ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 763

หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม. ขบวนรถม้าของพวกเขาจึงได้เดินทางมาถึงนอกตัวเมืองชางหนาน. หากแต่ลั่วชิงเหยียนมิได้พาพวกเขาเข้าไปในเมืองด้วยแต่อย่างใด เพียงแค่พาพวกเขาเดินทางมาที่หมู่บ้านอันหนิงที่อยู่นอกตัวเมืองชางหนาน พร้อมพาสองแม่ลูกเข้าพักในบริเวณบ้านที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ ลั่วชิงเหยียนจึงได้พาหยุนชางเดินทางเข้าไปในตัวเมือง

เมืองชางหนานถ้าเทียบกับเมืองอื่นในแคว้นเซี่ยนั้น แลดูจะรกร้างกว่าเมืองอื่นๆเป็นอย่างมาก หากแต่ เมื่อหยุนชางกวาดสายตามองดูราษฏรในเมืองกลับมีรูปร่างที่ดูร่างกายแข็งแรง วัฒนธรรมและประเพณีแลดูจะเปิดกว้างเป็นอย่างมาก หยุนชางพลันมองไปเห็น ในยามที่ลั่วชิงเหยียนขี่ม้าอยู่บนถนนนั้น ก็ยังสาวน้อยสาวใหญ่ที่ใจกล้าไม่น้อย ที่มองมาที่เขาพร้อมโยนผ้าเช็ดหน้าลงมาให้

หากแต่ลั่วชิงเหยียนเป็นบุคคลที่สามารถทำการปฏิเสธผู้คนได้เพียงแค่ปล่อยไอสังหารออกมาเป็นพันลี้ เขามองแต่เบื้องหน้าโดยมิได้สนใจสิ่งใดอีกต่อไป

จวนของเจ้าเมืองอยู่ทางทิศตะวันตก เมื่อเดินทางผ่านถนนไม่กี่สายก็ถึงที่หมายในทันที. ลั่วชิงเหยียนพลันกระโดดลงมาจากม้า พร้อมเข้ามาช่วยหยุนชางเปิดประตู หยุนชางเมื่ออกมาจากรถม้าได้พลันแย้มยิ้มไปครู่หนึ่งกลับถูกลั่วชิงเหยียนอุ้มเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด แล้วจึงเดินเข้าจวนเจ้าเมืองไป

"ปล่อยข้าลงนะ ในจวนคนเยอะแยะเช่นนี้" หยุนชางรีบร้อนส่งเสียงประท้วงออกมา

ลั่วชิงเหยียนทำทีไม่สนใจ อีกทั้งยังไม่สนใจคำพูดของหยุนชาง เมื่อเข้าไปในจวนแล้ว ข้ารับใช้ในจวนมิได้มีมากนัก เมื่อเดินลอดผ่านซุ้มดอกไม้เข้ามาด้านใน กลับเห็นข้ารับใช้เพียงแค่สี่ห้าคนแต่เพียงเท่านั้น

ลั่วชิงเหยียนอุ้มหยุนชางเดินเข้ามายังเรือนรับรองของจวนเจ้าเมือง ภายในเรือนรับรองแห่งนี้ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจวน ภายในเรือนมีเพียงข้ารับใช้เพียงแค่สองคนเท่านั้น ลั่วชิงเหยียนเพียงอุ้มหยุนชางเดินเข้าไปในห้อง พร้อมวางนางลงบนตั่งนิ่ม ๆ. และวางมือทั้งสองข้างไว้บนตัวร่างกายของหยุนชาง พร้อมกวาดสายตามองจับจ้องนางอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง

"ท่านมองสิ่งใดกัน ?" หยุนชางทำได้เพียงถลึงตาใส่ลั่วชิงเหยียน พลางขมวดคิ้วลง พร้อมลูบใบหน้าของตนเองไปมา พร้อมถามด้วยความสงสัยออกมาว่า "หม่อมฉันอ้วนขึ้นมามากเลยงั้นหรือ ?"

ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนั้น. จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พร้อมลุกออกจากตัว มานั่งที่ข้างกายหยุนชาง "รีบเดินทางมาไม่กี่วันมาเช่นนี้ลำบากมากหรือไม่ ?"

หยุนชางพลันส่ายหน้าไปมา พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ฉินยีเตรียมสิ่งของมาอย่างดีเลยเพคะ. บนรถม้ามีผ้าห่มถึงห้าหกผืน การเดินทางที่ผ่านมาจึงไม่รู้สึกเวียนหัวเลยสักนิด การเดินทางมิได้รีบมาก จึงไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยเลยเพคะ"

"ข้าได้ยินองค์รักษ์เงารายงานมาว่า เนื่องจากเจ้าต้องการรีบเร่งเดินทางมาที่เมืองคังหยางโดยมิได้หลับไม่ได้นอนเป็นเวลาถึงสิบวัน ? เหตุใดจึงทำเช่นนั้น ?" แม้ว่าใบหน้าของลั่วชิงเหยียนจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมขมวดคิ้วจ้องมองมาที่หยุนชาง หากแต่ลักษณะเช่นนี้ยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวขึ้นไปอีก

"หม่อมฉันมิได้หลับไม่ได้นอนที่ใดกัน ? หม่อมฉันนอนบนรถม้าตลอดเลยเพคะ. ก่อนหน้านั้น ท่านมิได้บอกว่าข้าอ้วนขึ้นหรอกหรือ ?" หยุนชางพลันรีบร้อนยิ้มตอบกลับมา "หม่อมฉันเห็นว่า ท่านส่งจดหมายมาสั่งให้ข้าแคว้นคลาดปลอดภัย ที่แท้บัญชีนี้เก็บกลับมาคิดกับหม่อมฉันที่นี่งั้นหรือเพคะ?"

ลั่วชิงเหยียนพลันแย้มยิ้มออกมา "มาถึงเมืองชังหนานก็ดีแล้ว. มาอยู่ข้างกายข้าเช่นนี้ ข้าจักได้มิต้องคอยกระวนกระวายห่วงหาเจ้ามากนัก"

หยุนชางพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง พร้อมจ้องมองลั่วชิงเหยียนด้วยสายตาที่เหม่อมลอย. เมื่อครู่เขาพูดว่าอันใดกัน? เขากล่าวว่ากระวนกระวายห่วงหาข้างั้นหรือ ? หยุนชางกระพริบตาไปมาพร้อมทั้งหัวเราะออกมาเล็กน้อย เกรงว่าคำพูดของลั่วชิงเหยียนเช่นนี้. คงเป็นคำพูดที่เขาสารถาพรักออกมาได้ใส่ซื่อที่สุดแล้ว

ลั่วชิงเหยียนทำเพียงแค่ถอดรองเท้าออก. พร้อมนำหยุนชางเข้ามาสู่ในอ้อมกอด แล้วจึงเอนตัวนั่งบนตั่งพร้อมกับหยุนชาง

หยุนชางพลันเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของลั่วชิงเหยียนที่มีหนวดเคราขึ้นมาเยอะมากแล้ว ภายในใจกับคิดว่า. ไม่กี่วันมานี้ ถึงแม้ว่าเมืองชังหนานจะมิใช่สนามรบ หากแต่วันคืนที่ผ่านไปของลั่วชิงเหยียนคงมิได้ผ่านไปง่ายดายนัก ภายในใจพลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา หยุนชางพลางแย้มยิ้มกล่าวออกไปว่า "เมื่อเอนพิงลงมาเช่นนี้. ทำให้หม่อมฉันเริ่มรู้สึกง่วงยิ่งนัก เช่นนั้นเสด็จอาช่วยนอนเป็นเพื่อนหม่อมฉันเป็นอย่างไรเพคะ ?"

