยุนชางก็ตกตะลึงอย่างมาก "เพลาดึกดื่นเช่นนี้แล้ว พระชายารุ่นอ๋องมาทำกระไรหรือเพคะ"
หยุนชางรีบกล่าว "ขอรบกวนท่านมามาปลุกท่านฮูหยินขึ้นมาที โดยกล่าวว่าข้ามีเรื่องด่วนขอพบ เรื่องด่วนอย่างมาก"
เมื่อมามาเห็นว่าสีหน้าของหยุนชางไม่ดีเท่าไหร่นัก จึงเร่งตอบรับว่า "ทราบแล้วเพคะ หม่อมฉันจะไปประเดี๋ยวนี้เลยเพคะ"
กั๋วกงฮูหยินแรงเยอะมาก หยุนชางกัดปากแล้วจึงเอ่ยปากว่า "ท่านย่าโปรดให้อภัยโทษฐานที่ไม่รายงานเรื่องนี้ต่อท่านด้วยเถิด............."
กั๋วกงฮูหยินผงะเมื่อได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนี้ "โทษฐานไม่รายงานหรือ? หมายความว่าอย่างไร? เจ้าและชิงเหยียนทราบเรื่องนี้แล้วหรือ?" กั๋วกงฮูหยินขมวดคิ้ว สีหน้าของนางแย่ลงอย่างมาก แต่ก็ค่อยๆสงบลง นางจ้องมองไปที่หยุนชาง ผ่านไปครูหนึ่ง นางก็เดินถอยหลังไปอีกสองก้าว แล้วนั่งลงบนเตียง เสียงของนางก็สงบลงอย่างมาก "เจ้าบอกข้ามา ว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ ข้าหวังว่าเจ้าจะบอกข้าโดยไม่มีการปิดบังใดๆทั้งสิ้น"
หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ และหันไปกราบกั๋วกงฮูหยินโดยกล่าวว่า "ข่าวที่ว่าฮวาฮองเฮายังคงมีชีวิตอยู่ ข้าและชิงเหยียนทราบตั้งแต่อยู่แคว้นหนิงแล้ว เหตุผลที่เราทราบเรื่องนี้ เกิดจากภาพวาดที่ฝ่าบาทนำไปแคว้นหนิง ภาพที่วาดรูปฮวาฮองเฮาเอาไว้" หยุนชางสงบอารมณ์ลงครู่หนึ่งแล้วกระซิบต่อว่า " ครั้งแรกที่ข้าเห็นภาพนั้น ก็รู้สึกคุ้นตาอย่างมาก หลังจากที่กลับไปครุ่นคิดอยู่นานจึงนึกออกว่า ข้าเคยพบคนที่อยู่ในภาพนั้นมาก่อน เขาอยู่ในเมืองหลวงแคว้นหนิง"
มือของกั๋วกงฮูหยินสั่นเล็กน้อย ในใจของนางตื่นเต้นอย่างมาก แต่ก็มิได้ส่งเสียงขัดจังหวะหยุนชาง เพียงแต่จ้องมองไปที่หยุนชางอย่างไม่ละสายตา
หยุนชางกัดริมฝีปากและกระซิบเบาๆว่า "ข้านึกออกแล้วว่าคนที่หน้าคล้ายฮวาฮองเฮาที่อยู่ในภาพนั้น คือแม่สามีของเสด็จพี่ของข้าเอง เป็นแม่ม่ายของนายพลท่านหนิงในแคว้นหนิง จ้าวฮูหยินเพคะ จ้าวฮูหยินอายุประมาณสี่สิบปี ดูอ่อนกว่าวัยอย่างมาก ท่านมีลูกหนึ่งคนเป็นแม่ทัพแคว้นหนิง ด้วยเหตุที่พบว่าจ้าวฮูหยินหน้าคล้ายกับฮวาฮองเฮา ข้าจึงได้ส่งคนไปสืบท่านจ้าวฮูหยิน"
"จากการสืบสวนของสายลับ ข้าพบว่า จ้าวฮูหยินเป็นหญิงสาวที่แม่ทัพจ้าวช่วยกลับมาจากชายแดนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เพียงแต่เมื่อตอนที่แม่ทัพจ้าวช่วยท่านกลับมา ท่านได้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว ท่านไม่ทราบว่าตนคือใคร และไม่ทราบว่าตนมาจากไหน ไม่ทราบด้วยว่าคนมีญาติครอบครัวหรือไม่ แม่ทัพจ้าวได้ตกหลุมรักท่านจึงได้ให้นางติดตามตนตลอดเวลา หญิงสาวผู้นั้นชอบสนามรบอย่างมาก จากนั้นจึงได้แต่งงานกับแม่ทัพจ้าว หลังจากแต่งงานแล้วได้ให้กำเนิดบุตรหนึ่งคน" หยุนชางเหลือบมองที่สีหน้าของกั๋วกงฮูหยิน เห็นว่าในดวงตาของนางมีน้ำตาคลอ จึงรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย จากนั้นก็กัดฟันและกล่าวต่ออีกว่า
"ข้าเห็นว่าเวลาที่ท่านแม่ทัพพบจ้าวฮูหยินห่างจากเวลาที่ฮองเฮาหายตัวไปไม่นานเท่าไหร่ จึงสงสัยว่าจ้าวฮูหยินคือฮองเฮา เพียงแต่ไม่สามารถแน่ใจได้ หลังจากนั้นเหมือนว่าท่านอ๋องจะทราบเรื่องนี้ และได้ส่งคนไปสืบมา อีกทั้งยังไปที่ชายแดนตัวตนเอง ข้าไม่ทราบว่าท่านอ๋องพบเรื่องราวกระไรที่ชายแดนบ้าง รู้เพียงแค่ว่าตั้งแต่ที่กลับจากชายแดนมา ท่านอ๋องก็แน่ใจแล้วว่าจ้าวฮูหยินก็คือฮองเฮา เพียงแต่ ท่านมีชีวิตใหม่ของตนแล้ว และจำเรื่องราวๆต่างๆที่ตนเคยผ่านมามิได้ ท่านอ๋องจึงคิดว่า ทำเช่นนี้ดีต่อฮวาฮองเฮามากที่สุด จึงมิได้ไปรบกวนอีกต่อไป และเราก็ถือเสียว่าไม่ทราบเรื่องนี้..........." หยุนชางถอนหายใจเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...