กั๋วกงฮูหยินตัวสั่นอยู่ตลอดเวลา เมื่อรอหยุนชางพูดจบแล้ว ภายในห้องก็เงียบไปอยู่นาน ผ่านไปครู่ใหญ่หยุนชางจึงได้ยินเสียงของกั๋วกงฮูหยิน "หลิงเอ๋อร์ของข้า นางยังมีชีวิตอยู่..."
หยุนชางรู้สึกแสบร้อนปลายจมูกออกมาโดยไม่มีเหตุผล กั๋วกงฮูหยินรักใครฮวาฮองเฮาเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่านางจากไปแล้วต้องทุกข์ใจอยู่นานเป็นแน่ และยังลอบตามหาตัวคนร้ายอย่างลับๆ เมื่อวานหยุนชางมาที่จวนกั๋วกง กั๋วกงฮูหยินยังให้นางตรวจสอบดูจวนสกุลซู นางคิดว่าสกุลซูเป็นผู้ทำร้ายลูกสาวของนาง
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าบุตรีที่จากไปเมื่อยี่สิบปีก่อนยังมีชีวิตอยู่ นางจะไม่ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร
หยุนชางเห็นผู้สูงวัยอย่างกั๋วกงฮูหยินมีน้ำตาคลอหน่วยก็ก้มหน้าลงกัดริมฝีปากเบาๆ และไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
หลังจากนั้นไม่นาน หยุนชางก็ได้ยินกั๋วกงฮูหยินเอ่ยว่า "แล้วแม่ทัพใหญ่ผู้นั้นปฏิบัติต่อนางอย่างดีหรือไม่?"
ปลายจมูกของหยุนชางแสบร้อนขึ้นอีกครั้งและเกือบจะหลั่งน้ำตา "ดีมากเจ้าค่ะ ทั้งชีวิตเขาแต่งงานกับจ้าวฮูหยินเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งยังรักนางอย่างที่สุด"
"เช่นนั้นก็ดีแล้ว" กั๋วกงฮูหยินพึมพำคำว่าดีแล้วซ้ำไปซ้ำมา "เช่นนั้นก็ดีแล้ว"
หยุนชางจึงได้ตัดใจบอกนางว่า "เพียงแต่เรื่องที่ฮวาฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ถูกท่านอ๋องเจ็ดรู้เข้าแล้ว ตอนนี้ฮวาฮองเฮาและลูกของนางเฝ้าอยู่ที่เมืองคังหยาง แม่ทัพที่เมืองคังหยางชื่อว่าเฝิงหมิงซึ่งเป็นของท่านอ๋องเจ็ด ฎีกาฉบับนี้เฝิงหมิงผู้นั้นเป็นคนส่งมาเจ้าค่ะ"
กั๋วกงฮูหยินผงะไป สีหน้าของนางซีดลงเล็กน้อย "อ๋องเจ็ด? เขาคิดจะทำอะไร?"
พูดจบนางก็รีบส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า "ไม่ได้การแล้ว ต้องไม่ให้ฝ่าบาทรู้ว่าหลิงเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ ตลอดหลายปีมานี้ ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบที่ฝ่าบาทมีนางสนมนับพันในวังหลัง แต่ข้ารู้ดีกว่าใครว่าความรักที่ฝ่าบาทมีหลิงเอ๋อร์นั้นลึกซึ้งเพียงใด เจ้าอาจจะไม่รู้ว่านอกจากซูฮองเฮาแล้ว หญิงอื่นๆ ในวังหลังต่างก็มีความคล้ายกับหลิงเอ๋อร์ไม่มากก็น้อย หากฝ่าบาททรงทราบว่าหลิงเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยนิสัยของเขาแล้วจะต้องไม่ยอมปล่อยหลิงเอ๋อร์ไปแน่ ตอนนี้หลิงเอ๋อร์ความจำเสื่อมไปแล้วและยังแต่งงานมีลูกกับคนอื่นแล้ว"
กั๋วกงฮูหยินกล่าวแล้วจึงหน้าซีดลงไปอีก นางรีบส่ายศีรษะ "จะให้ฝ่าบาทรู้ไม่ได้"
หยุนชางรีบกล่าวว่า "ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกันเจ้าค่ะ ข้าให้คนชิงฎีกาฉบับนี้มาและส่งคนไปกำจัดคนที่มาส่งสาส์นให้เฝิงหมิง ฝ่าบาทยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกรงว่าอีกไม่นานท่านอ๋องเจ็ดจะรู้ตัวว่าเป็นฝีมือของพวกเรา เมื่อถึงเวลานั้น หากท่านอ๋องเจ็ดรายงานตัวต่อฝ่าบาทด้วยตนเอง... ฝ่าบาทก็จะรู้ได้ในไม่ช้าก็เร็ว"
กั๋วกงฮูหยินพยักหน้าแล้วสังเกตเห็นว่าหยุนชางยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น นางจึงรีบดึงหยุนชางให้ลุกขึ้น "เจ้าคุกเข่าทำไม? พื้นสกปรก" นางหยุดไปนิดหนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ "เดิมทีเจ้าคิดจะทำอย่างไร?"
หยุนชางกัดริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า "ที่ข้ามาหาท่านยายก็เพราะว่าอยากจะไปที่คังหยางด้วยตนเองสักรอบ ฝ่าบาทรู้เรื่องของฮวาฮองเฮานั้นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ข้าคิดว่าแทนที่จะอยู่เฉยๆ และยอมรับ ตอนนั้นฮวาฮองเฮาจะไม่รู้อะไรเลย ไม่สู้ข้าไปเมืองคังหยางเพื่ออธิบายเรื่องนี้ให้นางฟังอย่างละเอียดจะดีกว่าและดูว่านางคิดเห็นอย่างไร"
หยุนชางเห็นว่ากั๋วกงฮูหยินขมวดคิ้วฟังอย่างตั้งใจและไม่ได้เอ่ยขัด นางจึงกล่าวต่อไปว่า "ประการแรกนี่เป็นเรื่องของฮวาฮองเฮา นางจึงควรจะได้รับรู้เรื่องนี้ ประการที่สองเพื่อที่จะได้หารือกับนางอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงจะหาทางรับมือได้ดี พวกเราควรจัดการเรื่องทุกอย่างเสียก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงทราบ อีกทั้งเดิมข้าก็เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง คำพูดของข้านางย่อมเชื่อและจะทำทุกอย่างได้อย่างสะดวก"
กั๋วกงฮูหยินยังคงนิ่งเงียบ ครู่ใหญ่นางจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "เจ้าบอกนางว่าไม่จำเป็นต้องเห็นแกข้าและกั๋วกง หากนางไม่ต้องการ แคว้นเซี่ยนี้นางจะไม่กลับก็ไม่เป็นไร พวกเรารู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ก็เพียงพอแล้ว"
ในเมื่อกั๋วกงฮูหยินกล่าวออกมาเช่นนี้ก็พิสูจน์ได้ว่านางเห็นด้วยกับความคิดของหยุนชาง หยุนชางจึงรีบรับคำและกล่าวว่า "เพียงแต่ในเมืองจิ่นนี้มีคนคอยจับตาดูเราไม่น้อยเลย ไม่ง่ายที่ข้าจะออกจากเมืองจิ่นไป คงต้องรบกวนให้ท่านยายช่วยเหลือ"
ตอนที่หยุนชางออกจากเมืองจิ่นไปท้องฟ้าก็สว่างแล้วและทันเวลาที่คนส่วนใหญ่เข้าออกที่ประตูเมืองก็พอดี ทหารรักษาประตูจึงปล่อยให้ผู้คนเดินทางอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
สิบสามวัน หยุนชางเดินทางทั้งหมดเป็นเวลาสิบสามวัน เมื่อหยุนชางมาถึงเมืองคังหยางก็เป็นช่วงต้นเดือนสี่แล้ว อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ หยุนชางสวมชุดสีเขียวอ่อนคลุมด้วยผ้าคลุมหน้า นางเปิดม่านรถม้าและมองออกไป ป้าย "เมืองคังหยาง" บนประตูเมืองเห็นเด่นชัดเป็นพิเศษท่ามกลางแสงแดดของฤดูใบไม้ผลิ
"รบกวนน้องชายเปิดประตูรถม้าให้พวกเราตรวจดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน" ทหารรักษาประตูเมืองเข้ามาพูดกับคนขับรถม้า แม้ว่าใบหน้าของเขาออกจะดูเคร่งขรึมจริงจังไปเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเขากลับฟังดูอ่อนโยน
หยุนชางยิ้มบางๆ ดูเหมือนว่าจ้าวอิงเจี๋ยจะจัดการเมืองคังหยางได้เป็นอย่างดี
ประตูรถม้าถูกเปิดออก มีทหารโผล่ศีรษะเข้ามาสำรวจด้านใน เมื่อเห็นหยุนชางก็ตกตะลึง ใบหน้าดำคล้ำปรากฏรอยแดงระเรื่อ
"เอ่อ รบกวนฮูหยินแล้ว" ทหารผู้นั้นกล่าวซ้ำๆ
หยุนชางยิ้มพลางส่ายหัว "ไม่เป็นไร เจ้าเพียงแต่ทำหน้าที่ของเจ้าเท่านั้น"
สีหน้าของทหารรักษาการณ์แดงขึ้นเล็กน้อย เขารีบถอยกลับและปิดประตูรถม้าอย่างรวดเร็ว "เข้าไปเถอะๆ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...