เมื่อนางม้วนกระดาษใส่ในกระบอกไม้ไผ่เรียบร้อยแล้วก็เหลือบมองนกอินทรีสองตัวที่กำลังชมวิวทิวทัศน์อยู่บนหลังคา นางยกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กน้อยแล้วโยนกระบอกไม้ไผ่นั้นขึ้นไปบนฟ้า ก็เห็นว่านกอินทรีนั้นรีบพุ่งมาทันที มันใช้ปากคาบกระบอกไม้ไผ่ นกทั้งสอบทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า บินวนรอบจวนสองรอบแล้วจึงบินหายลับไป
แม้ว่าจ้าวฮูหยินจะยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไร หยุนชางก็ดูไม่ร้อนใจเลยสักนิด นางทำทุกอย่างไปตามปกติและยิ่งทำตัวว่างงานยิ่งกว่าเดิม นางงีบในสวนครู่หนึ่งแล้วจึงรับประทานอาหารเย็นอย่างสบายๆ เข้านอนแต่หัวค่ำ เมื่อถึงยามเช้าวันรุ่งขึ้น ตะวันขึ้นจนสายโด่งแล้วนางจึงจะตื่น ตื่นแล้วก็กินอาหารเช้าก่อนจะออกไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นเหนื่อยแล้วก็หาหอสุรารับประทานอาหารกลางวัน แต่ประจวบเหมาะพอดี นางพบหลิวหัวและหวังชงที่เคยร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อน
ยามที่หยุนชางพบพวกเขา พวกเขากำลังนั่งอยู่ที่ชั้นสองของหอสุราแข่งกันดื่มเหล้าและหัวเราะเสียงดัง บอกว่าพรุ่งนี้ตอนฝึกซ้อมจะต้องจัดการให้อีกฝ่ายให้ได้ หยุนชางได้ยินทั้งสองคุยกันแล้วก็อดยกมุมปากขึ้นไม่ได้ ทั้งคู่ยังใจกว้างเหมือนเดิม
หยุนชางเดินไปนั่งลงที่โต๊ะของพวกเขา เพราะนางสวมหมวกคลุมอยู่ หลิวหัวและหวังชงจึงจำนางไม่ได้ เมื่อเห็นดังนั้นทั้งคู่ก็อึ้งไปพลางมองหน้ากันไปมา ใบหน้าปรากฏแววประหลาดใจอย่างชัดเจนและมองไปรอบๆ อย่างประเมินก็เห็นว่ามีที่นั่งว่างเต็มไปหมด ความสงสัยของพวกเขาจึงยิ่งทวีคูณ
"ฮูหยินท่านนี้ ไม่ทราบว่า..." หลิวหัวเปิดปากถามในที่สุด
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขึ้นแล้วยกมือขึ้นถอดหมวกออกยื่นให้จื่อซู เมื่อหลิวหัวและหวังชงเห็นหน้าของหยุนชางแล้วก็ยิ่งตกตะลึง แววตาของพวกเขาฉายแววไม่อยากเชื่อ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงหัวเราะขึ้นมาเสียงดังและคุกเข่าลงทำความเคารพ "ข้าน้อยขอคารวะพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"
โชคดีที่ชั้นสองไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเขา หยุนชางรีบพูดว่า "ไม่ต้องคารวะหรอก ครั้งนี้ข้าแอบมา ไม่อยากจะถูกใครพบเข้า"
หลิวหัวและหวังชงได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้น
หวังชงมองหยุนชางพร้อมอมยิ้ม "พระชายาตั้งครรภ์แล้วหรือ? ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางพยักหน้ารับเบาๆ พร้อมรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้า "ไม่เจอกันนานเช่นนี้พวกเจ้าก็ยังอารมณ์ดีกันเหมือนเดิม ข้ายังจำได้ว่าตอนที่เรากินเนื้อดื่มเหล้าในค่ายทหารเหล่านั้นเป็นความทรงจำที่ค่อนข้างพิเศษของข้า"
หวังชงยิ้มรับ "หลายวันก่อนข้ายังพูดกับแม่ทัพหลิวอยู่เลยว่าที่ท่านอ๋องและพระชายาร่วมกินเนื้อดื่มเหล้ากับเราในค่ายทหารนั้น แม้แต่ตอนคิดก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ! ตอนแรกพระชายาทำให้เราต้องชื่นชมจริงๆ ไหนๆ วันนี้เราก็ได้พบกันอีก ไม่สู้พวกเรามาดื่มกันเสียหน่อย?"
หลิวหัวถลึงตามองหวังชง "ดื่มเดิ่มอะไรกัน? ไม่เห็นว่าตอนนี้พระชายาไม่สะดวกหรือไง? คนท้องจะดื่มเหล้าได้อย่างไรกัน?"
เมื่อหวังชงถูกหลิวหัวว่าเช่นนี้ก็ได้แต่ลูบศีรษะและหัวเราะอย่างขัดเขิน
หยุนชางอดไม่ไหวจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง "เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ที่นี่ดีหรือไม่?"
หลิวหัวรีบตอบว่า "ดีพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพจ้าวเป็นแม่ทัพที่ประเสริฐนัก เข้มแข็งเด็ดขาด ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีเมตตา มีคุณธรรม พวกเราต่างก็ชอบแม่ทัพจ้าวเป็นอย่างมาก"
หวังชงที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าหงึกหงัก หยุนชางจึงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง "อืม สองสามวันนี้ข้าก็รู้สึกได้ เมืองคังหยางเปลี่ยนไปมากทีเดียว"
หลิวหัวจึงถามขึ้นว่า "พระชายาจะอยู่นานเท่าไรหรือพ่ะย่ะค่ะ หากยังอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน ข้าจะพาไปชมจุดชมทิวทัศน์แห่งใหม่ของคังหยาง"
"จุดชมทิวทัศน์อะไรหรือ?" หยุนชางเริ่มอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
หลิวหัวหัวเราะพลางกล่าวว่า "พระชายาจำได้หรือไม่ว่าตอนที่เราทำสงครามครั้งที่แล้ว ทะเลสาบที่ยอดเขานั้นถูกทำลายไปเสียเป็นช่องใหญ่ ตอนนี้ที่นั่นกลายเป็นน้ำตกตกลงมาสวยงามยิ่งนัก ฮ่าๆ ชาวบ้านตั้งชื่อให้ว่าน้ำตกองค์หญิง"
เมื่อหยุนชางได้ยินจ้าวอิงเจี๋ยพูดเช่นนี้ก็ให้รู้สึกประหลาดใจที่จ้าวฮูหยินได้บอกเรื่องนี้แก่จ้าวอิงเจี๋ย
จ้าวอิงเจี๋ยไม่รู้ว่าในใจของหยุนชางคิดอะไรจึงได้พูดต่อ "หม่อมฉันรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าท่านแม่จะมีสถานะเช่นนี้และยิ่งคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเป็น...เอ่อ..."
ราวกับว่าเขาเกรงว่าจะล่วงเกินจิ้งอ๋อง เมื่อจ้าวอิงเจี๋ยพูดไปได้ครึ่งหนึ่งเขาก็ลูบศีรษะและไม่ได้พูดต่อ
หยุนชางไม่ได้ใส่ใจ นางหัวเราะและกล่าวว่า "จิ้งอ๋องเป็นพี่ชาย แม่ว่าจะคนละพ่อแต่ก็มีมารดาผู้เดียวกัน ก็นับว่าเป็นพี่ชายได้"
จ้าวอิงเจี๋ยหน้าแดงขึ้นอีก เขายิ้มและกล่าวว่า "หม่อมฉันเพียงรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าเหลือเชื่อไปหน่อย แหะๆ ..."
หยุนชางมองเขาพลางยิ้ม "จ้าวฮูหยินให้ท่านแม่ทัพมาหรือ?"
จ้าวอิงเจี๋ยรีบส่ายหน้า "หม่อมฉันมาเองพ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางพยักหน้าและเริ่มเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมา เป็นเพราะไม่ใช่จ้าวฮูหยินมาบอกถึงเรื่องการตัดสินใจของนาง หยุนชางจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้ดึงดันบีบบังคับแต่อย่างใด นางเพียงยิ้มและมองจ้าวอิงเจี๋ยเท่านั้น "เช่นนั้นแม่ทัพจ้าวรู้สึกว่าเรื่องนี้จ้าวฮูหยินควรทำอย่างไร? อันที่จริงที่ข้ามาในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการบีบบังคับให้นางกลับแคว้นเซี่ยไปกับข้า แต่เพราะฮ่องเต้แห่งแคว้นเซี่ยจะได้รับรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า ด้วยนิสัยของเขาแล้ว ข้าเกรงว่าเขาจะบีบบังคับจ้าวฮูหยินและอาจกระทำการใดที่ส่งผลเสียต่อเจ้า เดิมฮูหยินก็สมควรได้รับรู้เรื่องนี้ หากปล่อยให้ฮ่องเต้แห่งแคว้นเซี่ยเป็นคนบอกนางเอง เกรงว่าจะไม่มีผลดีต่อผู้ใดเลย"
จ้าวอิงเจี๋ยฟังคำของหยุนชางอย่างตั้งใจและพยักหน้าตาม เมื่อรอจนหยุนชางพูดจบแล้วจึงได้ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ "หม่อมฉันไม่เคยพบฮ่องเต้แห่งแคว้นเซี่ยมาก่อน เขาจะทำร้ายท่านแม่ของข้าหรือไม่? ได้ยินว่ามาว่านางสนมในวังของเขาไม่น้อยเลยและตอนนี้ก็มีฮองเฮาแล้ว หากท่านแม่กลับไปแล้วจะเป็นเช่นไร?"
หยุนชางตกตะลึงแล้วจึงค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา จ้าวอิงเจี๋ยเป็นคนที่ซื่อสัตย์ยิ่งนัก แต่สมองของเขากลับไม่ช้าเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...