หัวของหยุนชางที่กำลังถูกลั่วชิงเหยียนลูบไปมานั้น พลันได้ยินเสียงของลั่วชิงเหยียนพูดข้ามหัวขึ้นมาว่า "อย่าได้เรียกข้าว่าเสด็จอา"

หยุนชางพยักหน้าลงเล็กน้อย "ตอนนี้ยามใดแล้ว?"

จื่อซูพลันรีบร้อนกล่าวออกมาว่า "ใกล้เข้ายามโหยว่แล้วเพคะ"

หยุนชางเพียงพยักหน้าลงเล็กน้อย พร้อมพึมพำกล่าวว่า "ใกล้ยามโหยว่แล้ว. ถ้าเช่นนั้น เกรงว่าท่านอ๋องคงใกล้จะกลับมาแล้วกระมัง เช่นนั้นก็มิได้ต้องไปเดินเล่นรอบจวนแล้ว"

เมื่อซูจื่อพลันแต่งตัวให้หยุนชางเรียบร้อยแล้ว จึงถอยกายออกจากห้องไป. หยุนชางจึงเดินไปยังหน้าตู้ตำรา พลางกวาดสายตามองไปทั่วชั้น ล้วนแต่เป็นตำราที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว เช่นตำราร้อยแซ่หรือตำราชั้นสูงทั่วไป รวมไปถึงตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ ล้วนแต่มีหมด หากแต่เมื่อได้อ่านแล้ว กับไม่มีอะไรให้น่าสนใจเลย

ตำราพวกนี้แค่หยุนชางลูกคลำก็สามารถเดาตำราได้ทั้งหมดแล้ว หยุนชางจึงมิได้รู้สึกให้ความสนใจนัก พลันหันกายไปสั่งจื่อซูว่า "อีกครู่หนึ่งเจ้าให้คนไปนำหีบตำราบนรถม้าลงมาเสีย " หยุนชางพลางหยิบตาราที่นำออกมาแล้ว นำไปไว้ไกลๆ พร้อมกล่าวออกมาอีกว่า "เกรงว่า คงจะอีกนานที่จะสามารถกลับไปที่เมืองจิ่นได้"

มินานเกินรอ ลั่วชิงเหยียนก็กลับมาแล้ว จื่อซูจึงเดินออกไปด้านนอกเพื่อบอกกล่าวกับข้ารับใช้ให้ไปจัดเตรียมยกสำรับขึ้นมา. หยุนชางจึงเดินเข้าไปช่วยลั่วชิงเหยียนถอดเสื้อกันลมออก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เมื่อครู่หม่อมฉันเดินไปมา. เหตุใดในเมืองชางหยางถึงมิเห็น กลองส่งสัญญาณในยามศึกสงครามเสียเลย. เหล่าทหารในยามนี้พวกเขาอยู่ที่ใดกัน? ท่านกำลังวางแผนอันใดอยู่กันแน่?"

ลั่วชิงเหยียนเพียงเงยหน้ามองหยุนชาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "เจ้าเพิ่งมา ก็กังวลแล้วหรือ ภายในเมืองแห่งนี้หูตามีไม่น้อย. ก่อนหน้านั้นชางเจียชิงซูรู้อยู่แล้วว่าข้าอยู่ที่เมืองชางหนาน. ข้าเพียงแค่ไม่ได้ให้พวกเขารับรู้ว่ากองทัพข้าอยู่ที่ใด. เขาคงคิดว่า หากตัวข้าอยู่ที่เมืองชางหนาน กองทัพข้าคงอยู่ไม่ไกลกระมัง ไม่กี่วันก่อน. ก็มีคนไม่น้อยพยายามขึ้นเขาหลายลูกใกล้เมืองชางหนาน เพื่อขึ้นไปคว้านหากองทัพของข้า "

"ท่านไม่ได้ต้องการลงมือที่เมืองชางหนานงั้นหรือ ? " หยุนชางตกตะลึงไปเล็กน้อย นี่มันต่างจากที่กลยุทธ์ที่พวกเราเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านั้นมิใช่หรือ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง